NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1321 สู้ไปกับคุณ

บทที่ 1321 สู้ไปกับคุณ

“ส้าวส้วย!หลี่ฝาง!พวกคุณเป็นอะไรไปเหรอ?” กู่ยี่เทียนเห็นทั้งสองคนกุมหัวโวยวาย เลยรีบวิ่งเข้าไป

หลี่ฝางและส้าวส้วยที่ขัดขืนอยู่สักพักกลับค่อยๆ ใจเย็นลงมา

แต่ถึงทั้งสองจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่หลี่ฝางกับส้าวส้วยนั้นเหมือนจะไม่เหลือจุดโฟกัสในแววตาไปแล้ว เหมือนจิตหลุดก็มิปาน ไม่ว่ากู่ยี่เทียนจะเรียกอย่างไร ก็ไม่มีการตอบสนองเลย

เมื่อเห็นดังนั้น กู่ยี่เทียนก็ร้อนใจ พลางลืมพลังของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าสู่แดนดั่งเทพไปแล้ว ก่อนจะดึงเสื้อของเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็รีบตะโกนใส่เขา

“คุณทำอะไรกับพวกเขา!พวกเขาเป็นอะไร !ทำไมถึงไม่มีการตอบสนองอะไรเลยล่ะ!”

“กู่ยี่เทียน!มันจะมากไปแล้วนะ!รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”

ไป๋เห้อเองก็คิดไม่ถึงว่ากู่ยี่เทียนจะกล้าลงมือกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นก็รีบเข้าไปห้าม แต่กู่ยี่เทียนในตอนนั้นเองไม่ได้ฟังคำโน้มน้าวอะไรเลย เลยผลักไป๋เห้อออก จากนั้นก็เบิกตามองเซียนผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความโกรธ

“นี่มันเซียนบ้าอะไรกัน ถ้าวันนี้พวกพ้องสองคนนี้เป็นอะไรไป กูจะถือว่าถวายชีวิตนี้ และจะถลกหนังมึงออกมาเลย!”

เมื่อได้ฟังคำขู่ของกู่ยี่เทียน เซียนผู้ยิ่งใหญ่กลับไม่ได้โกรธอะไร จากนั้นจึงตบมือของเขาเบาๆ ก่อนจะพูดว่า

“วางใจเถอะ ตอนนี้พวกเขาสองคนแค่เข้าสู่ความทรงจำของเทพหมิงเทพอ้านเท่านั้นเอง นอกจากทำให้พวกเขาหลับไม่ได้สติไปไม่กี่วัน ก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาหรอก”

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว กู่ยี่เทียนหันหัวไปมองพวกหลี่ฝางที่นอนหลับตาปี๋อยู่ที่พื้น ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น

“คุณเอาอะไรมารับประกันว่าพวกเขาจะปลอดภัย?” สำหรับกู่ยี่เทียนแล้ว คำพูดของเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั้นยังมีความน่าสงสัยไม่น้อยเลย

เมื่อเห็นว่ากู่ยี่เทียนไม่เชื่อตัวเอง เซียนผู้ยิ่งใหญ่เลยยิ้มขึ้นเบาๆ จากนั้นก็หยิบอัญมณีเจ็ดสีออกมาพบางวางเอาไว้ในมือของกู่ยี่เทียน

“นี่คือหัวใจของฉัน ถ้าหลังจากนี้สามวันพวกเขาทั้งสองยังไม่ฟื้น คุณบดขยี้มันให้แหลกได้เลย”

เมื่อเห็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาอัญมณีนี้ออกมา ไป๋เห้อกับไป๋หลินก็เบิกตาโพลง โดยเฉพาะตอนที่เขาเอาอัญมณีอันนี้มาใส่มือของกู่ยี่เทียน พวกเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นมาพร้อมกันทันที

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!อย่านะ!”

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!มันไม่คุ้มหรอก!”

นี่มันไม่ใช่อัญมณีธรรมดา แต่เป็นหัวใจแก้วดวงเดียวในที่แห่งนี้ มันไม่เพียงแค่เป็นหัวใจของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่มันยังเป็นที่รวบรวมพลังของเขาด้วย

ถ้าบดหัวใจแก้วเจ็ดสีนี้ให้แหลกไป เซียนผู้ยิ่งใหญ่เองก็ต้องถึงจุดจบ

นี่มันเป็นของที่เกี่ยวข้องกัยชีวิตของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาต้องไม่เห็นด้วยที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาหัวใจแก้วเจ็ดสีไปให้กู่ยี่เทียนอยู่แล้ว

“ไม่มีปัญหา” เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนที่ไม่เห็นด้วยแล้ว เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะทำท่าทีไร้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

“ไม่!ฉันไม่มีทางเห็นด้วยกับคุณที่จะเอาหัวใจแก้วเจ็ดสีไปให้เขา!ถ้าจะเอาให้เขา งั้นก็เอาหัวใจของฉันเอาไปให้เขาเถอะ!”

ไป๋เห้อมีท่าทีแน่วแน่มาก ก่อนจะแย่งหัวใจแก้วเจ็ดสีในมือกู่ยี่เทียนกลับมา จากนั้นก็ทำมือเป็นกรงเล็บไปจิกที่หน้าอกของตัวเอง จากนั้นหน้าอกก็มีอัญมณีสีขาวออกมา

“นี่คือของของฉัน เอาไป!” หลังจากที่เอาหัวใจออกมา สีหน้าของไป๋เห้อก็ดูแย่กว่าเมื่อครู่มาก ขาทั้งสองข้างอ่อนลง จนเกือบจะล้ม ไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเข้ามาช่วยพยุงเขาไว้

กู่ยี่เทียนมองอัญมณีที่เปล่งประกายสีขาวออกมา คิ้วก็ขมวดหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ลังเลสักพักแล้ว ก็โบกมืออย่างหงุดหงิดใจ

“ช่างมันเถอะๆ เอาหัวใจสดๆ ออกมาให้คนอื่น มันน่ารังเกียจไหมเนี่ย”

หลังจากที่พูดคำนี้จบ กู่ยี่เทียนก็หันตัวไปพยุงหลี่ฝางที่อยู่ที่พื้น

ท่าทีของเขานั้นทำให้ไป๋เห้อกับไป๋หลินรู้สึกตะลึงเล็กน้อย หลังจากที่อึ้งไปแล้ว ไป๋เห้อก็ผลักไป๋หลินที่พยุงเขาออก จากนั้นเท้าก็เดินลอยๆ ไปข้างกายกู่ยี่เทียน พลางยัดเยียดเอาหัวใจของตัวเองใส่มือเขา

“คุณไม่เอาก็ต้องเอา!ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนนี้ คุณฆ่าฉันเมื่อไหร่ก็ได้”

“คุณ!บ้าไปแล้วเหรอ!” ถืออัญมณีนี้อย่างระวัง กู่ยี่เทียนก็ทั้งโกรธและหงุดหงิด

คนคนนี้สมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย ตัวเองบอกว่าไม่ต้อง ยังพยายามจะยัดใส่มือมาอีก หรือว่าเบื่อเวลาที่มีมากมายแล้ว เลยอยากตายงั้นเหรอ?

“วางใจเถอะ ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ หัวใจนี้คุณรักษาให้ฉันให้ดีๆ จากนี้สามวันค่อยคืนฉันอย่างไม่ให้มันเสียหาย”

เมื่อได้ยินกู่ยี่เทียนด่าตัวเองว่าเป็นบ้า ไป๋เห้อก็เบ้ปาก หลังจากที่กำชับแล้วก็พยุงส้าวส้วยที่นอนอยู่ขึ้นมา จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปด้านนอก

“ให้ตายเถอะ กูไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้สึกแย่นะ?” เมื่อเห็นเงาของไป๋เห้อ กู่ยี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา

ไม่ว่าปากจะบอกว่าไม่ชอบไป๋เห้อมากเท่าไหร่ แต่กู่ยี่เทียนก็ยังเก็บอัญมณีเอาไว้อย่างระวัง

ตั้งแต่วันนั้นที่หลี่ฝางกับส้าวส้วยไม่ได้สติไป ก็ผ่านไปถึงสามวัน ในสามวันนี้ กู่ยี่เทียนแทบจะไม่ห่างไปจากข้างกายพวกเขาเลย

เพียงไม่นานเวลาก็ผ่านไปสามวันแล้ว แต่พวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นมา ในใจของกู่ยี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะเต้นตึกตัก

รอแล้วรอเล่า ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงยังนอกตรงๆ อย่างไม่ขยับอะไรเลย กู่ยี่เทียนนั้นนั่งไม่ติดจริงๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปที่ที่อยู่ของเซียนผู้ยิ่งใหญ่

แต่เดินไปเพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของหลี่ฝางขึ้นมาทันที กู่ยี่เทียนเลยหันกลับไป จากนั้นก็เดินยึกยักเข้าไปอยู่ข้างๆ หลี่ฝาง

“เหล้าหลี่?เหล้าหลี่ฟื้นแล้วเหรอ?คุณได้ยินเสียงของฉันไหม?ยังรู้จักฉันไหมเนี่ย?”

เมื่อเห็นหลี่ฝางที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา กู่ยี่เทียนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะจับไหล่ของเขาพลางถามเสียงดัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท