จิ้งหรีดทองเท่านิ้วมือกำลังคลานอยู่ในกล่องเงียบเชียบ ทั้งร่างเป็นสีทองอร่าม ดูแล้วราวกับทองคำ
“นี่มันยังมีชีวิตหรือว่าตายแล้ว?” หลี่ฝางจ้องมองจิ้งหรีดทองตัวนั้น กล่าวถามอย่างสงสัย
ตงฟางเย่นไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินคำถาม เพียงแค่สวมถุงมือไหมแท้ นำจิ้งหรีดทองออกมาจากกล่องอย่างระมัดระวัง
นาทีที่มือของเธอถูกจิ้งหรีดทอง หลี่ฝางเห็นปีกของจิ้งหรีดทองขยับ ทีแรกที่คิดว่าจะบินหนี แต่มันกลับคลานอยู่บนมือของตงฟางเย่นอย่างว่าง่าย
โลกกว้างใหญ่มีสิ่งประหลาดมากมาย หลี่ฝางถือว่าได้เจอโลกกว้าง แต่กลับไม่รู้ว่าจิ้งหรีดทองคืออะไร
“เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อว่าจิ้งหรีดทอง พันปีมีตัวหนึ่ง พันปีฟักไข่ครั้งหนึ่ง หลังฟักไข่อยู่ได้แค่เจ็ดวัน บรรพบุรุษของฉันได้จิ้งหรีดทองตัวนี้มา ใช้ไม้ทิพย์ดำพันปีสร้างกล่องใบนี้ขึ้นมาและใช้น้ำแข็งสีดำหมื่นปีเก็บรักษาเอาไว้ ถึงได้ให้มันมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้”
“จิ้งหรีดทองมีพิษมาก คนที่สัมผัสมันจะต้องตายทันที ต้องใช้ถุงมือพิเศษที่ทำจากไหมเย็น แม้จิ้งหรีดทองจะมีพิษร้ายแรง แต่เลือดกวางทิพย์ ถุงน้ำดีคางคกหนาว ใจงูดำ ใบหวายเลือด ผลแก้วม่วงยาพวกนี้นำมาผสมกัน ก็จะสามารถแก้พิษของมันได้ ขณะเดียวกัน ก็มีสรรพคุณเสริมสร้างจิตวิญญาณทำให้ร่างกายแข็งแรง”
ตงฟางเย่นใช้มือลูบไล้จิ้งหรีดทองอย่างแผ่วเบา พร้อมกับแนะนำกับหลี่ฝาง
หลี่ฝางนิ่งไปเมื่อได้อย่างงั้น เรื่องของจิ้งหรีดทองนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน เขาไม่รู้ว่าตงฟางเย่นกำลังหลอกลวงเขาอยู่หรือไม่
“เอางี้แล้วกัน จิ้งหรีดทองของเธอผมเอากลับไปให้คนของผมดูหน่อย หากมันวิเศษอย่างที่เธอว่าจริงๆ ตระกูลตงฟางหลังจากนี้ผมจะดูแลเอง ถ้าเธอโกหกผม ก็อย่าหวังว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรจากตระกูลหลี่อีก”
หลี่ฝางไตร่ตรอง ตัดสินใจที่จะนำจิ้งหรีดทองกลับไปให้ไป๋หลินตรวจสอบ ไป๋หลินอยู่กับเซียนผู้ยิ่งใหญ่มานาน สิ่งของประหลาดพวกนี้เธอคงต้องรู้จักบ้าง ไม่แน่เธออาจจะรู้จักจิ้งหรีดทอง
“ไม่ได้ จิ้งหรีดทองเป็นของวิเศษของตระกูลตงฟาง หากไม่ใช่เหตุจำเป็นจริงๆ ฉันไม่มีทางนำมันออกมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับนายแน่ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นายเอากลับไปจะสลับของฉันไหม”
ตงฟางเย่นปฏิเสธข้อเสนอของหลี่ฝางโดยไม่คิด ตระกูลตงฝางเหลือเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้นไม่ได้
“เอางี้แล้วกัน ผมเรียกคนมาดู หากเธอบอกว่าได้ ฉันก็จะรับเอาไว้”
หลี่ฝางเองก็ไม่อยากจะโต้แย้งกับตงฟางเย่น จึงติดต่อหาส้าวส้วย ให้เขาพาไป๋หลินมาที่ร้านอาหาร
ผ่านไปไม่นาน ส้าวส้วยก็พาไป๋หลินเข้ามา ต่อให้ไป๋หลินปิดหน้าแล้ว แต่ก็ดึงดูดสายตาของเหล่าชายหนุ่มไม่น้อย
ไป๋หลินที่ใสซื่อดึงชายเสื้อของส้าวส้วยแน่น ก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าจ้องมองชายหนุ่มรอบข้าง
“ไม่ต้องกลัว” ส้าวส้วยจับมือของไป๋หลินเอาไว้ ปลอบใจเสียงแผ่ว
ตงฟางเย่นจ้องมองมือของทั้งสองที่กุมกันแน่น พลางยักคิ้ว “ส้าวส้วย ไม่คิดเลยไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วัน นายกลับได้ภรรยาที่สวยแบบนี้ ยินดีด้วย”
เมื่อได้ยินคำว่าภรรยา แก้มนวลที่ถูกปกปิดด้วยผ้าบางๆ เกิดร้อนผ่าว พลันแหงนหน้าขึ้นมองส้าวส้วยอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมแอบคิดในใจ เขาจะตอบยังไงนะ?
มือของส้าวส้วยที่จูงไป๋หลินไว้แข็งทื่อ ข้ามประโยคของตงฟางเย่น “เอาของออกมาดูหน่อย”
“ฮ่า ไม่คิดเลยว่าคนแบบนาย จะมีวันที่หวั่นไหวด้วย” ตงฟางเย่นจ้องมองส้าวส้วยอย่างประหลาด หัวเราะเสียงแผ่ว ก่อนที่จะเปิดกล่องไม้ออก
“จิ้งหรีดทอง? !” ไป๋หลินที่ไม่ได้คำตอบจากส้าวส้วยกำลังสลดใจ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องดวงตาเบิกกว้างทันที
พลันหยิบกล่องไม้ขึ้นอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบจิ้งหรีดทองด้านในอย่างละเอียด ผ่านไปสักพักหนึ่งกว่าจะปริปาก
“นี่เป็นจิ้งหรีดทองจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นภาพของมันในหนังสือที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่เก็บสะสมมาก่อน มันมีผลต่อการกำจัดพลังแห่งการกลืน หลี่ฝาง นายเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี!”
เมื่อได้รับการยืนยันจากไป๋หลิน หลี่ฝางจึงไว้วางใจ สั่งให้ส้าวส้วยเก็บรักษากล่องไม้เอาไว้ จ้องมองตงฟางเย่นยื่นมือซ้ายออกไป
“จิ้งหรีดทองนี่ผมจะรับเอาไว้ ต่อจากนี้ตระกูลตงฟางจะอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลี่ มีเรื่องอะไรบอกชื่อผมไป”
หลังได้ฟังคำของหลี่ฝาง ตงฟางเย่นเผยรอยยิ้มจับมือของหลี่ฝาง “ถ้างั้นต่อจากนี้ฝากตัวด้วย”
หลังจากวันนี้ที่หลี่ฝางทำข้อแลกเปลี่ยนกับตงฟางเย่น ตระกูลตงฟางจึงหยุดการโจมตีตระกูลหลี่ทางด้านธุรกิจ
เรื่องที่ตระกูลตงฟางอยู่ใต้อาณัติขอตระกูลหลี่ก็ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าคนที่คิดจะเล่นงานตระกูลตงฟางในทีแรกก็ลอบกัดฟันแน่
ไม่นานก็ถึงเวลาที่เหล่าหลี่ฝางจะต้องเดินทาง ทุกคนล่ำลากันที่หน้าสถานตากอากาศ
หลี่ฝางอุ้มผิงอันเอาไว้อย่างรักใคร่ ทำหน้าทะเล้นเย้าแหย่ผิงอันจนหัวเราะลั่น
“เด็กดื้อ น้ำลายโดนเสื้อคุณพ่อหมดแล้ว” หยางฉงจ้องมองผิงอันที่ดูดนิ้วของตนเองอย่างมีความสุข พลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำลายให้เขาอย่างไร้หนทาง
“ไม่เป็นไร เด็กน้อยน้ำลายไหลเป็นเรื่องปกติ” หลี่ฝางเหลือบมองรอยคราบน้ำลายบนไหล่ของตนเอง ไม่ได้ใส่ใจนัก
“ใช่สิ เธอว่าชื่อหลี่ฉงเป็นไง? ‘ฉง’ สูงศักดิ์ ความหมายว่ารุ่งเรือง ผมหวังว่าอนาคตลูกชายจะเป็นคนเหนือคน ในเวลาเดียวกัน ผมก็หวังว่าเขาจะสร้างโลกนักรบใหม่”
ในขณะที่กล่าวลา หลี่ฝางพูดชื่อที่เขาคิดให้กับลูกชายออกมา หลี่ฉงชื่อนี้เขาคิดอยู่นานจนถึงตอนนี้ถึงได้ตัดสินใจได้
“คุณเป็นพ่อของลูก คุณว่ายังไงก็ตามนั้น ไม่ว่าอีกหน่อยลูกจะเป็นยังไง ฉันก็หวังว่าเขาจะอยู่รอดปลอดภัย”
หยางฉงไม่ได้ตั้งความหวังกับลูกสูงมากนัก แม้คนอื่นจะบอกว่าลูกชายของเธอเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า แต่ในสายตาของผู้เป็นแม่ ลูกจะเป็นลูกตลอดไป
แม่ทุกคน ความหวังที่ง่ายที่สุดที่มีต่อลูกก็คือหวังให้เขาร่างกายแข็งแรงอยู่รอดปลอดภัยไปทั้งชีวิต
“โอเค ถ้างั้นก็ตามนี้ ผ่านไปอีกหน่อย ลูกอายุได้หนึ่งเดือนเธอก็ให้พ่อไปพาเขาไปขึ้นทะเบียนบ้าน ครั้งนี้ผมคงต้องไปสามเดือนถึงจะกลับมา เธออยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ ดูแลลูกดีๆ”
หลี่ฝางลูปหัวของหยางฉง กำชับอย่างอาลัย
“พอได้แล้ว ไม่ได้ออกจากบ้านครั้งแรกสักหน่อย วางใจเถอะ ที่บ้านมีฉันอยู่ ฉันจะดูแลน้องกับผิงอันเอง แล้วอีกอย่าง พ่อกับแม่ก็อยู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ดูแลตัวเองดีๆ ระวังตัวด้วย”
ฉินวี่เฟยที่อยู่อีกด้านจัดแจงเสื้อผ้าให้กับหลี่ฝาง บอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง