NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่1341 จั๊กจั่นทอง

บทที่1341 จั๊กจั่นทอง

จิ้งหรีดทองเท่านิ้วมือกำลังคลานอยู่ในกล่องเงียบเชียบ ทั้งร่างเป็นสีทองอร่าม ดูแล้วราวกับทองคำ

“นี่มันยังมีชีวิตหรือว่าตายแล้ว?” หลี่ฝางจ้องมองจิ้งหรีดทองตัวนั้น กล่าวถามอย่างสงสัย

ตงฟางเย่นไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินคำถาม เพียงแค่สวมถุงมือไหมแท้ นำจิ้งหรีดทองออกมาจากกล่องอย่างระมัดระวัง

นาทีที่มือของเธอถูกจิ้งหรีดทอง หลี่ฝางเห็นปีกของจิ้งหรีดทองขยับ ทีแรกที่คิดว่าจะบินหนี แต่มันกลับคลานอยู่บนมือของตงฟางเย่นอย่างว่าง่าย

โลกกว้างใหญ่มีสิ่งประหลาดมากมาย หลี่ฝางถือว่าได้เจอโลกกว้าง แต่กลับไม่รู้ว่าจิ้งหรีดทองคืออะไร

“เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อว่าจิ้งหรีดทอง พันปีมีตัวหนึ่ง พันปีฟักไข่ครั้งหนึ่ง หลังฟักไข่อยู่ได้แค่เจ็ดวัน บรรพบุรุษของฉันได้จิ้งหรีดทองตัวนี้มา ใช้ไม้ทิพย์ดำพันปีสร้างกล่องใบนี้ขึ้นมาและใช้น้ำแข็งสีดำหมื่นปีเก็บรักษาเอาไว้ ถึงได้ให้มันมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้”

“จิ้งหรีดทองมีพิษมาก คนที่สัมผัสมันจะต้องตายทันที ต้องใช้ถุงมือพิเศษที่ทำจากไหมเย็น แม้จิ้งหรีดทองจะมีพิษร้ายแรง แต่เลือดกวางทิพย์ ถุงน้ำดีคางคกหนาว ใจงูดำ ใบหวายเลือด ผลแก้วม่วงยาพวกนี้นำมาผสมกัน ก็จะสามารถแก้พิษของมันได้ ขณะเดียวกัน ก็มีสรรพคุณเสริมสร้างจิตวิญญาณทำให้ร่างกายแข็งแรง”

ตงฟางเย่นใช้มือลูบไล้จิ้งหรีดทองอย่างแผ่วเบา พร้อมกับแนะนำกับหลี่ฝาง

หลี่ฝางนิ่งไปเมื่อได้อย่างงั้น เรื่องของจิ้งหรีดทองนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน เขาไม่รู้ว่าตงฟางเย่นกำลังหลอกลวงเขาอยู่หรือไม่

“เอางี้แล้วกัน จิ้งหรีดทองของเธอผมเอากลับไปให้คนของผมดูหน่อย หากมันวิเศษอย่างที่เธอว่าจริงๆ ตระกูลตงฟางหลังจากนี้ผมจะดูแลเอง ถ้าเธอโกหกผม ก็อย่าหวังว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรจากตระกูลหลี่อีก”

หลี่ฝางไตร่ตรอง ตัดสินใจที่จะนำจิ้งหรีดทองกลับไปให้ไป๋หลินตรวจสอบ ไป๋หลินอยู่กับเซียนผู้ยิ่งใหญ่มานาน สิ่งของประหลาดพวกนี้เธอคงต้องรู้จักบ้าง ไม่แน่เธออาจจะรู้จักจิ้งหรีดทอง

“ไม่ได้ จิ้งหรีดทองเป็นของวิเศษของตระกูลตงฟาง หากไม่ใช่เหตุจำเป็นจริงๆ ฉันไม่มีทางนำมันออกมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับนายแน่ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นายเอากลับไปจะสลับของฉันไหม”

ตงฟางเย่นปฏิเสธข้อเสนอของหลี่ฝางโดยไม่คิด ตระกูลตงฝางเหลือเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้นไม่ได้

“เอางี้แล้วกัน ผมเรียกคนมาดู หากเธอบอกว่าได้ ฉันก็จะรับเอาไว้”

หลี่ฝางเองก็ไม่อยากจะโต้แย้งกับตงฟางเย่น จึงติดต่อหาส้าวส้วย ให้เขาพาไป๋หลินมาที่ร้านอาหาร

ผ่านไปไม่นาน ส้าวส้วยก็พาไป๋หลินเข้ามา ต่อให้ไป๋หลินปิดหน้าแล้ว แต่ก็ดึงดูดสายตาของเหล่าชายหนุ่มไม่น้อย

ไป๋หลินที่ใสซื่อดึงชายเสื้อของส้าวส้วยแน่น ก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าจ้องมองชายหนุ่มรอบข้าง

“ไม่ต้องกลัว” ส้าวส้วยจับมือของไป๋หลินเอาไว้ ปลอบใจเสียงแผ่ว

ตงฟางเย่นจ้องมองมือของทั้งสองที่กุมกันแน่น พลางยักคิ้ว “ส้าวส้วย ไม่คิดเลยไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วัน นายกลับได้ภรรยาที่สวยแบบนี้ ยินดีด้วย”

เมื่อได้ยินคำว่าภรรยา แก้มนวลที่ถูกปกปิดด้วยผ้าบางๆ เกิดร้อนผ่าว พลันแหงนหน้าขึ้นมองส้าวส้วยอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมแอบคิดในใจ เขาจะตอบยังไงนะ?

มือของส้าวส้วยที่จูงไป๋หลินไว้แข็งทื่อ ข้ามประโยคของตงฟางเย่น “เอาของออกมาดูหน่อย”

“ฮ่า ไม่คิดเลยว่าคนแบบนาย จะมีวันที่หวั่นไหวด้วย” ตงฟางเย่นจ้องมองส้าวส้วยอย่างประหลาด หัวเราะเสียงแผ่ว ก่อนที่จะเปิดกล่องไม้ออก

“จิ้งหรีดทอง? !” ไป๋หลินที่ไม่ได้คำตอบจากส้าวส้วยกำลังสลดใจ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องดวงตาเบิกกว้างทันที

พลันหยิบกล่องไม้ขึ้นอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบจิ้งหรีดทองด้านในอย่างละเอียด ผ่านไปสักพักหนึ่งกว่าจะปริปาก

“นี่เป็นจิ้งหรีดทองจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นภาพของมันในหนังสือที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่เก็บสะสมมาก่อน มันมีผลต่อการกำจัดพลังแห่งการกลืน หลี่ฝาง นายเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี!”

เมื่อได้รับการยืนยันจากไป๋หลิน หลี่ฝางจึงไว้วางใจ สั่งให้ส้าวส้วยเก็บรักษากล่องไม้เอาไว้ จ้องมองตงฟางเย่นยื่นมือซ้ายออกไป

“จิ้งหรีดทองนี่ผมจะรับเอาไว้ ต่อจากนี้ตระกูลตงฟางจะอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลี่ มีเรื่องอะไรบอกชื่อผมไป”

หลังได้ฟังคำของหลี่ฝาง ตงฟางเย่นเผยรอยยิ้มจับมือของหลี่ฝาง “ถ้างั้นต่อจากนี้ฝากตัวด้วย”

หลังจากวันนี้ที่หลี่ฝางทำข้อแลกเปลี่ยนกับตงฟางเย่น ตระกูลตงฟางจึงหยุดการโจมตีตระกูลหลี่ทางด้านธุรกิจ

เรื่องที่ตระกูลตงฟางอยู่ใต้อาณัติขอตระกูลหลี่ก็ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าคนที่คิดจะเล่นงานตระกูลตงฟางในทีแรกก็ลอบกัดฟันแน่

ไม่นานก็ถึงเวลาที่เหล่าหลี่ฝางจะต้องเดินทาง ทุกคนล่ำลากันที่หน้าสถานตากอากาศ

หลี่ฝางอุ้มผิงอันเอาไว้อย่างรักใคร่ ทำหน้าทะเล้นเย้าแหย่ผิงอันจนหัวเราะลั่น

“เด็กดื้อ น้ำลายโดนเสื้อคุณพ่อหมดแล้ว” หยางฉงจ้องมองผิงอันที่ดูดนิ้วของตนเองอย่างมีความสุข พลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำลายให้เขาอย่างไร้หนทาง

“ไม่เป็นไร เด็กน้อยน้ำลายไหลเป็นเรื่องปกติ” หลี่ฝางเหลือบมองรอยคราบน้ำลายบนไหล่ของตนเอง ไม่ได้ใส่ใจนัก

“ใช่สิ เธอว่าชื่อหลี่ฉงเป็นไง? ‘ฉง’ สูงศักดิ์ ความหมายว่ารุ่งเรือง ผมหวังว่าอนาคตลูกชายจะเป็นคนเหนือคน ในเวลาเดียวกัน ผมก็หวังว่าเขาจะสร้างโลกนักรบใหม่”

ในขณะที่กล่าวลา หลี่ฝางพูดชื่อที่เขาคิดให้กับลูกชายออกมา หลี่ฉงชื่อนี้เขาคิดอยู่นานจนถึงตอนนี้ถึงได้ตัดสินใจได้

“คุณเป็นพ่อของลูก คุณว่ายังไงก็ตามนั้น ไม่ว่าอีกหน่อยลูกจะเป็นยังไง ฉันก็หวังว่าเขาจะอยู่รอดปลอดภัย”

หยางฉงไม่ได้ตั้งความหวังกับลูกสูงมากนัก แม้คนอื่นจะบอกว่าลูกชายของเธอเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า แต่ในสายตาของผู้เป็นแม่ ลูกจะเป็นลูกตลอดไป

แม่ทุกคน ความหวังที่ง่ายที่สุดที่มีต่อลูกก็คือหวังให้เขาร่างกายแข็งแรงอยู่รอดปลอดภัยไปทั้งชีวิต

“โอเค ถ้างั้นก็ตามนี้ ผ่านไปอีกหน่อย ลูกอายุได้หนึ่งเดือนเธอก็ให้พ่อไปพาเขาไปขึ้นทะเบียนบ้าน ครั้งนี้ผมคงต้องไปสามเดือนถึงจะกลับมา เธออยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ ดูแลลูกดีๆ”

หลี่ฝางลูปหัวของหยางฉง กำชับอย่างอาลัย

“พอได้แล้ว ไม่ได้ออกจากบ้านครั้งแรกสักหน่อย วางใจเถอะ ที่บ้านมีฉันอยู่ ฉันจะดูแลน้องกับผิงอันเอง แล้วอีกอย่าง พ่อกับแม่ก็อยู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ดูแลตัวเองดีๆ ระวังตัวด้วย”

ฉินวี่เฟยที่อยู่อีกด้านจัดแจงเสื้อผ้าให้กับหลี่ฝาง บอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท