เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของมหาเซียน แววตาของไป๋เห้อปรากฏความสงสัยขึ้น เขากะพริบตาปริบๆ สุดท้ายจึงยอมรับการลงโทษ
เมื่อเห็นเขารับคำแล้ว มหาเซียนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขาสัมผัสชายเสื้อก่อนจะเดินไปทางหลี่ฝาง
และในช่วงเวลาที่จับชายแขนเสื้ออยู่นั้น ไป๋เห้อกับกู่ยี่เทียนที่ไม่สามารถขยับตัวได้ก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่เนื่องจากร่างกายเสียสมดุลจากการต่อสู้ ทำให้พวกเขาทั้งสองหกล้มและกลิ้งลงไปกับพื้นเป็นก้อนกลมๆ
เมื่อเห็นคนทั้งสองกลิ้งหลุนๆ ไป หลี่ฝางรู้สึกราวกับมีอีกาบินอยู่เหนือศีรษะของตน
กู่ยี่เทียนผลักไป๋เห้อที่นอนทับอยู่ด้านบนตัวเองออก จากนั้นรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา พลางเหลือบไปมองด้วยสายตารังเกียจ
“แม่งเอ๊ย น่าขยะแขยง”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของไป๋เห้อก็เริ่มโมโหอีกครั้ง แต่ติดตรงที่มหาเซียนยังอยู่ตรงนั้น เขาจำต้องเก็บความโกรธแค้นในใจเอาไว้ เหลือบมองกู่ยี่เทียนคราหนึ่งก่อนจะเดินจากไป
หลังจากที่ไป๋เห้อไปแล้ว มหาเซียนถึงจะหันมามองพวกหลี่ฝาง แม้ว่าผิวกายของเขาจะมีแต่รอยย่นแก่หง่อม แต่ดวงตาของเขากลับล้ำลึกและเป็นประกายสดใส
เมื่อมองสำรวจหลี่ฝางจากหัวจรดเท้าแล้ว เขาก็อาศัยตอนที่หลี่ฝางยังไม่ทันตั้งตัว ยื่นฝ่ามือออกมากระแทกเข้าที่หน้าอกของหลี่ฝาง
หลี่ฝางคาดไม่ถึงว่ามหาเซียนจะชิงลงมือกับตนอย่างไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ เขาส่งเสียงกระอัก ภาพเบื้องหน้าดับวูบไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงพบว่าร่างกายของตนถูกเทพอ้านควบคุมอยู่
ในใจของหลี่ฝางเต็มไปด้วยความอัดอั้นมากมาย เขาพยายามจะแย่งความสามารถในการควบคุมร่างกายของตัวเองกลับมาจากเทพอ้าน แต่กลับพบว่าสติสัมปชัญญะของตัวเองถูกขังเอาไว้ในที่ว่างไร้รูปร่าง ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายการควบคุมนี้ได้
หลังจากที่เขาพยายามดิ้นรนอยู่พักใหญ่ก็พบว่าไร้ประโยชน์ หลี่ฝางจึงจำต้องยอมแพ้
แย่ชะมัด ตาแก่นี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่!
จากกรอบภาพเล็กๆ ที่เห็น หลี่ฝางแอบต่อว่ามหาเซียนที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าตนอยู่ในใจ
กู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยเองก็โดนการกระทำของมหาเซียนผู้นี้ทำให้งุนงง เขาเห็นกู่ยี่เทียนยิ้มอย่างมาดร้าย ส่วนพวกเขากระเด็นไปด้านหลังหลายเมตร
“ท่านมหาเซียน! ท่านจะทำอะไรกันแน่ ทำไม่ถึงต้องปล่อยให้เขาออกมาด้วย!”
เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นร่างของหลี่ฝางเต็มไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้าย เขาจึงจ้องหน้ามหาเซียนเขม็งพลางเอ่ยถาม
แต่มหาเซียนกลับทำหูทวนลมกับคำพูดของเขา แถมยังไม่ยอมชายตาไปมองกู่ยี่เทียนกับส้าวส้วย กลับหันมาเอ่ยกับเทพอ้านที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง
“คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปนานโขแล้ว แกจะยังไม่ยอมถอดใจอีก”
“ฮึ ฉันก็นึกว่ามหาเซียนที่พวกเขาเรียกขานจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ที่แท้ก็เป็นตาแก่ไม่ยอมตายอย่างแกนี่เอง”
เทพอ้านมองมหาเซียนจากมุมสูงกว่า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความถากถาง
ส่วนกู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ต่างมีสีหน้างุนงง นี่หมายความว่า เทพอ้านรู้จักกับมหาเซียนผู้นี้?
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ในข้อมูลที่มีไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน
มหาเซียนผู้นี้เพียงลงมือทีเดียวก็ปล่อยเทพอ้านออกมา ดูจากสถานการณ์แล้วมีความเป็นไปได้ที่เขาจะอยู่ข้างเดียวกับเทพอ้าน ตอนแรกคิดว่าจะมาที่เผ่ากู่เพื่อจัดการเรื่องเทพอ้าน แต่นี่เท่ากับเป็นการหาพวกให้แก่เทพอ้าน!
“บางทีเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันอาจจะไม่อยู่ในสายตาเทพอ้านผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อให้ท่านอวดดีมากแค่ไหน ก็เป็นได้เพียงวิญญาณที่ไปยืมร่างของคนอื่นพักพิงเท่านั้น”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ต่อสู้เพื่อแย่งแผ่นดินกับเทพหมิงตอนนั้นจะตกต่ำได้ถึงขนาดนี้ ชั่งน่าขำนัก”
กู่ยี่เทียนกับส้าวส้วยที่เดิมทีคิดว่ามหาเซียนผู้นี้เป็นผู้ร้าย เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ก็เริ่มมองเห็นความหวัง
จากสงครามน้ำลายของทั้งสอง มหาเซียนผู้นี้น่าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝางกระมัง
“ไป๋เย่ แกรนหาที่เอง!” เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมถากถางของมหาเซียนเช่นนี้ เทพอ้านก็โมโห หลังจากตะโกนออกมาแล้วก็ตั้งท่าจะลงมือ
ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี ลมพายุพัดรอบทิศทาง ทำให้พวกเขายืนไม่ติดและไม่อาจลืมตากว้างได้
ทว่ามหาเซียนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับหลี่ฝางกลับไม่สะทกสะท้าน แม้แต่เสื้อผ้าของเขายังไม่ส่ายไหว
“เทพอ้าน ท่านคงยังไม่เข้าใจร่างที่ท่านใช้เป็นเครื่องมืออยู่ตอนนี้ดีกระมัง ท่านคิดว่าครึ่งเทพจะเอาชนะเชียนอิสระอย่างข้าได้รึ”
มหาเซียนจ้องเขม็งไปยังเทพอ้านที่แผ่รังสีความชั่วร้ายออกมา มือซ้ายของเขาปรากฏดวงไฟขึ้น ส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนยังไม่ทันสังเกตได้ชัดว่าเขาลงมืออย่างไร ถึงได้ปราบเทพอ้านที่โกรธจนแทบจะทำลายล้างแผ่นดินลงได้
ดวงไฟนั้นพุ่งโจมตีเข้าไปที่หน้าอกของเทพอ้าน ต่อสู้กับพลังกลืนสีดำรอบกายของเขา
แม้ว่าพลังกลืนจะทรงพลัง แต่เมื่อเทียบกับดวงไฟแล้วกลับด้อยกว่า และเทพอ้านเองก็ดูเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากพลังของมัน จึงล้มลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุรายร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า
หลี่ฝางที่ถูกขังดวงจิตอยู่ ตอนนี้ก็ยังคงย่ำแย่ เขารู้สึกราวกับวิญญาณของเขากำลังถูกฉีกทึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้รสชาติของการอยู่ไม่สู้ตาย
ผ่านไปประมาณสามสี่นาที มหาเซียนได้นำดวงไฟนั้นเข้าไปในหน้าอกของหลี่ฝาง
หลี่ฝางที่เดิมทีมีสายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตก็เริ่มปรากฏประกายตาสดใสขึ้น ดวงจิตของเขาที่ถูกขังอยู่ในที่ว่างที่ไร้รูปร่างก็แตกออก หลี่ฝางกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง
ตอนนี้ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น เหงื่อไหลซึมทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกชื้น สภาพน่าอนาถที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้
“ท่าน ท่านทำอะไรกับร่างกายของผม” หลี่ฝางนอนราบอยู่บนพื้นพลางพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง เขาเงยหน้ามองมหาเซียนพร้อมเอ่ยถาม
“วางใจได้ เราแค่ช่วยเจ้าเอาไว้” เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฝาง มหาเซียนกลับไปวางท่าอย่างสูงส่งเกินเอื้อมและสง่างามดังเดิม แม้แต่จะเหลือบตามามองสักนิดยังไม่ยอม เมื่อกล่าวจบก็ไพล่สองมือไว้ข้างหลังแล้วเดินจากไป”
“แขกทั้งสาม ท่านมหาเซียนเหนื่อยมากแล้ว ต้องการพักผ่อน ต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนจัดที่พักอย่างดีให้แก่พวกท่าน เชิญพวกท่านตามฉันมา”
เมื่อมหาเซียนจากไปแล้ว สาวงามผู้ที่ยืนเงียบอยู่ตลอดก็ก้าวออกมาแล้วทำท่าเชื้อเชิญหลี่ฝางกับพวก