NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1347 เซียนอิสระ

บทที่ 1347 เซียนอิสระ

“คนที่ร่วมมือกับท่านจวนเพื่อระเบิดโรงพยาบาลก็คือคุณนี่เอง” หลี่ฝางมองนัยเหลียงที่ห่างออกไปหลายเมตร ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

“ใช่แล้ว น่าเสียงดายที่ท่านจวนนั่นมันไร้ประโยชน์เกินไป เลยไม่ได้เก็บพวกแกไปด้วย” นัยเหลียงยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ อย่างไม่อิดออด

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เสียดายของเขา หลี่ฝางก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผาก พลางอดไม่ได้ที่จะปรี่เข้าไปหานัยเหลียง ก่อนจะบดขยี้เขา

“พวกคุณฉีดสารอะไรเข้าไปในตัวของลูกชายฉัน!” เมื่อคิดได้ว่าลูกชายต้องมาเจออะไรบ้าๆ ทั้งๆ ที่ยังเล็กอยู่ขนาดนั้น ในใจของหลี่ฝางก็โกรธขึ้นมาเป็นอย่างมาก

ถึงแม้การที่เขามาที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็เพื่อหาส่วนผสมปรุงยา แต่ในขณะเดียวกันก็เพื่อหาว่าทาเคชิตะ มัตสึซากะทำอะไรกับเสี่ยวผิงอันไปด้วย

ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องใช้เวลาหาสักพัก คิดไม่ถึงว่าฆาตกรจะมาหาถึงที่เลย

“วางใจเถอะ สิ่งที่ฉันฉีดเข้าไปในร่างกายของเขานั้นมันไม่ได้มีอันตรายกับร่างกายของเขา” เมื่อเห็นหลี่ฝางที่กำลังโกรธจนเส้นเลือดปูด นัยเหลียงกลับไม่ได้มีท่าทีขี้ขลาดเลย

เขารู้ว่าเพียงแค่ฉินวี่เฟยกับหยางฉงอยู่ในมือตัวเอง หลี่ฝางก็ไม่กล้าทำอะไรโง่ๆ อย่างแน่นอน

มีไพ่ดีๆ ถึงสองใบแล้ว เขาจะเล่นกับหลี่ฝางอย่างไรก็ได้

“แกมันรนหาที่ตาย!” หลี่ฝางตาแดงก่ำแล้ว เลยมองนัยเหลียงด้วยแววตาที่เหมือนสัตว์ป่าดุร้าย

“เหอะ แกจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ?หลี่ฝาง ถ้าอยากให้ผู้หญิงของแกตายล่ะก็ เข้ามาได้เลย”

นัยเหลียงเดินเข้าไปข้างกายฉินวี่เฟยกับหยางฉง ก่อนจะโอบกอดพวกเธอเข้ามาด้วยความท้าทาย

“ชิ พวกคุณอยู่กับหลี่ฝางคงจะน่าน้อยใจเป็นอย่างมาก เอาไงดี อยากจะมาเป็นผู้หญิงของฉันดูบ้างไหม?”

ลมหายใจของนัยเหลียงนั้นกระทบใบหน้าของหยางฉง มันทำให้เธอรังเกียจเป็นอย่างมาก เมื่อคิดว่าชายคนนี้ทำอะไรกับลูกชายตัวเองเอาไว้บ้าง หยางฉงก็อดไม่ได้ที่จะอยากหั่นเขาเป็นท่อนๆ

“ถุย!คุณเหมาะสมกับฉันงั้นเหรอ?” หยางฉงถุยน้ำลายใส่หน้านัยเหลียง พลางตะโกนด่าด้วยความโกรธ

ท่าทีของหยางฉงนั้นทำให้นัยเหลียงโกรธเป็นอย่างมาก เห็นเพียงเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้สะอาด จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชาพลางบีบคอของหยางฉงเอาไว้

สีหน้าของหลี่ฝางนั้นเปลี่ยนไปในทันที ตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นอย่างจังบนหัว

จากนั้นห้องทั้งห้องก็สั่นไหวขึ้นมา ทั้งฝุ่นและอิฐต่างร่วงหล่นลงมาจากหลังคาของห้องไม่หยุด วินาทีต่อมาก็ทำให้หลังคาปลิวว่อนออกไปทันที

นัยเหลียงมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที การกระทำเมื่อครู่ จู่ๆ ฉินวี่เฟยกับหยางฉงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว จากนั้นเขาก็เห็นว่าข้างกายของหลี่ฝางนั้นมีเงาของคนเพิ่มมาสามคนเสียอย่างนั้น

“ปกป้องภรรยาและลูกของคุณให้ดี ส่วนคนอื่นนั้นเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” หลี่ต๋าคางผลักหยางฉงกับฉินวี่เฟยไปข้างกายหลี่ฝาง หลังจากที่พูดจบแล้วก็หันตัวกลับไปจ้องตานัยเหลียง

“ฉันไม่สนใจว่าคุณจะเป็นสัตว์ประหลาดปีศาจอะไรนะ แต่วันนี้เป็นวันตายของคุณ” เมื่อพูดจบ หลี่ต๋าคางก็ไปอยู่ต่อหน้านัยเหลียงอย่างรวดเร็ว

นัยเหลียงหัวใจเต้นแรง เขาต้องตีลังกาถึงสองตลบถึงจะพอหลบจากการโจมตีของหลี่ต๋าคางได้

เมื่อเจอพละกำลังที่แข็งแกร่งของหลี่ต๋าคาง เขานั้นตกใจหวั่นใจเป็นอย่างมาก นี่มันไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมานี่หน่า!

ข้อมูลนั้นบอกว่าพละกำลังของหลี่ต๋าคางนั้นอย่างมากก็เป็นได้แค่ครึ่งเทพระดับกลางเท่านั้น แต่ตามที่ได้เห็นสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ นี่มันเข้าสู่การเป็นระดับเทพแล้วด้วยซ้ำ

“แกไม่ใช่หลี่ต๋าคาง!แกเป็นใครกันแน่?” นัยเหลียงมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความกลัว ก่อนจะเริ่มสงสัยตัวตนที่แท้จริงของหลี่ต๋าคาง

อย่าว่าแต่นัยเหลียงรู้สึกตกใจเลย ขนาดหลี่ฝางที่เป็นลูกชายเขานั้นยังมีสีหน้าท่าทางที่แปลกไปเลย

เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่ต๋าคางจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ แถมพละกำลังของเขายังเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวขนาดนั้นด้วย

“เหอะ ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องสิบกว่าปีก่อนนั้นจะทำให้พวกคุณรู้จักเจียมได้สักหน่อย แต่มาเห็นตอนนี้แล้ว เหมือนจะลงไม่หลาบจำสินะ ตอนนี้ถึงกับกล้ามาขี้รดหัวกูแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักหน่อย พวกคุณคงจะคิดว่าหลี่ต๋าคางอย่างฉันมันกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ สินะ?”

หลี่ต๋าคางมองนัยเหลียงพลางหัวเราะเสียงเย็นชา ใช้เท้าถีบไปที่ท้องน้อยของเขา นัยเหลียงอยากจะเบี่ยงหนี แต่ก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดได้เลยแม้แต่น้อย เลยต้องฝืนรับกระบวนท่านี้เอาไว้ ทำให้ตัวนั้นลอยไปไกลเป็นสิบเมตร จนไปชนเข้ากับกำแพงหลายชั้นถึงจะหยุดลงได้

นัยเหลียงกุมท้องน้อยของตัวเองก่อนจะกระอักเลือดออกมา จนกระทั่งตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นหาเรื่องคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยแล้ว

ในดวงตานั้นมีความร้ายกาจปรากฏให้เห็น จากนั้นก็หยิบรีโมทออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น เกราะแก้วที่มี ‘อาซาโทส’ ที่ปิดอยู่ในตอนแรกนั้นก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทั้งหมด

เพียงไม่นานก็มีคนที่เหมือนกับอาซาโทสเป็นสิบคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกหลี่ฝาง ส่วนนัยเหลียงที่ล้มอยู่ที่พื้นนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

“ให้ตายเถอะ เขาอยากจะหาผลประโยชน์ท่ามกลางความวุ่นวาย!” หลี่ฝางมองเห็นใบหน้าที่เหมือนกับนับสิบนั้นโกรธขึ้น ก่อนจะปรี่เข้าไปเพื่อเอาตัวนัยเหลียงออกมา แต่กลับถูกหลี่ต๋าคางห้ามเอาไว้

“เขาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ รีบไปหาตัวผิงอันออกมาเถอะ” หลี่ต๋าคางนั้นไม่แยแสที่จะต่อกรกับคนเหล่านี้ ถึงแม้คนสิบกว่าคนนี้จะมีพละกำลังเท่าครึ่งเทพ แต่กลับไม่ใช่แม้แต่คู่แข่งของเขาเลยด้วยซ้ำ

หลี่ฝางมองออร่าที่แข็งแกร่งของหลี่ต๋าคาง เลยเงียบไปสักพักก่อนจะถาม

“คุณพ่อ คุณบอกฉันได้ไหมว่าพละกำลังของคุณอยู่ที่แดนไหนกันแน่?”

จะว่าไป ตั้งแต่ที่หลี่ต๋าคางกลับมาที่เมืองตงไห่ หลี่ฝางก็ยังไม่ได้เห็นเขาใช้พละกำลังจริงๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว

พละกำลังที่สามารถคว่ำครึ่งเทพได้ด้วยเพียงฝ่าเท้าเดียว มันน่ากลัวขนาดไหนกัน

“เชียนอิสระ” หลี่ต๋าคางพูดคำนี้ออกมาอย่างไม่ร้อนใจ จนทำให้พวกหลี่ฝางตะลึงงัน พวกไขจี๋เอออ้าปากกว้างจนสามารถกลืนไข่ทั้งฟองลงไปได้เลยล่ะ

หลี่ฝางคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่ากู่แล้ว บนโลกนี้ยังมีเชียนอิสระอีก

นี่มันเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วนะเนี่ย?

“ในเมื่อคุณมีพละกำลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมตอนแรกต้องปิดบังด้วยล่ะ?” ในใจของหลี่ฝางคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ถ้าเกิดว่าหลี่ต๋าคางเปิดเผยพละกำลังออกมาตั้งแต่แรก คนเหล่านี้ก็จะไม่กล้าผยองขนาดนี้แล้ว แถมมันคงจะไม่เกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นมากมายขนาดนี้ด้วย

เมื่อเห็นแววตาของหลี่ฝางที่มีความเกลียดอยู่ไม่น้อย หลี่ต๋าคางเลยถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ลูกชาย มีเรื่องบางเรื่องที่มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่แกคิดนะ ถึงแม้ฉันจะเป็นเซียนอิสระ แต่ก็ต้องรักษากฎของสวรรค์ด้วย หลังจากที่ฉันได้เปิดประตูเทพในตอนแรกแล้ว เพราะวางใจพวกคุณสองแม่ลูกไม่ลง เลยเลือกที่จะปฏิเสธการเข้าสู่แดนที่สูงกว่านี้”

“เลยคิดหาวิธีที่จะได้กดพละกำลังที่แท้จริงของฉันเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนที่อยู่บนแดนที่สูงกว่านั้นรู้ถึงการมีอยู่ของฉัน ยังมีความลับมากมายเกี่ยวกับนักรบบนโลกใบนี้ มีเรื่องบางเรื่องที่ฉันไม่สะดวกที่จะบอกคุณมากมายน่ะ”

“ครั้งนี้ก็เป็นเพราะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันเลยต้องใช้พละกำลังของฉันแปดส่วน ถ้าฉันปล่อยพลังทั้งหมดออกมาล่ะก็ ฉันคงจะไม่ได้อยู่ที่โลกนี้ต่อไปแล้วล่ะ”

มีเรื่องมากมายที่หลี่ต๋าคางจะบอกให้หลี่ฝางรู้ไม่ได้ ถ้าเกิดเขาพูดมากเกินไปจะเผลอเผยความลับน่าเหลือเชื่อออกมา จะต้องถูกลงโทษแน่ๆ

เมื่อได้ยินการอธิบายของหลี่ต๋าคางแบบนี้ ถึงแม้หลี่ฝางจะมีความสงสัยมากมาย แต่กลับไม่ได้ถามอะไรต่อไป

ตามความเข้าใจที่เขามีต่อหลี่ต๋าคางนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาคงไม่มีทางที่จะทำตามแผนแบบนี้

เมื่อพวก ‘อาซาโทส’ เหล่านั้นเห็นว่าพวกหลี่ฝางกำลังจะไป ก็ทยอยไปขวางเอาไว้ที่ด้านหน้าของพวกเขา หลี่ต๋าคางเดินเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว ด้วยความโกรธอย่างแสนสาหัส

“คุณไปหาผิงอัน เดี๋ยวคนพวกนี้ฉันจะรับมือเอง”

หลังจากที่รู้พละกำลังที่แท้จริงของหลี่ต๋าคาง หลี่ฝางก็ไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของเขาอีกต่อไป คนเหล่านี้ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นศัตรูของหลี่ต๋าคางเลยด้วยซ้ำ

เขาพยักหน้า จากนั้นหลี่ฝางก็พาคนอื่นๆ เข้าไปด้านใน เมื่อครู่หยางฉงกับฉินวี่เฟยอยู่ห้องเดียวกับผิงอันมาตลอด ดังนั้นพวกเธอเลยเป็นคนเดินนำหลี่ฝางอยู่ด้านหน้า

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท