NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1316 มิตรหรือศัตรู

บทที่ 1316 มิตรหรือศัตรู

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของมหาเซียน แววตาของไป๋เห้อปรากฏความสงสัยขึ้น เขากะพริบตาปริบๆ สุดท้ายจึงยอมรับการลงโทษ

เมื่อเห็นเขารับคำแล้ว มหาเซียนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขาสัมผัสชายเสื้อก่อนจะเดินไปทางหลี่ฝาง

และในช่วงเวลาที่จับชายแขนเสื้ออยู่นั้น ไป๋เห้อกับกู่ยี่เทียนที่ไม่สามารถขยับตัวได้ก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่เนื่องจากร่างกายเสียสมดุลจากการต่อสู้ ทำให้พวกเขาทั้งสองหกล้มและกลิ้งลงไปกับพื้นเป็นก้อนกลมๆ

เมื่อเห็นคนทั้งสองกลิ้งหลุนๆ ไป หลี่ฝางรู้สึกราวกับมีอีกาบินอยู่เหนือศีรษะของตน

กู่ยี่เทียนผลักไป๋เห้อที่นอนทับอยู่ด้านบนตัวเองออก จากนั้นรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา พลางเหลือบไปมองด้วยสายตารังเกียจ

“แม่งเอ๊ย น่าขยะแขยง”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของไป๋เห้อก็เริ่มโมโหอีกครั้ง แต่ติดตรงที่มหาเซียนยังอยู่ตรงนั้น เขาจำต้องเก็บความโกรธแค้นในใจเอาไว้ เหลือบมองกู่ยี่เทียนคราหนึ่งก่อนจะเดินจากไป

หลังจากที่ไป๋เห้อไปแล้ว มหาเซียนถึงจะหันมามองพวกหลี่ฝาง แม้ว่าผิวกายของเขาจะมีแต่รอยย่นแก่หง่อม แต่ดวงตาของเขากลับล้ำลึกและเป็นประกายสดใส

เมื่อมองสำรวจหลี่ฝางจากหัวจรดเท้าแล้ว เขาก็อาศัยตอนที่หลี่ฝางยังไม่ทันตั้งตัว ยื่นฝ่ามือออกมากระแทกเข้าที่หน้าอกของหลี่ฝาง

หลี่ฝางคาดไม่ถึงว่ามหาเซียนจะชิงลงมือกับตนอย่างไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ เขาส่งเสียงกระอัก ภาพเบื้องหน้าดับวูบไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงพบว่าร่างกายของตนถูกเทพอ้านควบคุมอยู่

ในใจของหลี่ฝางเต็มไปด้วยความอัดอั้นมากมาย เขาพยายามจะแย่งความสามารถในการควบคุมร่างกายของตัวเองกลับมาจากเทพอ้าน แต่กลับพบว่าสติสัมปชัญญะของตัวเองถูกขังเอาไว้ในที่ว่างไร้รูปร่าง ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายการควบคุมนี้ได้

หลังจากที่เขาพยายามดิ้นรนอยู่พักใหญ่ก็พบว่าไร้ประโยชน์ หลี่ฝางจึงจำต้องยอมแพ้

แย่ชะมัด ตาแก่นี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่!

จากกรอบภาพเล็กๆ ที่เห็น หลี่ฝางแอบต่อว่ามหาเซียนที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าตนอยู่ในใจ

กู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยเองก็โดนการกระทำของมหาเซียนผู้นี้ทำให้งุนงง เขาเห็นกู่ยี่เทียนยิ้มอย่างมาดร้าย ส่วนพวกเขากระเด็นไปด้านหลังหลายเมตร

“ท่านมหาเซียน! ท่านจะทำอะไรกันแน่ ทำไม่ถึงต้องปล่อยให้เขาออกมาด้วย!”

เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นร่างของหลี่ฝางเต็มไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้าย เขาจึงจ้องหน้ามหาเซียนเขม็งพลางเอ่ยถาม

แต่มหาเซียนกลับทำหูทวนลมกับคำพูดของเขา แถมยังไม่ยอมชายตาไปมองกู่ยี่เทียนกับส้าวส้วย กลับหันมาเอ่ยกับเทพอ้านที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง

“คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปนานโขแล้ว แกจะยังไม่ยอมถอดใจอีก”

“ฮึ ฉันก็นึกว่ามหาเซียนที่พวกเขาเรียกขานจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ที่แท้ก็เป็นตาแก่ไม่ยอมตายอย่างแกนี่เอง”

เทพอ้านมองมหาเซียนจากมุมสูงกว่า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความถากถาง

ส่วนกู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ต่างมีสีหน้างุนงง นี่หมายความว่า เทพอ้านรู้จักกับมหาเซียนผู้นี้?

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ในข้อมูลที่มีไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน

มหาเซียนผู้นี้เพียงลงมือทีเดียวก็ปล่อยเทพอ้านออกมา ดูจากสถานการณ์แล้วมีความเป็นไปได้ที่เขาจะอยู่ข้างเดียวกับเทพอ้าน ตอนแรกคิดว่าจะมาที่เผ่ากู่เพื่อจัดการเรื่องเทพอ้าน แต่นี่เท่ากับเป็นการหาพวกให้แก่เทพอ้าน!

“บางทีเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันอาจจะไม่อยู่ในสายตาเทพอ้านผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อให้ท่านอวดดีมากแค่ไหน ก็เป็นได้เพียงวิญญาณที่ไปยืมร่างของคนอื่นพักพิงเท่านั้น”

“คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ต่อสู้เพื่อแย่งแผ่นดินกับเทพหมิงตอนนั้นจะตกต่ำได้ถึงขนาดนี้ ชั่งน่าขำนัก”

กู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยที่เดิมทีคิดว่ามหาเซียนผู้นี้เป็นผู้ร้าย เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ก็เริ่มมองเห็นความหวัง

จากสงครามน้ำลายของทั้งสอง มหาเซียนผู้นี้น่าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝางกระมัง

“ไป๋เย่ แกรนหาที่เอง!” เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมถากถางของมหาเซียนเช่นนี้ เทพอ้านก็โมโห หลังจากตะโกนออกมาแล้วก็ตั้งท่าจะลงมือ

ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี ลมพายุพัดรอบทิศทาง ทำให้พวกเขายืนไม่ติดและไม่อาจลืมตากว้างได้

ทว่ามหาเซียนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับหลี่ฝางกลับไม่สะทกสะท้าน แม้แต่เสื้อผ้าของเขายังไม่ส่ายไหว

“เทพอ้าน ท่านคงยังไม่เข้าใจร่างที่ท่านใช้เป็นเครื่องมืออยู่ตอนนี้ดีกระมัง ท่านคิดว่าครึ่งเทพจะเอาชนะเชียนอิสระอย่างข้าได้รึ”

มหาเซียนจ้องเขม็งไปยังเทพอ้านที่แผ่รังสีความชั่วร้ายออกมา มือซ้ายของเขาปรากฏดวงไฟขึ้น ส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนยังไม่ทันสังเกตได้ชัดว่าเขาลงมืออย่างไร ถึงได้ปราบเทพอ้านที่โกรธจนแทบจะทำลายล้างแผ่นดินลงได้

ดวงไฟนั้นพุ่งโจมตีเข้าไปที่หน้าอกของเทพอ้าน ต่อสู้กับพลังกลืนสีดำรอบกายของเขา

แม้ว่าพลังกลืนจะทรงพลัง แต่เมื่อเทียบกับดวงไฟแล้วกลับด้อยกว่า และเทพอ้านเองก็ดูเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากพลังของมัน จึงล้มลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุรายร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า

หลี่ฝางที่ถูกขังดวงจิตอยู่ ตอนนี้ก็ยังคงย่ำแย่ เขารู้สึกราวกับวิญญาณของเขากำลังถูกฉีกทึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้รสชาติของการอยู่ไม่สู้ตาย

ผ่านไปประมาณสามสี่นาที มหาเซียนได้นำดวงไฟนั้นเข้าไปในหน้าอกของหลี่ฝาง

หลี่ฝางที่เดิมทีมีสายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตก็เริ่มปรากฏประกายตาสดใสขึ้น ดวงจิตของเขาที่ถูกขังอยู่ในที่ว่างที่ไร้รูปร่างก็แตกออก หลี่ฝางกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง

ตอนนี้ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น เหงื่อไหลซึมทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกชื้น สภาพน่าอนาถที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้

“ท่าน ท่านทำอะไรกับร่างกายของผม” หลี่ฝางนอนราบอยู่บนพื้นพลางพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง เขาเงยหน้ามองมหาเซียนพร้อมเอ่ยถาม

“วางใจได้ เราแค่ช่วยเจ้าเอาไว้” เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฝาง มหาเซียนกลับไปวางท่าอย่างสูงส่งเกินเอื้อมและสง่างามดังเดิม แม้แต่จะเหลือบตามามองสักนิดยังไม่ยอม เมื่อกล่าวจบก็ไพล่สองมือไว้ข้างหลังแล้วเดินจากไป”

“แขกทั้งสาม ท่านมหาเซียนเหนื่อยมากแล้ว ต้องการพักผ่อน ต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนจัดที่พักอย่างดีให้แก่พวกท่าน เชิญพวกท่านตามฉันมา”

เมื่อมหาเซียนจากไปแล้ว สาวงามผู้ที่ยืนเงียบอยู่ตลอดก็ก้าวออกมาแล้วทำท่าเชื้อเชิญหลี่ฝางกับพวก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท