“นี่……เฮ้อ……” หลี่ฝางมองเงาของพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหัวอย่างจนปัญญา
ดูเหมือนตำแหน่งในครอบครัวของตัวเองนั้นมันจะต่ำลงเรื่อยๆ แต่ในตอนนี้หญิงทั้งสองคนไม่ได้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ
ราฟาเอลที่อยู่ข้างๆ นั้นมองถูกฉินวี่เฟยกับหยางฉงที่เย็นชาใส่หลี่ฝาง ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น อยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า
“ไอ้บ้า อยากหัวเราะก็หัวเราะเลย!” หลี่ฝางมองราฟาเอลที่พยายามกลั้นขำก่อนจะกลอกตา หลังจากพูดจบก็รีบตามฉินวี่เฟยกับหยางฉงไป
ในฐานะที่เขาเป็นพ่อแน่นอนว่าต้องนึกถึงเสี่ยวผิงอันเหมือนกัน ตอนนี้เข้าไปเยี่ยมได้แล้ว หลี่ฝางเลยเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย
“ลูกน้อย แม่กับแม่เลี้ยงมาหาแล้วนะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?ลูกนี่จริงๆ เลยนะ แม่ตกใจเพราะคุณจะแย่แล้ว”
หยางฉงอุ้มเสี่ยวผิงอันมาจากตะกร้าใส่ทารกอย่างระวัง จากนั้นก็เหมือนจะพูดอะไรไม่ค่อยออก
เด็กคนนี้รับรู้ความเสียใจของผู้ใหญ่ได้ เสี่ยวผิงอันร้องแงๆ อย่างไร้เดียงสา เขาที่ไม่ได้เจอแม่ทั้งคืนเลยร้องเล่นอยู่ในอ้อมกอดของหยางฉงอย่างสุขใจ
“เอาล่ะ ผิงอันฟื้นแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี คุณควรจะยิ้มถึงจะถูก” หลี่ฝางโอบไหล่ของหยางฉงด้วยความรัก จากนั้นก็ใช้นิ้วแกล้งเสี่ยวผิงอันพลางปลอบใจ
“หลี่ฝางพูดถูก ผิงอันของพวกเรานั้นไม่ตายง่ายๆ คุณไม่ต้องรู้สึกแย่ไปหรอก”
ฉินวี่เฟยเองก็ปลอบอยู่ข้างๆ
หลังจากที่หยางฉงได้ฟังคำของพวกเขาทั้งสองแล้ว ก็สูดหายใจ พลางพยักหน้าเบาๆ
ในตอนนั้นเอง เงาที่คุ้นเคยก็ปรากฏต่อหน้าหลี่ฝางในตอนนี้ เมื่อหลี่ฝางเห็น ก็ขมวดคิ้วเบาๆ
“วี่เฟย เสี่ยวฉง พวกคุณพาลูกน้อยกลับไปที่ห้องก่อนเถอะ” หลี่ฝางมองท่านผู้อาวุโสกับหลี่ฮุยที่เดินมาหาตัวเอง ก่อนจะพูดกับพวกฉินวี่เฟย
หลังจากที่ฉินวี่เฟยกับหยางฉงเห็นท่านผู้อาวุโสกับหลี่ฮุยแล้ว ก็อุ้มเสี่ยวผิงอันกลับไปอย่างรู้ตัวเอง พวกเขารู้ว่า หลี่ฝางกับพวกท่านผู้อาวุโสนั้นมีเรื่องที่ต้องคุยอย่างแน่นอน
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลี่ฝางยื่นมือซ้ายออกไปหาท่านผู้อาวุโสอย่างมีมารยาท ก่อนจะทักทายเขา
ท่านผู้อาวุโสมองหลี่ฝางพลางถอนหายใจ ถึงแม้สีหน้าจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ยังยื่นมือมาจับมือของหลี่ฝางที่ยื่นมาหาตัวเอง
“เฮ้อ ครั้งนี้พวกคุณนี่เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ นะ”
แม้การต่อสู้ของหลี่ต๋าคางกับหลี่ฝางจะผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แต่ในเวลานั้นเอง คลิปการสู้ของพวกเขามันปลิวว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ตเลย
เรื่องนี้มันทำให้ทุกคนแตกตื่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางญี่ปุ่น พวกคนเบื้องบนนั้นออกหน้าใช้อำนาจกดขี่ต้าเซี่ยหลงเช่ว ให้พวกท่านผู้อาวุโสนั้นส่งหลี่ฝางออกมา
ท่านผู้อาวุโสเองก็ถูกบังคับจนไร้หนทาง เลยทำให้หลี่ฮุยมาที่ญี่ปุ่นเพื่อหาหลี่ฝาง
“ท่านผู้อาวุโส เรื่องของพ่อฉันน่ะคุณรู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?” ถึงแม้หลี่ฝางจะเพิ่งฟื้นมาได้ไม่นาน แต่มีบางเรื่องที่เขานั้นรู้แจ้งในใจ
หลี่ต๋าคางกับต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นมีการนัดแนะอะไรกันแน่นอน ไม่อย่างนั้นองค์กรต้าเซี่ยหลงเช่วนี้คงไม่ปกป้องตระกูลหลี่แบบนี้แน่นอน
หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสได้ฟังคำของหลี่ฝางแล้ว แววตาก็เป็นประกาย เหมือนจะไม่ได้อยากตอบคำถามนี้มาก แต่สุดท้าย ใต้การสังเกตของหลี่ฝางนั้น เขาก็ยอมบอกเรื่องทั้งหมดออกมา
“ฉันกับพ่อของคุณน่ะเรื่องมันยาว ตอนที่พ่อคุณเพิ่งได้รับความสำเร็จนั้นเราก็ได้รู้จักกันแล้ว ฉันในตอนนั้นยังไม่ได้มีตำแหน่งท่านผู้อาวุโส เป็นเพียงแค่นักโบราณคดีของประเทศเท่านั้น”
“หลังจากนั้นคนเบื้องบนคิดว่านักรบของประเทศจีนนั้นจัดการควบคุมยากมากขึ้นเรื่อยๆ เลยอยากให้มีแผนกการควบคุมนักรบ ซึ่งมันก็คือต้าเซี่ยหลงเช่วในตอนนี้นั่นเอง ตอนนั้น ที่ต้าเซี่ยหลงเช่วเพิ่งจะสร้างขึ้นมา แทบจะไม่มีนักรบคนไหนยอมรับการมีอยู่ของมันเลย”
“แต่พวกเราที่เป็นคนริเริ่มก็ไม่ได้มีพละกำลังมากมาย ไม่มีทางคุมพวกตระกูลนักรบได้แน่นอน แถมพวกเขายังมาหาเรื่องเองขนาดนี้ ให้พวกเราลงนามรบ ตอนนั้นนักรบของต้าเซี่ยหลงเช่วที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดก็แค่แดนสุดของกำลังภายในเท่านั้น ไม่มีทางไปเทียบกับพวกตระกูลนักรบได้เลย”
“เมื่อเห็นต้าเซี่ยหลงเช่วที่สร้างมาอย่างยากลำบากกำลังจะถูกคนอื่นทำให้แตกสลาย พ่อคุณก็ออกโรง มาสู้กับตระกูลนักรบทั้งสิบห้าเพียงคนเดียว ก่อนจะเหยียบลูกน้องที่โดดเด่นมากที่สุดของพวกเขาให้จม จากนั้นจึงปกป้องต้าเซี่ยหลงเช่วเอาไว้ได้”
“พูดอย่างไม่เกินความจริงเลยนะ หลี่ต๋าคางเป็นที่พึ่งพาของต้าเซี่ยหลงเช่วเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เขา ก็คงจะไม่มีต้าเซี่ยหลงเช่วในวันนี้ ตามหลักแล้ว จริงๆ ตำแหน่งท่านผู้อาวุโสนี้ควรจะเป็นของพ่อคุณ แต่ว่าพ่อคุณเขาไม่มีความคิดนี้อยู่เลย แถมตอนนั้นยังเข้าใกล้แดนเทพแล้วด้วย”
“เพื่อตอบแทนการที่ความดีที่เขามีต่อต้าเซี่ยหลงเช่ว พวกเราเลยสัญญาว่าจะปกป้องตระกูลหลี่ ปกป้องคุณให้ดี หลังจากนั้นพ่อคุณก็ทะลุถึงแดนเทพ เพื่ออยู่บนโลกนี้กับคุณและแม่กับคุณ เขาเลยให้พวกเราผนึกบนตัวเขาเอาไว้”
“ผนึกนี้มันไม่เหมือนกับผนึกอื่นๆ ตรงที่นอกจากเขาเองจะเปิดออก ก็ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลย เขาใช้วิธีนี้ เพื่ออยู่บนโลกนี้นานสิบกว่าปี”
“ก่อนที่จะพาเขามาญี่ปุ่น ฉันอยากให้เขาอยู่ต่อ แต่พ่อคุณดึงดันจะไป ฉันเองก็เลยต้องตามใจให้เขาไป”
หลังจากที่เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่อง ใจของหลี่ฝางก็รู้สึกแย่จนพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าหลี่ต๋าคางจะยอมแบกรับอะไรแบบนี้เอาไว้ เพื่อตัวเองกับแม่ขนาดนี้
“ท่านผู้อาวุโส พ่อฉันยังจะกลับมาได้ไหม?” ไม่ว่าอย่างไร หลี่ฝางก็อยากจะพาหลี่ต๋าคางกลับมาให้ได้ เพราะที่นี่เป็นที่ของเขา
“ไม่ได้แล้วล่ะ นักรบทุกคนเมื่อเข้าสู่เส้นทางการฝึกแล้ว ชีวิตของเขานั้นแยกกับคนธรรมดาไปแล้ว พวกเขาสามารถพูดได้ว่าจะกลับมาใช้กฎแบบโลกเดิมไม่ได้แล้ว เมื่อทะลุเข้าสู่แดนเทพแล้ว ก็ใช้พลังของแดนเทพ แล้วก็จะได้สิ่งที่อยากได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้”
“ดังนั้น เพื่อปกป้องสันติภาพและความปลอดภัยบนโลกนี้ นักรบทุกคนหลังจากที่ทะลุสู่แดนเทพแล้ว ก็จะถูกพาไปที่อีกโลกหนึ่ง ในโลกด้านนั้น ก็จะมีระดับที่ไม่เหมือนกันอีก ส่วนแดนเทพที่อยู่ในโลกนั้น ก็เหมือนกับเป็นคนธรรมดาในโลกของพวกเรา”
เมื่อได้ยินคำนี้ทำให้หลี่ฝางหนักใจ เขาพบว่าตามพละกำลังที่เพิ่มขึ้นของตัวเองนั้น สิ่งที่สัมผัสได้นั้นมันจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แล้วไม่รู้ด้วยว่าบนแดนเทพนั้นยังมีแดนที่สูงกว่าอยู่ด้วย
“ท่านผู้อาวุโส ฉันไม่ใช่คนที่จะเชื่อในโชคชะตาอะไรหรอกนะ กฎมันมีเอาไว้แหกทั้งนั้นล่ะ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถออกมาจากแดนของโลกนั้นได้ ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มีใครสามารถออกมาได้สักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะพาพ่อฉันกลับมาที่โลกนี้ แม่ของฉันยังรอเขาอยู่เลย”
หลี่ฝางกัดฟัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท่านผู้อาวุโสด้วยแววตาพูด
ท่านผู้อาวุโสสบตากับหลี่ฝาง ก่อนจะตกใจเพราะท่าทีมั่นอกมั่นใจของเขา เขามีชีวิตมานานขนาดนี้ เจอคนมามากมาย แล้วก็เคยได้เจอคนที่โอ้อวดเย่อหยิ่งไม่น้อย แต่คนอย่างหลี่ฝางนั้น ทำให้เขาคิดว่าเหมาะที่จะเรียกได้ว่าหยิ่งยโสอย่างเต็มตัว
เรื่องที่หลี่ต๋าคางถูกพาตัวไป ท่านผู้อาวุโสยังไม่ได้บอกเมี๋ยวชุ่ย แถมยังปิดข่าวทุกอย่างของหลี่ต๋าคางกับหลี่ฝางอีกด้วย เขากลัวว่าถ้าเมี๋ยวชุ่ยรู้ว่าหลี่ต๋าคางถูกพาตัวไปแล้วจะรับไม่ได้
เขาให้คำมั่นกับหลี่ต๋าคางเอาไว้แล้ว แล้วจะไม่มีทางให้เกิดอะไรขึ้นกับเมี๋ยวชุ่ยอีก