“ส้าวส้วย!หลี่ฝาง!พวกคุณเป็นอะไรไปเหรอ?” กู่ยี่เทียนเห็นทั้งสองคนกุมหัวโวยวาย เลยรีบวิ่งเข้าไป
หลี่ฝางและส้าวส้วยที่ขัดขืนอยู่สักพักกลับค่อยๆ ใจเย็นลงมา
แต่ถึงทั้งสองจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่หลี่ฝางกับส้าวส้วยนั้นเหมือนจะไม่เหลือจุดโฟกัสในแววตาไปแล้ว เหมือนจิตหลุดก็มิปาน ไม่ว่ากู่ยี่เทียนจะเรียกอย่างไร ก็ไม่มีการตอบสนองเลย
เมื่อเห็นดังนั้น กู่ยี่เทียนก็ร้อนใจ พลางลืมพลังของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าสู่แดนดั่งเทพไปแล้ว ก่อนจะดึงเสื้อของเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็รีบตะโกนใส่เขา
“คุณทำอะไรกับพวกเขา!พวกเขาเป็นอะไร !ทำไมถึงไม่มีการตอบสนองอะไรเลยล่ะ!”
“กู่ยี่เทียน!มันจะมากไปแล้วนะ!รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
ไป๋เห้อเองก็คิดไม่ถึงว่ากู่ยี่เทียนจะกล้าลงมือกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นก็รีบเข้าไปห้าม แต่กู่ยี่เทียนในตอนนั้นเองไม่ได้ฟังคำโน้มน้าวอะไรเลย เลยผลักไป๋เห้อออก จากนั้นก็เบิกตามองเซียนผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความโกรธ
“นี่มันเซียนบ้าอะไรกัน ถ้าวันนี้พวกพ้องสองคนนี้เป็นอะไรไป กูจะถือว่าถวายชีวิตนี้ และจะถลกหนังมึงออกมาเลย!”
เมื่อได้ฟังคำขู่ของกู่ยี่เทียน เซียนผู้ยิ่งใหญ่กลับไม่ได้โกรธอะไร จากนั้นจึงตบมือของเขาเบาๆ ก่อนจะพูดว่า
“วางใจเถอะ ตอนนี้พวกเขาสองคนแค่เข้าสู่ความทรงจำของเทพหมิงเทพอ้านเท่านั้นเอง นอกจากทำให้พวกเขาหลับไม่ได้สติไปไม่กี่วัน ก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาหรอก”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว กู่ยี่เทียนหันหัวไปมองพวกหลี่ฝางที่นอนหลับตาปี๋อยู่ที่พื้น ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
“คุณเอาอะไรมารับประกันว่าพวกเขาจะปลอดภัย?” สำหรับกู่ยี่เทียนแล้ว คำพูดของเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั้นยังมีความน่าสงสัยไม่น้อยเลย
เมื่อเห็นว่ากู่ยี่เทียนไม่เชื่อตัวเอง เซียนผู้ยิ่งใหญ่เลยยิ้มขึ้นเบาๆ จากนั้นก็หยิบอัญมณีเจ็ดสีออกมาพบางวางเอาไว้ในมือของกู่ยี่เทียน
“นี่คือหัวใจของฉัน ถ้าหลังจากนี้สามวันพวกเขาทั้งสองยังไม่ฟื้น คุณบดขยี้มันให้แหลกได้เลย”
เมื่อเห็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาอัญมณีนี้ออกมา ไป๋เห้อกับไป๋หลินก็เบิกตาโพลง โดยเฉพาะตอนที่เขาเอาอัญมณีอันนี้มาใส่มือของกู่ยี่เทียน พวกเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นมาพร้อมกันทันที
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!อย่านะ!”
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!มันไม่คุ้มหรอก!”
นี่มันไม่ใช่อัญมณีธรรมดา แต่เป็นหัวใจแก้วดวงเดียวในที่แห่งนี้ มันไม่เพียงแค่เป็นหัวใจของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่มันยังเป็นที่รวบรวมพลังของเขาด้วย
ถ้าบดหัวใจแก้วเจ็ดสีนี้ให้แหลกไป เซียนผู้ยิ่งใหญ่เองก็ต้องถึงจุดจบ
นี่มันเป็นของที่เกี่ยวข้องกัยชีวิตของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาต้องไม่เห็นด้วยที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาหัวใจแก้วเจ็ดสีไปให้กู่ยี่เทียนอยู่แล้ว
“ไม่มีปัญหา” เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนที่ไม่เห็นด้วยแล้ว เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะทำท่าทีไร้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ไม่!ฉันไม่มีทางเห็นด้วยกับคุณที่จะเอาหัวใจแก้วเจ็ดสีไปให้เขา!ถ้าจะเอาให้เขา งั้นก็เอาหัวใจของฉันเอาไปให้เขาเถอะ!”
ไป๋เห้อมีท่าทีแน่วแน่มาก ก่อนจะแย่งหัวใจแก้วเจ็ดสีในมือกู่ยี่เทียนกลับมา จากนั้นก็ทำมือเป็นกรงเล็บไปจิกที่หน้าอกของตัวเอง จากนั้นหน้าอกก็มีอัญมณีสีขาวออกมา
“นี่คือของของฉัน เอาไป!” หลังจากที่เอาหัวใจออกมา สีหน้าของไป๋เห้อก็ดูแย่กว่าเมื่อครู่มาก ขาทั้งสองข้างอ่อนลง จนเกือบจะล้ม ไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเข้ามาช่วยพยุงเขาไว้
กู่ยี่เทียนมองอัญมณีที่เปล่งประกายสีขาวออกมา คิ้วก็ขมวดหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ลังเลสักพักแล้ว ก็โบกมืออย่างหงุดหงิดใจ
“ช่างมันเถอะๆ เอาหัวใจสดๆ ออกมาให้คนอื่น มันน่ารังเกียจไหมเนี่ย”
หลังจากที่พูดคำนี้จบ กู่ยี่เทียนก็หันตัวไปพยุงหลี่ฝางที่อยู่ที่พื้น
ท่าทีของเขานั้นทำให้ไป๋เห้อกับไป๋หลินรู้สึกตะลึงเล็กน้อย หลังจากที่อึ้งไปแล้ว ไป๋เห้อก็ผลักไป๋หลินที่พยุงเขาออก จากนั้นเท้าก็เดินลอยๆ ไปข้างกายกู่ยี่เทียน พลางยัดเยียดเอาหัวใจของตัวเองใส่มือเขา
“คุณไม่เอาก็ต้องเอา!ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนนี้ คุณฆ่าฉันเมื่อไหร่ก็ได้”
“คุณ!บ้าไปแล้วเหรอ!” ถืออัญมณีนี้อย่างระวัง กู่ยี่เทียนก็ทั้งโกรธและหงุดหงิด
คนคนนี้สมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย ตัวเองบอกว่าไม่ต้อง ยังพยายามจะยัดใส่มือมาอีก หรือว่าเบื่อเวลาที่มีมากมายแล้ว เลยอยากตายงั้นเหรอ?
“วางใจเถอะ ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ หัวใจนี้คุณรักษาให้ฉันให้ดีๆ จากนี้สามวันค่อยคืนฉันอย่างไม่ให้มันเสียหาย”
เมื่อได้ยินกู่ยี่เทียนด่าตัวเองว่าเป็นบ้า ไป๋เห้อก็เบ้ปาก หลังจากที่กำชับแล้วก็พยุงส้าวส้วยที่นอนอยู่ขึ้นมา จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปด้านนอก
“ให้ตายเถอะ กูไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้สึกแย่นะ?” เมื่อเห็นเงาของไป๋เห้อ กู่ยี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา
ไม่ว่าปากจะบอกว่าไม่ชอบไป๋เห้อมากเท่าไหร่ แต่กู่ยี่เทียนก็ยังเก็บอัญมณีเอาไว้อย่างระวัง
ตั้งแต่วันนั้นที่หลี่ฝางกับส้าวส้วยไม่ได้สติไป ก็ผ่านไปถึงสามวัน ในสามวันนี้ กู่ยี่เทียนแทบจะไม่ห่างไปจากข้างกายพวกเขาเลย
เพียงไม่นานเวลาก็ผ่านไปสามวันแล้ว แต่พวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นมา ในใจของกู่ยี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะเต้นตึกตัก
รอแล้วรอเล่า ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงยังนอกตรงๆ อย่างไม่ขยับอะไรเลย กู่ยี่เทียนนั้นนั่งไม่ติดจริงๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปที่ที่อยู่ของเซียนผู้ยิ่งใหญ่
แต่เดินไปเพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของหลี่ฝางขึ้นมาทันที กู่ยี่เทียนเลยหันกลับไป จากนั้นก็เดินยึกยักเข้าไปอยู่ข้างๆ หลี่ฝาง
“เหล้าหลี่?เหล้าหลี่ฟื้นแล้วเหรอ?คุณได้ยินเสียงของฉันไหม?ยังรู้จักฉันไหมเนี่ย?”
เมื่อเห็นหลี่ฝางที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา กู่ยี่เทียนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะจับไหล่ของเขาพลางถามเสียงดัง