NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1333 รูปร่างดีขึ้น

บทที่ 1333 รูปร่างดีขึ้น

หยางฉงไม่ยอมหยุดเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ฉินวี่เฟยมีลูก

หยูหลิงฮุ่ยที่อยู่หน้าประตูได้ยินบทสนทนาของสองสาว พลันเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

“น้องหยางฉง ในเมื่อเธอชอบเด็กขนาดนั้น ถ้างั้นก็รอลูกของบ้านฉันเกิดแล้วช่วยเลี้ยงด้วยกันเลยเป็นไง”

ผ่านการอาศัยด้วยกันในช่วงนี้ หยูหลิงฮุ่ยและหยางฉงกับฉินวี่เฟยก็ค่อยๆ คุ้นเคยกัน เมื่ออยู่ว่างไม่มีงานก็มักจะมาร่วมแจมด้วย ช่วยหยางฉงดูแลผิงอัน

เมื่อได้ยินคำของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยรีบลุกขึ้นประคองให้เธอนั่งลงที่ข้างๆ หยางฉง

“ร่างกายของเธอไม่สะดวก ต้องพักผ่อนให้มาก ทำไมถึงได้วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่เรื่อย ถ้าเธออยากเจอเรา เราพาผิงอันไปหาเธอได้”

เมื่อจ้องมองท้องที่กลมดิ๊กของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยอดเอ็ดไม่ได้

รู้ว่าฉินวี่เฟยเป็นห่วงเธอ หยูหลิงฮุ่ยเผยรอยยิ้ม ดึงมือของฉินวี่เฟยมาไว้

“ฉันไม่เป็นไร หมอบอกแล้วว่าให้ฉันออกกำลังกายเยอะๆ จะเป็นผลดีต่อการคลอด อีกอย่าง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เดินแค่ไม่กี่ก้าวจะเหนื่อยตายหรือไง?”

อันที่จริงจะโทษฉินวี่เฟยระวังตัวเกินเหตุก็ไม่ได้ เป็นเพราะตอนที่หยางฉงอุ้มท้องผิงอัน ร่างกายเธออ่อนแอ สี่ห้าเดือนแรกแทบจะใช้ชีวิตบนเตียงเลย เพียงแค่อารมณ์ไม่คงที่นิดหน่อย ก็จะส่งผลต่อครรภ์

เมื่อได้ยินคำของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยทำตาขวางใส่เธออย่างถือโทษ “เธอนี่นะ ระวังหน่อยก็ดี”

“พี่วี่เฟย ฉันว่าพี่คอยดูแลฉันจนเกิดเป็นอาการป่วยไปแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่อุ้มทองแล้วจะต้องระมัดระวังแบบฉัน พี่หลิงฮุ่ยเธอร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องห่วงเกินไปนักหรอก”

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยบ่นหยูหลิงฮุ่ยราวกับมารดา หยางฉงอดขัดขึ้นไม่ได้

“เหอะ ฉันคนเดียวเถียงพวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว พวกเธอจะทำอะไรก็ตามใจ ฉันไม่สนใจแล้ว”

ฉินวี่เฟยไม่พอใจ ก่อนที่จะะหมุนตัวหนี แสร้งไม่สนใจหยางฉงและหยูหลิงฮุ่ย

หยางฉงและหยูหลิงฮุ่ยมองหน้ากัน ลอบหัวเราะออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะโอบแขนของฉินวี่เฟยคนละข้าง ออดอ้อนฉินวี่เฟย

“พี่สาวที่ดี ฉันรู้ว่าเธอหวังดีต่อฉัน อย่าเลิกสนใจฉันเลย พี่เป็นแม่บุญธรรมของลูกฉันนะ”

“นั่นสิๆ พี่วี่เฟย เด็กในท้องของพี่หลิงฮุ่ยเป็นผู้หญิง พี่จะใจแข็งไม่สนใจเธอได้งั้นหรือ?”

……

ฉินวี่เฟยที่แสร้งโกรธสู้การออดอ้อนของทั้งคู่ไม่ไหว สีหน้าที่บูดบึ้งเผยรอยยิ้ม

“พอได้แล้วๆ ทำอะไรพวกเธอไม่ได้จริงๆ เห็นแก่ลูกสาวบุญธรรมของฉัน และลูกชายบุญธรรม ฉันไม่โกรธพวกเธอก็ได้”

ฉินวี่เฟยดีดหน้าผากของหยางฉงอย่างถือโทษ ทำทีท่าใจกว้างพร้อมกล่าว

“แหะๆ พี่วี่เฟยดีที่สุดเลย” หยางฉงกอดคอฉินวี่เฟย พลันหอมแก้มของเธอจนเป็นรอยลิปสติก

“โอ๊ย สกปรกจะแย่” แม้ปากของฉินวี่เฟยจะบอกรังเกียจ แต่สายตาที่ยิ้มตาหยีกลบความดีใจของเธอไม่อยู่

หยางฉงที่แอบแต๊ะอั๋งจนสำเร็จหัวเราะจนตัวงอ ฉินวี่เฟยเช็ดรอยลิปสติกบนใบหน้า พลันโพล่งไปที่หยางฉง ไม่นานทั้งสามก็หยอกล้อเล่นกัน

หลังจากที่ทั้งสามเหนื่อยแล้ว หยางฉงถึงได้นึกขึ้นได้เรื่องที่หลี่ฝางจะกลับมา พลันดูนาฬิกาที่ข้อมือ พบว่าอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงหลี่ฝางก็จะลงเครื่อง เธอเกิดลนลานขึ้นมา

“ทำยังไงดี อีกเดี๋ยวพี่หลี่ฝางก็จะกลับมาแล้ว ฉันยังไม่ได้แต่งตัวเลย”

หยางฉงดูผมที่ยุ่งเหยิงในกระจก ใส่ชุดนอนที่ดูธรรมดาใจร้อนอย่างมาก

หยูหลิงฮุ่ยจ้องมองทีท่าเหมือนเด็กสาวของหยางฉง พลันรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

เมื่อไหร่กันที่จะได้เหมือนกับหยางฉง แต่งตัวให้สวยงามเพื่อรอคนที่ตนเองรักกลับบ้าน?

“พอได้แล้ว แบบไหนของเธอกันที่หลี่ฝางไม่เคยเห็น? ต่อให้ไม่แต่งตัว หลี่ฝางก็ไม่กล้ารังเกียจเธอหรอก”

ฉินวี่เฟยจ้องมองหยางฉงที่ร้อนรน พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หยางฉงหยิบชุดกระโปรงชุดหนึ่งเปรียบเทียบกันที่กระจก กล่าวโดยไม่หันกลับไปมอง “ให้ความกล้าเขาเป็นร้อยเขาก็ไม่กล้าหรอก แต่ฉันก็แค่อยากจะให้พี่หลี่ฝางเห็นมุมที่สวยที่สุด”

เป็นถึงคุณแม่แล้ว แต่การกระทำยังเป็นเหมือนกับเด็กสาว ฉินวี่เฟยหัวเราะพร้อมส่ายหน้า เดินไปยังหยางฉง หยิบหวีงาช้างขึ้นหวีผมให้กับเธออย่างประณีต

“ฉันว่าชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนเหมาะกับเธอมาก การออกแบบที่รัดกุมสามารถทำให้เห็นสัดส่วนของรูปร่างของเธอเป็นอย่างดี”

แม้ฉินวี่เฟยจะพูดความจริง แต่สำหรับหยางฉงกลับเป็นความหมายอีกอย่าง

หลังจากที่คลอดลูก รูปร่างที่ถือว่าอยู่ในระดับกลางของหยางฉง กลายเป็นมีส่วนโค้งส่วนว้าวขึ้นมาในทันที รูปเอวsของผู้หญิง ทำให้เธอที่ดูใสซื่อเป็นเซ็กซี่ขึ้นมาในพริบตา

เมื่อจ้องมองรูปร่างที่มีน้ำมีนวลของตนเอง หยางฉงหน้าแดงอย่างอดไม่ได้

“พี่วี่เฟย ทำไมพี่ถึงได้ร้ายกาจแบบนี้”

ฉินวี่เฟยที่ได้ยินอย่างงั้นนิ่งไป ไม่ทันได้ไหวตัวถึงความหมายของหยางฉง หลังจากนั้นหยางฉงที่แก้มแดงเรื่อในกระจก ถึงได้เข้าใจขึ้นมา

“แค่กๆ ฉันแค่ชมเธอรูปร่างดีเท่านั้น เธอเองต่างหากที่คิดมากไปเอง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท