NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1342 คนเหมือนกัน

บทที่ 1342 คนเหมือนกัน

หลายปีมานี้ หลี่ฝางออกเดินทางนับครั้งไม่ถ้วน อย่างน้อยสิบวัน มากหน่อยหลายเดือน ฉินวี่เฟยชินตั้งนานแล้ว

“รู้แล้ว ที่บ้านฝากเธอด้วยนะ” หลี่ฝางก้มหน้าลงจูบฉินวี่เฟย ก่อนที่จะกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา “วี่เฟย ผิงอันจะครบเดือนแล้ว เมื่อไหร่เธอจะมีลูกสาวให้ผม? โบราณเขาว่า เรื่องดีมาเป็นคู่”

ทีแรกคิดว่าหลี่ฝางจะพูดอะไรกับเธอ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้ ฉินวี่เฟยแก้มแดงไปถึงใบหู หยิบแขนของเขาอย่างแรง

“เป็นคุณพ่อแล้ว ทำไมถึงยังลามกแบบนี้ เรื่องแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันจะควบคุมได้ ยังไงตอนนี้ควรมีเดี๋ยวก็มีเองแหละ”

จ้องมองทีท่าเขินอายของฉินวี่เฟย หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่อีกหน

“ที่รัก สองวันนี้ผมพยายามมากเลยนะ หวังว่าผมกลับมาคราวหน้า จะได้ยินข่าวดี”

“โอ๊ย! นายไปเร็วเข้า!” หลังประดินประโยคของหลี่ฝาง ในหัวของฉินวี่เฟยเกิดภาพที่ไม่เหมาะสม อับอายจนแทบจะมุดดินหนี พลันเอื้อมมือผลักหลี่ฝาง เร่งให้เขารีบออกเดินทาง

“สามีจะไปแล้ว เธอแน่ใจนะว่าจะไม่จูบลา?” ฉินวี่เฟยยิ่งอาย หลี่ฝางก็ยิ่งอยากแกล้งเธอ พลันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฉินวี่เฟย แสดงว่ารอยจูบของเธอ

ปฏิกิริยาของทั้งคู่ไม่เบาเลย คนอื่นต่างก็หันสายตามายังพวกเขา หยางฉงที่อยู่อีกด้านหัวเราะจนตาหยี ฉินวี่เฟยแก้มแดงก่ำ แตะลงที่ริมฝีปากของหลี่ฝางราวกับแมลงปอแตะน้ำ

“พอได้แล้วใช่ไหม? นายรีบไปเร็วเข้า คนเยอะแยะมองอยู่ น่าอายชะมัด”

หลังจูบเสร็จ ฉินวี่เฟยหมุนตัวคิดจะเดินหนี หลี่ฝางไม่พออยู่แค่นี้ คว้าแขนของฉินวี่เฟย ประกบปากของเธอจูบอย่างลึกซึ้ง

เมื่อเหล่าลูกน้องรอบกายเห็นเข้า ต่างส่งเสียงร้อง ฉินวี่เฟยโดนจูบจนขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ ลมหายใจแรงถี่ ผ่านไปสักพักทั้งคู่จึงแยกจากกันอย่างอาลัย

“ลามก!” ฉินวี่เฟยใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากของตนเอง ถลึงตาใส่หลี่ฝางอย่างดุดัน กระทืบเท้าอย่างโมโห หมุนตัวเข้าไปยังคฤหาสน์

เมื่อจ้องมองเงาร่างของเธอ หลี่ฝางหัวเราะเสียงแผ่ว ก่อนที่จะเดินไปที่ข้างหยางฉง ก้มลงจูบผิงอันที่ดูดนิ้วของตนเอง

“เสี่ยวฉง ผมไปก่อน รอผมกลับมานะ”

หยางฉงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ในสายตาเต็มไปด้วยความอาลัย หลังจากที่หลี่ฝางฟื้นความจำ ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน

อุตส่าห์กลับมาได้ไม่กี่วัน กำลังอยู่ในช่วงที่หวานแหวว หลี่ฝางก็ต้องไปอีกแล้ว หยางฉงอาลัยอย่างมาก

“พี่หลี่ฝาง พี่ต้องปลอดภัยกลับมานะ ฉันไปที่วัดผู่ถัวขออันนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยกับพี่โดยเฉพาะ พี่เก็บเอาไว้กับตัวนะ” หยางฉางดึงมือของหลี่ฝางมาไว้ นำถุงผ้าสีแดงที่มีขนาดเล็กวางเอาไว้บนฝ่ามือของเขา

“วางใจเถอะ เธอกับลูกรอพี่อยู่บ้านเถอะ” หลี่วางเก็บยันต์มาไว้ จูบลาหยางฉงก่อนที่จะขึ้นไปยังรถเพื่อมุ่งไปที่สนามบิน

หลังจากที่หลี่ฝางและคนอื่นๆ ออกเดินทาง อากาศที่แจ่มใสกลับเปลี่ยนไป เมฆหมอกดำปิดบังท้องฟ้าของเมือง มือทั้งสองข้างของหยางฉงทาบอกยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง จ้องมองท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล

“ทำไมอากาศคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเลยล่ะ เมื่อกี้ยังแดดออกอยู่เลย ดูท่าทีแล้ว อีกเดี๋ยวคงจะฝนตกหนัก ไม่รู้ว่าจะกระทบเที่ยวบินของพวกพี่หลี่ฝางไหม”

หยางฉงถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

“เธอนี่นะ ชอบกังวลคิดมากจะแก่ไวนะ หลี่ฝางบินบ่ายสองครึ่ง ตอนนี้คงบินแล้วครึ่งชั่วโมง ฝนตกนี่ไม่กระทบกับพวกเขาหรอก วางใจเถอะ”

เมื่อเทียบกับหยางฉง ฉินวี่เฟยใจเย็นกว่ามาก เธอนำผ้าผืนหนึ่งคลุมไหล่ให้กับหยางฉง ตบบ่าของหยางฉงเพื่อปลอบใจ

“เฮ้อ พี่วี่เฟย พี่ว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดรึเปล่า? หลังจากที่คลอดผิงอัน ฉันรู้สึกไม่สบายใจตลอดเลย รู้สึกเหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นตลอดเลย”

ต่อให้ฉินวี่เฟยพูดถูก แต่ความกังวลในใจของฉินวี่เฟยกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ในมือถือผ้าเอาไว้ถอนหายใจแผ่ว

“เธอคงเหนื่อยเกินไป ฉันประคองเธอไปพักผ่อนในห้องสักพักเถอะ”

ฉินวี่เฟยเองก็รู้สึกได้ว่าหยางฉงอาการไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับเธออย่างไรดี จึงได้แต่ให้เธอไปพักผ่อน

ในขณะที่ทั้งคู่หมุนตัวขึ้นไปยังชั้นบน สายฟ้าเกิดฟาดลงมาจากบนฟ้า ก่อนที่จะเกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ทำให้ฉินวี่เฟยและหยางฉงสะดุ้งตกใจ

ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทันตั้งตัว ที่หน้าบันไดก็เกิดเงาร่างหนึ่ง หลังจากที่มองเห็นรูปลักษณ์หน้าตาของเงาร่างนั้น หยางฉงเกิดขาอ่อนขึ้นมาในทันควัน อยากจะกรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียง

“แกเป็นใคร? !” เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกครั้ง ฉินวี่เฟยเห็นคนที่ยืนอยู่ที่หน้าบันไดพลันเนื้อตัวสั่นเทา

ประคองหยางฉงขยับไปที่หน้าประตู พลันขยับร่างกายพร้อมกับไตร่ตรองว่าจะติดต่อกับคนข้างนอกอย่างไร

ทว่าพวกเธอเพิ่งจะเดินไปเพียงครึ่งก้าว เงาร่างนั้นก็เดินมายังข้างหน้า ต่อให้ฉินวี่เฟยใจเย็นแค่ไหน ก็ตกใจไม่น้อย อ้าปากคิดจะหวีดร้อง แต่เงาร่างนั้นไม่ให้โอกาสเธอแม้แต่น้อย พลางเอื้อมมือบีบลำคอของฉินวี่เฟยเอาไว้

“ชู่ ถ้าเธอกล้าร้องแม้แต่นิดเดียว ฉันจะหักคอเธอวะ”

น้ำเสียงแหบพร่าเสียดแก้วหูแล่นเข้ามายังใบหูของทั้งสอง ฉินวี่เฟยและหยางฉงตกใจจนขาอ่อน สายตาแห่งความอาฆาตของชายหนุ่ม ฉินวี่เฟยรู้ดีว่าเขาไม่ได้เพียงแค่หลอกให้เธอกลัวเท่านั้น จึงได้แต่กลืนคำร้องขอความช่วยเหลือลงคอ

“เป็นเด็กดีจริงๆ” เมื่อชายหนุ่มเห็นฉินวี่เฟยว่านอนสอนง่าย เผยรอยยิ้มที่น่ากลัว ในขณะเดียวกันก็คลายมือที่บีบลำคอของฉินวี่เฟยเอาไว้ ประคองใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา

การสัมผัสของชายหนุ่มทำให้ฉินวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่เธอในตอนนี้ที่ตกอยู่ในอันตรายได้แต่อดทน ไม่กล้าทำให้ชายตรงหน้าโกรธ

“แกเป็นใคร? อาซาโทสตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง?” หยางฉงสั่นเทาไปทั่วร่าง จ้องมองชายตรงหน้าพร้อมกับกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ในอดีตหยางฉงเคยถูกอาซาโทสลักพาตัวมาก่อนครั้งหนึ่ง เพราะงั้นจึงเคยได้เห็นรูปหน้าค่าตาของเขามาก่อน แต่สิ่งที่ทำให้หยางฉงประหลาดใจ คือใบหน้านั้นกลับเป็นใบหน้าเดียวกัน แต่น้ำเสียงและนิสัยของคนตรงหน้ากลับไม่เหมือนกับในอดีต

แถมหลี่ฝางและคนอื่นๆ ก็บอกแล้ว อาซาโทสได้เสียชีวิตลงที่ซากปรักหักพังตั้งนานแล้ว คนตรงหน้าเป็นใครกันแน่?

“ฮ่าๆ ฉันก็คืออาซาโทสไง ก็แค่ ไม่ใช่ไอ้ไร้ประโยชน์ที่เธอรู้จักเท่านั้นเอง” คำถามของหยางฉง ชายหนุ่มตอบอย่างตรงไปตรงมา

คำตอบของเขาทำให้หยางฉงไม่เข้าใจยื่งกว่าเก่า นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าอาซาโทสมีวิชาแยกร่างด้วยหรือไง?

“เป็นผู้หญิงอย่าฉลาดมากจะดีกว่านะ เรื่องบางอย่างไม่ใช่เรื่องที่พวกเธอจะควรรู้”

เมื่อเห็นเธอยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย อาซาโทสเองก็ไม่อธิบายอีกต่อไป พลันจับทั้งคู่ เข้ามาที่อ้อมกอดของตน

“แกคิดจะทำอะไร! ปล่อยเรานะ!” การกระทำที่กะทันหันของชายหนุ่มทำให้ฉินวี่เฟยและหยางฉงหวีดร้อง ขัดขืนอย่างหนักเพื่อออกจากอ้อมกอดของเขา

แต่หญิงสาวตัวเล็กๆ ทั้งสองที่ไร้ยุทธเลยแม้แต่น้อย จะเป็นคู่ต่อสู้ของอาซาโทสได้อย่างไร?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท