NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1340 สมบัติ

บทที่ 1340 สมบัติ

ครั้งนี้หลี่ฝางมาตามนัดแค่มากับราฟาเอลเท่านั้น หลี่ฝางนั่งอยู่ต่อหน้าเหมือนว่าพวกเขามากันสองต่อสอง แต่คนของตงฟางเย่นไม่มีใครกล้าดูถูกความสามารถของพวกเขาเลย

“อืม ใช่สิ นายเป็นใครกัน จะเข้าใกล้เทพแล้ว จะมองขยะอย่างเราไว้ในสายตาได้ยังไงกัน?”

ประโยคที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นของหลี่ฝางเท่ากับสาดเกลือลงบนบาดแผลของตงฟางเย่น ตอนแรกเธอก็เป็นคนที่มีความสามารถมาก ได้รับการนับหน้าถือตา

คนมากมายต่างต้องแหงนหน้ามองเธอ และคนมากมายต่างก็อิจฉาในสถานะตำแหน่งของเธอ แต่ตอนนี้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนก็ตกจากสวรรค์ลงสู่นรก เธอที่ไร้ยุทธก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ

เมื่อได้ยินตงฟางเย่นเหยียดหยามดูถูกตนเอง หลี่ฝางรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำลายยุทธของตงฟางเย่น แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเล็กๆ น้อยๆ

คิดว่าคนที่ยโสภาคภูมิ ไม่มองทุกคนอยู่สายตาอย่างตงฟางเย่น กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปแบบนี้ ช่างน่าเสียดาย

“ตงฟางเย่น สำหรับยุทธของเธอผมขอโทษจริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ เธอวางใจเถอะ ผมจะชดเชยให้กับตระกูลตงฟางสุดความสามารถเท่าที่ผมจะทำได้”

หลี่ฝางไม่พูดประโยคนี้ยังดี เมื่อพูดแบบนั้น ตงฟางเย่นยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่ พลันตบโต๊ะเสียงดัง ดวงตาสีเลือดจ้องเขม็งหลี่ฝาง

“ชดเชย? เหอะ พูดง่ายดีนี่! ตระกูลฟางของเราล่มอย่างสมบูรณ์เพราะตระกูลลี่ รุ่นเยาว์คนที่ตายก็ตายจากก็จาก เพิ่งพาฉันคนเดียวที่แบกรับเอาไว้ แต่ตอนนี้แม้แต่ฉันก็กลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้ว นายกำลังฆ่าล้งตระกูล!”

หลี่ฝางนิ่งไปสักพัก ถอนหายใจอย่างไร้หนทางก่อนกล่าว

“เฮ้อ เธอใจเย็นก่อน ผมรู้ว่าตระกูลตงฟางแบบนี้วันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมอย่างมาก แต่ตระกูลฟางก็ใช่ว่าไม่มีความผิดอะไรเลย ตอนแรกหากไม่ใช่พวกเธอหาเรื่องผมก่อน จะเป็นแบบวันนี้ได้ยังไง?”

“คนโบราณว่าไว้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง อย่าโทษความผิดทุกอย่างให้กับตระกูลหลี่ ผมมาหาเธอในวันนี้ เพราะจิตสำนึก อยากจะชดเชยให้กับตระกูลตงฟาง บอกตามตรง ต่อให้ผมไม่ชดเชยอะไรเลย พวกเธอก็ทำอะไรผมไม่ได้”

ตงฟางเย่นโกรธจนแทบระเบิดกับคำพูดเหล่านี้ของหลี่ฝาง แต่ต่อให้เป็นอย่างงั้น เธอก็พอมีสติอยู่บ้าง หลี่ฝางพูดไม่ผิด ความสามารถของตระกูลหลี่ ต่อให้ตระกูลไม่ชดเชยอะไรเลย ก็ไม่กล้ามีมีเรื่องกับเขา

เธอเองก็ไตร่ตรองถึงสิ่งนี้ เพราะงั้นตอนที่หวางเจี้ยนบอกว่าจะสู้กับตระกูลหลี่ให้ตายไปข้างตงฝางเย่นจึงไม่เห็นด้วย

วิธีการยอมให้ตนเองเจ็บตัวก็ไม่ยอมรักษาเอาตัวรอดแบบนี้ ไม่ว่ายังไงตงฟางเย่นก็ไม่มีทางยอม

ตระกูลตงฟางผ่านความรุ่งโรจน์มากว่าร้อยปี เธอไม่มีทางยอมให้ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต้องล่มสลายในมือของเธอแน่

เพราะงั้นหลังจากที่ได้ข่าวว่าหลี่ฝางเป็นฝ่ายนัดเธอ ตงฟางเย่นจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

หากสามารถใช้ยุทธของเธอ แลกกับการอารักขาตระกูลตงฟางจากตระกูลหลี่ ก็ถือว่าคุ้ม

“หลี่ฝาง ฉันต้องการให้ชดเชยอะไรก็ได้ใช่ไหม?” ตงฟางเย่นสบสายตาของหลี่ฝาง กล่าวเสียงทุ้ม

ร่างของหลี่ฝางเอนไปด้านหลังเล็กน้อย กล่าวตอบเมื่อได้ท่าที่นั่งสบายแล้ว “ไม่ใช่อยู่แล้ว หรือเธอให้ผมไปตาย ผมก็ต้องไปฉันงั้นหรือไง?”

ตงฟางเย่นหัวเราะเสียงแผ่ว จ้องมองหลี่ฝางอย่างไม่เกรงกลัว ในที่สุดเธอก็มีความเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลตงฟาง

“ฮ่าๆ วางใจเถอะ.ฉันไม่ให้นายไปตายหรอก ฉันก็ไม่คิดจะให้คนของตระกูลหลี่ไปตายด้วย สิ่งที่ฉันต้องการง่ายมาก ก็คือตระกูลหลี่หลังจากนี้ต้องเป็นที่เพิ่งพิงให้กับตระกูลตงฟาง”

เป็นที่เพิ่งพิงของตระกูลตงฟางอันที่จริงข้อเสนอนี้ไม่เกินไปนัก หลี่ฝางก็เข้าใจว่าทำไมตงฟางเย่นถึงต้องการสิ่งนี้จากเขา

ตระกูลตงฟางเป็นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ในอดีต พวกเขาเคยมีอำนาจและความมั่งคั่งที่คนอื่นไม่สามารถต่อกรด้วยได้

แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ได้สาบสูญไปสิ้น หากตงฟางเย่นไม่หาที่เพิ่งที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลตงฟางละก็ ถ้างั้นตระกูลตงฟางก็จะถูกตระกูลอื่นทำลายจนล่มสลาย

หลี่ฝางเอื้อมมือ นิ้วมือเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ

“ตระกูลหลี่ของเขาไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุน เป็นที่พึ่งของตระกูลตงฟางก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ปัญหาคือ ตระกูลตงฟางมีค่าอะไรที่เราต้องปกป้องดูแล?”

ใช่ว่าหลี่ฝางแล้งน้ำใจ เขาเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น ตระกูลหลี่ของพวกเขาไม่ได้ว่างถึงขนาดดูแลพวกที่ไม่เอาไหน

“ฉันรู้อยู่แล้ว ถ้าฉันไม่มีสิ่งที่นายสนใจ ฉันจะนัดพบนายได้ยังไง?”

เมื่อตงฟางเย่นกล่าวจบจึงปรบมือ กล่าวกับลูกน้อง “เอาของมา”

ไม่นานหวางเจี้ยนก็นำกล่องไม้สีดำเข้ามา วางลงตรงหน้าของหลี่ฝาง

“นี่อะไร?” หลี่ฝางจ้องมองกล่องไม้แกะสลักที่ซับซ้อนสีดำขลับ

“ได้ข่าวว่านายกำลังหายาที่จะขับไล่พลังแห่งการกลืนในร่างใช่ไหม?” ตางฟางเย่นเท้าคางด้วยมือเดียว จ้องมองหลี่ฝางอย่างเป็นนัย

เมื่อได้ยินอย่างงั้น สายตาของหลี่ฝางเปลี่ยนไปทันที จ้องมองตงฟางเย่นนิ่ง “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

เมื่อเห็นทีท่าตื่นเต้นของหลี่ฝาง ตงฟางเย่นหัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งลูบไล้กล่องไม้แกะสลัก กล่าวอย่างเย้าแหย่

“ฉันรู้ได้ยังไงไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือในกล่องนี้ มีสิ่งที่นายต้องการ”

สิ่งที่ฉันต้องการ? หรือว่าในกล่องนี้มีตัวยาอยู่?

“นายไม่ต้องเดาหรอก ข้างในนี้ไม่ใช่วัตถุดิบยา แต่เป็นของวิเศษที่ล้ำค่า”

ตงฟางเย่นมองความคิดของหลี่ฝางทะลุปรุโปร่ง พลันทำตาขวางใส่หลี่ฝาง สายตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

“เมื่อในรวบรวมวัตถุดิบครบ ต้องแช่อยู่ในยาเป็นเวลานาน ถึงจะกำจัดพลังแห่งการกลืนในตัวนายได้ทั้งหมด ความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว สิ่งที่อยู่ในกล่องนี้ จะรักษาชีวิตนายเอาไว้ได้”

“ของวิเศษแบบนี้มีแค่หนึ่งเดียวในโลก นายคิดว่าพอไหมที่จะแลกเปลี่ยนกับตระกูลหลี่เป็นที่เพิ่งของตระกูลตงฟาง?”

ตงฟางเย่นกล่าวประโยคเต็มไปด้วยความดึงดูด กำจัดพลังแห่งการกลืน กำจัดเทพอ้าน ไม่สำเร็จก็ต้องดับสูญ หลี่ฝางก็ต้องหวังว่าเขาจะมีความหวังมากขึ้น

แต่ของที่อยู่ในกล่องนี้จะวิเศษอย่างที่ตงฟางเย่นบอกจริงๆ งั้นหรือ?

“เธอพูดมาตั้งเยอะ ในกล่องนี้คืออะไรกันแน่? เธอไม่เปิดให้ผมดู ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเธอหลอกผมหรือเปล่า”

หลังได้ยินคำของหลี่ฝาง ตงฝางเย่นจึงเปิดกล่องไม้ออกอย่างไม่หวงแหน

นาทีที่เปิดออก ลำแสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากกล่อง เสียดแทงจนคนในที่นี้ลืมตาไม่ขึ้น ลำแสงสีทองคงที่อยู่นานก่อนจะค่อยๆ ลับแสง หลี่ฝางถึงได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้คืออะไร

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท