NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1353 ไวรัสเบบี้

บทที่ 1353 ไวรัสเบบี้

หลังจากที่โดนราฟาเอลตบแล้ว แววตาของหลี่ฝางก็เป็นประกาย ถึงแม้จะไม่ได้มีสติครบถ้วนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้บ้าเหมือนเมื่อครู่แล้ว

“พี่ใหญ่!คุณจะแหลกสลายไปด้วยไม่ได้นะ!พวกเราทุกคนต้องการคุณ!คุณคิดถึงน้าเมี๋ยวสิ คุณลุงหลี่ถูกพาไปแล้ว น้าเมี๋ยวเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด ถ้าเธอยังต้องเสียลูกชายอย่างคุณไปอีก คุณจะให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?”

“แล้วยังมีพี่สะใภ้สองคนอีก พวกเธอเจอเรื่องอะไรมามากมาย หรือว่าคุณทนทิ้งพวกเธอไปได้?คุณชายน้อยเขายังเด็กขนาดนั้น ถ้าคุณไม่อยู่แล้ว เขาจะทำอย่างไร?”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝางมีท่าทีตอบกลับ ราฟาเอลเลยรีบพูดตอนที่ยังได้ผลอยู่ เลยพูดออกไปมากมาย พลางเอาแต่พูดถึงเมี๋ยวชุ่ย พวกฉินวี่เฟยมากระตุ้นหลี่ฝาง

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา แววตาของหลี่ฝางก็เหมือนจะกลับมาใสมากขึ้น

หลี่ฝางกะพริบตาปริบๆ พลางเช็ดน้ำตา แล้วมองราฟาเอลพลางยิ้มขึ้นด้วยความขมขื่น

“ราฟาเอล ขอบคุณคุณนะ ฉันน่ะไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันไม่มีทางพูดอะไรโง่ๆ อีกแล้ว พ่อของฉันยังไม่ตายหนิ เขาก็แค่อยู่อีกโลกเท่านั้นเอง จะต้องมีสักวันที่ฉันจะได้พาเขากลับมา!”

หลี่ฝางหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยืนขึ้นด้วยการพยุงจากราฟาเอล แววตานั้นก็แน่วแน่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ใช่!พี่ใหญ่คุณควรจะคิดแบบนี้!พวกเราจะต้องพาคุณลุงหลี่กลับมาได้แน่นอน!”

เมื่อเห็นหลี่ฝางกลับมามีสติอีกครั้ง ราฟาเอลถึงได้วางใจลง ถ้าหลี่ฝางมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีก นั่นมันยิ่งทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปมากกว่าเดิม

“พวกวี่เฟยล่ะ?เป็นอย่างไรบ้าง?หาได้หรือยังว่านัยเหลียงฉีดสารอะไรเข้าไปในตัวของผิงอัน?”

หลี่ฝางที่มีสติกลับมาแล้วก็คิดถึงพวกฉินวี่เฟยกับหยางฉง ก่อนจะจับมือของราฟาเอลพลางถามแล้วขมวดคิ้วแน่น

แต่ว่าหลังจากที่ราฟาเอลพาพวกฉินวี่เฟยไปส่งที่โรงพยาบาล ก็รีบกลับมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าทางโรงพยาบาลเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้

“พี่ใหญ่ วางใจเถอะ คุณชายน้อยโชคดี เขาจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”

ท่าทางของเขาในตอนนี้ ราฟาเอลทำได้เพียงคิดไปในทางที่ดีเท่านั้น

“ให้ตายเถอะ!น่าเสียดายที่ไอ้เลวนั่นมันตายแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะบดกายมันให้ละเอียดเลย!”

เมื่อคิดได้ว่าลูกชายของตัวเองเจอเรื่องแน่ๆ มากมาย หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันยุบยิบ พลางมองนัยเหลียงที่กลายเป็นศพแห้งกรังแล้ว แววตาก็ลุกเป็นไฟ ก่อนจะยกขาขึ้นมาเตะไปหลายที จากนั้นก็รู้สึกสบายอารมณ์ขึ้น

คนมันตายไปก็ฟื้นไม่ได้แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากที่หลี่ฝางค้นพบแล้ว ก็รีบตามราฟาเอลไปที่โรงพยาบาล

แต่สถานการณ์ในโรงพยาบาลนั้นกลับไม่ดีเท่าไหร่ ผิงอันมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ผิวขาวนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีม่วง หลับตา ก่อนจะหายใจเร็วมาก

ไม่ว่าพวกหยางฉงจะเรียกอย่างไร เสี่ยวผิงอันก็ไม่ตอบสนอง เมื่อถึงโรงพยาบาลก็ส่งเข้าไปในห้องรักษาพยาบาล จนตอนนี้เองก็ยังไม่มีข่าวอะไรออกมา

“พี่วี่เฟย ฉันกลัวจังเลย!คุณว่า ผิงอัน เขาจะ……”

หยางฉงซบอกของฉินวี่เฟยอย่างไร้เรี่ยวแรง เสียงก็สั่นมาก คำพูดต่อจากนั้นเธอพูดไม่ออก เพราะกลัวว่าคำพูดตัวเองจะเป็นจริง

ฉินวี่เฟยมองหยางฉงที่น้ำตาอาบหน้า ในใจก็ร้อนรนและรู้สึกไร้ทางช่วยเหลือเหมือนกัน ถึงแม้เสี่ยวผิงอันจะไม่ใช่ลูกของเธอ แต่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เหมือนลูกแท้ๆ อยู่ดี เพราะตั้งแต่หยางฉงท้องจนคลอดนั้น ฉินวี่เฟยก็เป็นคนดูแลมาตลอด

เธอไม่ได้รักผิงอันน้อยไปกว่าหยางฉงเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผิงอันล่ะก็ อย่าว่าแต่หยางฉงเลย ฉินวี่เฟยเองก็คงไม่มีทางรับได้เหมือนกัน

“อย่าพูดอะไรบ้าๆ เลย ผิงอันจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!ผิงอันของพวกเราผ่านอะไรมามากมาย เพียงแค่เรื่องเล็กๆ นั้นจะต้องผ่านไปได้แน่นอน!”

ฉินวี่เฟยจ้องประตูของห้องรักษาพยาบาลไม่ห่าง จากนั้นก็รู้สึกเหมือนจุกที่อกอย่างไรอย่างนั้น

“วี่เฟย เสี่ยวฉง!” ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางกับราฟาเอลเองก็ตามมาที่โรงพยาบาล เมื่อหลี่ฝางเห็นประตูของห้องรักษาพยาบาลมีผู้หญิงสองคนอยู่ ก็รีบวิ่งไปหาพวกเธอก่อนจะโอบไว้ในอ้อมกอด

“หลี่ฝาง!” ฉินวี่เฟยที่กลั้นน้ำตาอยู่ในตอนแรกเมื่อได้เห็นหลี่ฝาง น้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนสายฝน ก่อนจะซบไหล่ของเขาพลางร้องไห้อย่าไร้เสียง

ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อหลี่ฝางเปลี่ยนเป็นเทพอ้านแล้วเธอกลัวขนาดแค่ไหน แต่ว่าเธอก็ยังมีสติพอที่จะบอกให้เข้มแข็งเข้าไว้ แล้วก็ต้องใจเย็น อย่าทำให้หลี่ฝางต้องลำบาก

“พี่หลี่ฝาง!ทำอย่างไรดีล่ะ!ลูกเขา เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?” หยางฉงเองก็รู้สึกเหมือนได้เจอที่พึ่งทางใจแล้ว เลยกอดเองของหลี่ฝางเอาไว้แน่น พลางถามด้วยความตกใจกลัวอย่างมาก

หลี่ฝางมองพวกเธอทั้งสอง ในใจก็สงสารจับใจเป็นอย่างมาก เลยโอบมือของฉินวี่เฟยกับหยางฉงแน่นขึ้น จากนั้นก็เงยหน้ามองห้องรักษาพยาบาล พลางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“วางใจเถอะ ผิงอันต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!”

หลังจากที่ได้คำตอบที่แน่นอนจากหลี่ฝางแล้ว อารมณ์ของหญิงทั้งสองก็ค่อยๆ นิ่งขึ้นมาบ้าง

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พยาบาลที่ใส่ชุดปลอดเชื้อก็เดินออกมาจากห้องรักษาพยาบาล หน้าตาของพยาบาลคนนี้ทีท่าทีกังวล พลางมองพวกหลี่ฝางแล้วขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้น

“ใครเป็นญาติคนไข้?รบกวนมาที่นี่สักหน่อย”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของพยาบาลคนนี้ พวกหลี่ฝางก็รีบวิ่งมาอย่างร้อนรน

“ฉันคือ ฉันคือ ฉันคือแม่ของลูก พยาบาล ลูกฉันตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

หยางฉงปรี่เข้าไปหาพยาบาลเป็นคนแรก จากนั้นก็จับแขนของพยาบาลพลางถามด้วยความร้อนใจ

“ฉันเป็นพ่อของเด็ก คุณพยาบาล ถามหน่อยว่าลูกของฉันเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้?”

หลี่ฝางประคองหยางฉงข้างๆ พลางกลัวว่าเธอเดินเร็วเกินไปแล้วจะล้มลง หลังจากที่ทำให้เธอยืนมั่นแล้ว ถึงได้เงยหน้าขึ้นพูด

พยาบาลมองหลี่ฝางกับหยางฉงก่อน จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ พลางพูดด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด

“สถานการณ์ของเด็กน้อยนั้นไม่สู้ดีนัก ตอนนี้มีอาการไตไม่ทำงานตามปกติ พวกเราพบว่าในร่างกายเขามีเชื้อโรคมากกว่าร้อยอย่าง ไม่มีทางทำอะไรได้เลย ดังนั้นพวกคุณก็คิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดดีกว่านะ”

ในฐานะที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ อันที่จริงพยาบาลนั้นไม่อยากพูดแบบนี้กับญาติคนไข้ พวกเขาหวังว่าคนไข้ทุกคนที่มาที่นี่ จะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน

แต่ว่าสถานการณ์ในครั้งนี้มันแย่มาก เขาอยู่ในโรงพยาบาลมาเกือบยี่สิบปี ไม่เคยเห็นร่างกายของคนไข้คนไหนมีเชื้อมากมายในเวลาเดียวกันมากขนาดนี้เลย แถมยังเป็นเด็กน้อยน่ารักคนนี้ด้วย

นี่มันบ้าไปจริงๆ ใครจะใจร้ายทำกับเด็กได้ลงคอ?

“ไม่!ไม่เอา!” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของพยาบาล ก็ร้องออกมาด้วยความทรมานจากนั้นจึงล้มลงในอ้อมกอดของฉินวี่เฟย

เธอท้องผิงอันถึง10เดือน ฉีดบำรุงรักษาเด็กมากมายนับไม่ถ้วน กินยาบำรุงมากมายถึงจะได้คลอดเด็กคนนี้ออกมา!

ตอนแรกคิดว่าหลังจากนี้ผิงอันจะปลอดภัยตลอด แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้จะมาเกิดเรื่องอีก

ฟ้าไม่ยุติธรรมเลยนะ ทำไมต้องให้ลูกของเขามาเจอเรื่องเลวร้ายมากมายตั้งแต่เด็กด้วยนะ!

หลังจากที่หลี่ฝางได้ฟัง ก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ถ้าไม่ใช่ราฟาเอลที่พยุงเอาไว้ หลี่ฝางคงจะล้มลงบนพื้นแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท