NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1318 มหาเซียนเชิญเข้าพบ

บทที่ 1318 มหาเซียนเชิญเข้าพบ

“ท่านมหาเซียน เป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อไป๋หลินเดินเข้ามาจากด้านนอกก็เห็นสีหน้าของมหาเซียนซีดขาวนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ทำเอานางตกใจจนทำถ้วยน้ำชาในมือตกลงบนพื้น จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปพยุงเขาขึ้นมาจากพื้น

“ไป๋หลิน? อึ้ก……” มหาเซียนพิงอยู่ที่ไหล่ของไป๋หลิน พลางค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพียงเขาเอ่ยปากออกมาสองคำ เลือดสดสีแดงก็ไหลทะลักออกมาจากปาก

แม้ว่ามหาเซียนจะมีอายุมากแล้ว แต่ที่ผ่านมาร่างกายแข็งแรง จึงไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ไป๋หลินจึงเริ่มร้อนใจ จากนั้นจึงวางมหาเซียนให้กลับไปนอนบนพื้นก่อนจะวิ่งออกไปตามคนมาช่วย

“ไป๋เห้อ! ไป๋เห้อ! พี่รีบมาที่นี่เร็วเข้า ท่านมหาเซียนแย่แล้ว!”

ตอนนี้ไป๋เห้อกำลังหันหน้าเข้ากำแพงเพื่อสำนึกผิดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงของไป๋หลินดังแว่วมาจึงหลับตาเพียงครู่เดียว เมื่อลืมตาขึ้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋หลินแล้ว

เขารีบผลักไป๋หลินออกไป แล้ววิ่งโซซัดโซเซเข้าไปในห้องของมหาเซียน

“ท่านมหาเซียน! ท่านมหาเซียน! ท่านเป็นอะไรไป”

เมื่อเห็นสภาพของมหาเซียนเป็นเช่นนั้น ไป๋เห้อ เองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เช็ดเลือดที่ปากจนสะอาด จากนั้นประคองร่างของเขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิเอาไว้

จากนั้นจึงยกฝ่ามือขึ้นมาทำท่ารวมปราณ แล้วเอาฝ่ามือของตนทาบไว้บริเวณกลางหน้าอกของมหาเซียน ถ่ายพลังไปยังร่างของมหาเซียน

“ไป๋เห้อ เราไม่เป็นไร เรารู้จักร่างกายของตัวเองดี เจ้า แค่กๆ …… เจ้าไปเรียกคนพวกนั้นเข้ามา เรามีเรื่องอยากคุยกับพวกเขา”

หลังจากได้ซึมซับพลังจากไป๋เห้อ สติสัมปชัญญะของมหาเซียนก็ค่อยๆ กลับมา จึงหายใจหอบพลางกล่าวกำชับ

“ท่านมหาเซียน ตอนนี้ท่านเป็นอย่างนี้ไปแล้ว อย่าไปสนใจพวกคนนอกนั่นเลย” ไป๋เห้อ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ของท่านมหาเซียนอย่างมาก

เขากับไป๋หลินสองคนติดตามมหาเซียนอยู่บนเขาภูเขาหลินแห่งนี้มาตั้งแต่จำความได้ สำหรับพวกเขาแล้วมหาเซียนไม่ได้เป็นเพียงผู้อาวุโสที่น่าเคารพมากที่สุดในเผ่ากู่เท่านั้น แต่เป็นเสมือนครอบครัวของพวกเขา

ในสายตาของพวกเขา มหาเซียนสำคัญกว่าทุกคน เวลานี้เมื่อเขาบาดเจ็บ ไป๋เห้อก็ได้แต่หวังว่ามหาเซียนจะหายป่วยกลับมาโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เรื่องภายนอกใดๆ ก็ตามเข้ามารบกวน

“เด็กดี ข้าไม่เป็นไร ไปเถิด” มหาเซียนรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของไป๋เห้อเป็นอย่างดี จึงยื่นมือลูบศีรษะของไป๋เห้อแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเมตตา

“ไป๋หลิน น้องไปตามพวกเขาเข้ามา” เมื่อเห็นมหาเซียนยืนยันที่จะพบคนพวกนั้น ไป๋เห้อจำต้องรับปากแล้วหันไปสั่งไป๋หลิน จากนั้นจึงพยุงมหาเซียนไปนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือด้านข้าง

“แม่นางไป๋หลิน เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ท่านมหาเซียนเป็นอะไรไป”

เมื่อครู่นี้ไป๋หลินตะโกนเสียงดัง จึงทำให้พวกส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนได้ยินอย่างชัดเจน พวกเขาจึงปรึกษากันและตั้งท่าจะไปสอบถามสถานการณ์ เพราะเทพอ้านและพลังกลืนในตัวของหลี่ฝางยังต้องการให้มหาเซียนช่วยกำจัดออกไป

หลังจากหลี่ฝางพักผ่อนไปเมื่อครู่บ้างแล้ว เรี่ยวแรงของเขาก็ฟื้นฟูกลับมา แม้ว่ากู่ยี่เทียนจะบอกให้เขารออยู่ด้านในห้อง ทว่าตัวเขากลับนั่งไม่ติดจึงขอติดตามมาด้วย

ไป๋หลินแอบเหลือบมองส้าวส้วยด้วยแววตาอ่อนโยน แต่นางก็รีบซ่อนแววตาของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วหันไปกล่าวกับหลี่ฝาง

“พวกคุณมาพอดีเลย ท่านมหาเซียนกำลังตามตัวคุณอยู่ ตามฉันมาทางนี้”

เมื่อเอ่ยจบ ไป๋หลินก็หันตัวไปอีกด้านเพื่อนำไปยังทิศทางของห้องมหาเซียน ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ นางไม่เคยปรายตามองกู่ยี่เทียนเลยสักครั้ง นี่เองทำให้กู่ยี่เทียนรู้สึกอัดอั้น แล้วแอบคิดในใจว่า ตัวเขาทำอะไรผิดต่อแม่นางไป๋หลินคนนี้กันแน่

เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขาก็มาถึงห้องของมหาเซียน ตอนนี้มหาเซียนได้กินยาตานที่ตนเป็นคนกลั่นออกมา สีหน้าจึงดีขึ้นมาก เมื่อเห็นหลี่ฝางเดินเข้ามาด้านในจึงโบกมือเรียกเขา

“หลี่ฝาง เจ้ามานี่”

แต่เป็นเพราะบทเรียนจากฝ่ามือเมื่อครู่นี้ ทำให้หลี่ฝางยังคงมีท่าทีระแวดระวังต่อมหาเซียนอยู่ จึงเอ่ยตอบมหาเซียนไปโดยยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ท่านมหาเซียนมีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถิด ผมอยู่ตรงนี้แหละ”

เมื่อเห็นหลี่ฝางมีท่าทีไม่เชื่อใจตัวเอง มหาเซียนจึงหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก แล้ววางถ้วยยาในมือลง

“เจ้าคงสงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไมเมื่อครู่นี้เราถึงปล่อยเทพอ้านออกมา และคงอยากรู้ว่าเราเอาอะไรเข้าไปในอกของเจ้าเมื่อครู่นี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ฝางจึงเลิกคิ้วแล้วแอบคิดในใจ

นี่นับว่าเป็นคำพูดไร้สาระหรือไม่ จู่ๆ ก็ใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าที่อกของเขา แถมยังเอาดวงจิตของเขาขังไว้ในที่ว่างเปล่าไร้รูปร่าง สุดท้ายยังเอาอะไรไม่รู้ใส่ไว้ในอกของเขาอีก ความเจ็บปวดราวกับวิญญาณจะแตกสลายเมื่อครู่นี้ทำให้เขาคิดอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

เมื่อเห็นหลี่ฝางไม่ยอมเดินเข้ามาใกล้ มหาเซียนก็ไม่ได้บีบบังคับ เมื่อยาออกฤทธิ์แล้วจึงจะเอ่ยปากต่อไปว่า

“เรื่องเกี่ยวกับเทพหมิงและเทพอ้าน เราคิดว่าพวกเจ้าคงพอรู้มาบ้างแล้วจากซากปรักหักพังลึกลับ ก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึงเผ่ากู่ พวกเจ้าก็คงได้ข้อมูลเรื่องของเทพไท่จี๋มาจากผู้อาวุโสบ้างแล้ว ดังนั้นเรื่องราวและฐานะของพวกเขา เราคิดว่าเราคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากแล้วกระมัง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของพวกหลี่ฝางก็รู้สึกตื่นตะลึง ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้ว คนในเผ่ากู่ตัดขาดจากโลกภายนอกมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาน่าจะไม่รู้เรื่องราวจากโลกภายนอกจึงจะถูก

แต่มหาเซียนผู้นี้ ไม่เพียงรู้ว่าพวกเขาไปที่ซากปรักหักพังลึกลับมาเท่านั้น แต่ยังรู้อีกว่าผู้อาวุโสให้ข้อมูลกับพวกเขามาด้วย

เรื่องนี้มันพิลึกเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้ออกมาเลย

“พวกเจ้าอยากเลื่อนขั้นเป็นเทพใช่หรือไม่” เมื่อกล่าวจบในตอนแรก มหาเซียนก็โพล่งถามคำถามนี้ออกมาอีก นี่ยิ่งทำให้พวกหลี่ฝางสงสัยกันมากขึ้นไปอีก

ความหมายของเขาคืออะไร

“นักรบคนใดก็ตามต่างอยากเป็นเทพทั้งนั้น” หลี่ฝางครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบออกมา

มหาเซียนไม่ได้แสดงความเห็นอะไรกับคำตอบนี้ เพียงยิ้มแล้วกล่าวต่อไปว่า

“ใช่แล้ว การได้เลื่อนขั้นเป็นเทพถือเป็นความฝันขั้นสูงสุดของผู้เป็นนักรบ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันผู้ฝึกปฏิบัติมีมากมายนับไม่ถ้วน ทว่าผู้ได้เลื่อนเป็นเทพนั้นมีน้อยจนนับตัวได้ โดยเฉพาะในหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ พรสวรรค์ของพวกเจ้าทั้งสามคนสูงมาก การจะเลื่อนเป็นเทพได้เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน