NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1374 ขอโทษ

บทที่ 1374 ขอโทษ

“ชิ ท่านนายพล ในจวนของคุณนั้นดูเหมือนจะสนุกขึ้นมาแล้วสินะ?วันๆพวกสนมชายนั้นหาเรื่องให้คุณไม่น้อยเลยนะ?”

พอสวนนี้เหลือเพียงหลี่ฝางกับท่านนายพลหญิงสองคนแล้ว หลี่ฝางก็หัวเราะออกมา ก่อนจะมองท่านนายพลหญิงพลางยิ้มออกมา

ท่านนายพลหญิงพูดไม่ออกเพราะคำพูดของหลี่ฝาง ก่อนจะมองหลี่ฝางด้วยความไม่พอใจ

“คุณว่างไม่ได้เลยนะ ฉันพักไปไม่นาน คุณก็มีเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้ ดูเหมือนจากนี้ในจวนของท่านนายพลของฉันคงจะไม่มีวันสงบแล้วล่ะ”

เมื่อได้เจอการลงโทษอย่างไม่ตั้งใจของท่านนายพลหญิงแล้ว หลี่ฝางกลับยักไหล่ขึ้นอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเด็ดหญ้ามาคาบไว้ในปาก

“คุณอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ นั่นเพราะสนมชายของคุณมาหาเรื่องฉันนะ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะมองไม่ออก”

เมื่อเห็นท่าทีไม่จริงจังของหลี่ฝาง ท่านนายพลหญิงก็ทั้งโกรธและอยากจะหัวเราะออกมา หลังจากที่ถอนหายใจอย่างหนักแล้ว ในแววตาก็มีความเศร้าใจออกมา

“ฉันเป็นหญิงคนเดียว ต้องดูแลจวนของท่านนายพลมากมายขนาดนี้ การอยู่ในตำแหน่งของท่านนายพลในประเทศญี่ปุ่น คุณคิดว่าในชีวิตดีขนาดนั้นเลยเหรอ?เบื้องหลังของเจียเหอกับฮัวเหลียนน่ะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ฉันต้องทำเป็นรักและเอ็นดูพวกเขา เพื่อดึงครอบครัวของเขามาให้ได้”

“คนอื่นๆ ในจวนนั้นอย่างน้องก็ต้องมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกันฉันบ้าง ฉันเลยต้องทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสมดุล ถึงจะได้รับการสนับสนุนอย่างดีที่สุด วันนี้คุณทำให้ใบหน้าของเจียเหอเสียหายแล้ว เดี๋ยวพ่อของเขาจะต้องมาหาที่จวนนี้ในเร็ววันแน่”

“วันนี้ฉันทำให้เรื่องมันผ่านๆ ไปแทนคุณแล้ว เดี๋ยวตอนที่พ่อเขามา ถึงจะเป็นงานยากน่ะ เดี๋ยวถึงตอนนั้นฉันอาจจะต้องลงโทษคุณ แล้วหวังว่าคุณจะไม่โทษอะไรฉัน”

เมื่อได้ยินท่านนายพลหญิงพูดอย่างไร้ทางเลือกแบบนั้น หลี่ฝางก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะคายหญ้าที่คายเอาไว้ในปาก ด้วยท่าทีไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

“คุณคิดว่า ด้วยกำลังของฉันเนี่ย ยังจะต้องกลัวไหม?ถ้าไม่ได้คิดถึงความสมดุลของโลกใบนี้ ฉันคงจะเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว ถึงอย่างไรถ้าเกิดว่าพ่อของเจียเหอกล้ามาทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ ฉันก็จะไม่เกรงใจเขาเหมือนกัน”

มันทำให้ท่านนายพลหญิงโกรธขึ้นมา เธอรู้ว่าหลี่ฝางนั้นเก่งกาจ ถ้าเกิดเขาคิด ว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถต่อกรกับเขาได้ แต่เธอในฐานะที่เป็นท่านนายพลหญิงของญี่ปุ่น ต้องคิดถึงอะไรมากมาย เธอไม่มีทางทำอะไรโดยไม่สนอะไรอย่างหลี่ฝางหรอก

“หลี่ฝาง ในใจของคุณนั้นเห็นฉันเป็นอะไร?คุณรู้ไหมว่าการที่คุณทำตามใจใหญ่โตแบบนี้ทำให้ฉันลำบากขนาดไหน?คุณรู้ว่าฉันต้องขัดใจคนมากมายขนาดไหนเพื่อคุณไหม?ทำไมคุณถึงได้คิดว่าอยากจะทำอะไรก็ทำได้ลาะ?ไม่คิดถึงความรู้สึกฉันบ้างเลย!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ของท่านนายพลหญิง หลี่ฝางก็อึ้งไป พลางมองดวงตาแดงๆ ของเธอ กลับมีท่าทีพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ออกมา โดยที่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป

“ขอโทษ……ฉัน……”

“เอาล่ะ!คุณไม่ต้องพูดแล้ว!เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง ช่วงนี้คุณก็อยู่ในนี้ไปก่อนไม่ต้องไปที่อื่นนะ!เดี๋ยวฉันจัดการเสร็จแล้ว ฉันจะมาหาคุณเอง!”

ตอนแรกหลี่ฝางอยากขอโทษ แต่เมื่อพูดไปได้ครึ่งเดียว ท่านนายพลหญิงก็ตัดบทของเขา ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มแรง เพื่อกลั้นน้ำหูน้ำตาที่จะออกมา หลังจากที่พูดออกไปแบบนั้นแล้ว ท่านนายพลหญิงก็รีบเดินไป

หลี่ฝางมองท่าทีโซเซของเธอ แววตาก็มืดมน พลางยืนอยู่ที่เดิมอยู่นาน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง พลางหันตัวเดินเข้าไปในห้องตัวเอง

จากนั้นสามสี่วัน นอกจากมีคนเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้ตามเวลา ก็ไม่มีใครเข้ามาเยี่ยมในสวนนี้อีก หลี่ฝางเองก็ได้อยู่สงบๆ บ้าง

เขาที่จะลืมเรื่องของเจียเหอในตอนแรกนั้น พอเช้าวันที่สี่ จื่อยีก็เข้ามาหาเขา

“ท่านหลี่!คุณอยู่ไหม?” หลี่ฝางเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จ ก็ได้ยินจื่อยีที่อยู่ด้านนอกประตูตะโกนเรียกตัวเองอย่างดัง เขาใช้กระดาษเช็ดปากตัวเอง ก่อนจะตอบรับ แล้วก็ให้จื่อยีเข้ามา

“ท่านหลี่ ที่ฉันมาหาคุณในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้อง” หลังจากที่ผ่านเรื่องครั้งก่อนมาแล้ว จื่อยีก็มีท่าทีดีต่อหลี่ฝางมากขึ้นไม่น้อยเลย อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังเรียกเขาว่าท่านหลี่แล้ว

หลี่ฝางมองอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จื่อยีมองหลี่ฝางอย่างไม่รู้สึกอะไร พลางลังเลเล็กน้อย โดยไม่รู้ว่าควรจะพูดไหม

“ท่านหลี่ คุณรู้ไหม?วันนี้พ่อของเจียเหอมาที่จวนของท่านนายพลตั้งแต่เช้า ตอนนี้เขากำลังกินข้าวเช้าอยู่กับท่านนายพลที่โถงด้านหน้า”

เมื่อคิดไปสักพัก จื่อยีถึงได้เปิดปากพูดขึ้น

“พ่อเขาอยากจะมาก็มาสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ไม่ใช่พ่อของฉันสักหน่อย”

หลี่ฝางชะงักไป เขายังไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน แต่ก็ไม่เป็นไร แม้พ่อของเจียเหอจะมาแล้วมันจะทำไมกัน?เขาจะฆ่าตัวเองได้หรือไงกัน?

คำตอบของหลี่ฝางทำให้จื่อยีพูดอะไรไม่ออก ปากก็ป้าออกแต่ไม่รู้จะพูดอะไร

“คุณมาหาฉันทำไมกันแน่?มายืนบื้ออยู่ที่นี่แต่ไม่เข้าเรื่องสักที ถ้าคุณไม่พูด งั้นฉันจะไปทำอะไรของฉันเองแล้วนะ”

หลี่ฝางมองจื่อยีที่มีใบหน้าเหมือนท้องผูก ก่อนจะถามอย่างพูดอะไรไม่ออก

เขานั้นไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ต้องมาเสียเวลากับเขาที่นี่มากนัก ช่วงนี้เขาแค่มาสอดแนมเรื่องที่อยู่ของส่วนผสมปรุงยาเท่านั้น

“เดี๋ยวๆ !ท่านหลี่คุณฟังฉันก่อน!” เมื่อเห็นหลี่ฝางลุกขึ้นเตรียมจะเดินไป จื่อยีเลยรีบขวางเขาเอาไว้ก่อน

“ฉันรู้ว่าพลังยุทธของคุณนั้นแข็งแกร่งมาก และไม่กลัวการขู่ของใครเลย แต่เราไม่เหมือนกับคุณ ฐานะทางครอบครัวของฉันกับยาโกะเทียบอะไรกับเจียเหอไม่ได้เลย ตั้งแต่พ่อของเจียเหอรู้ว่าเจียเหอเสียโฉมแล้ว ก็หยุดการแจกจ่ายเงินให้กับจวนของท่านนายพล ในขณะเดียวกันก็ไปกดดันครอบครัวของฉันกับยาโกะไม่หยุด”

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจวนของท่านนายพลจะเกิดวิกฤตได้ ครอบครัวของฉันกับยาโกะนั้นคงจะได้เจออะไรร้ายแรงได้ ท่านหลี่ ฉันรู้ว่าคุณน่ะเป็นคนดี คุณจะต้องไม่มีทางดูอยู่เฉยๆ แน่ๆ ที่ฉันมาหาคุณในวันนี้ อันที่จริงก็อยากจะมาโน้มน้าวให้คุณไปขอโทษเจียเหอ”

“เพียงแค่คุณไปขอโทษเขา พ่อของเจียเหอจะต้องไม่มีทางตั้งหน้าตั้งตาจับผิดและทำร้ายจวนของท่านนายพลกับครอบครัวของเราแล้วล่ะ”

หลังจากที่ได้ยินคำของจื่อยีแล้ว หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เด็กคนนี้คิดอะไรง่ายเกินไปแล้ว คิดไปว่าถ้าตัวเองขอโทษแล้ว มันก็จะไม่มีเรื่องแล้วเหรอไง?

เขาทำให้เจียเหอเสียโฉมเลยนะ มันเท่ากับว่าตัดหนทางการได้เป็นคู่ครองของนายพลของเจียเหอ เจียเหอจะยกโทษให้ตัวเองง่ายๆ ได้อย่างไร?

“ท่านหลี่ คุณ คุณหัวเราะอะไร?” จื่อยีคิดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นหลี่ฝางหัวเราะ พลางถามด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณบอกให้ฉันขอโทษเขางั้นเหรอ?สมองคุณเสียไปแล้วหรือไง?อีกอ่ยางคุณอย่าได้ใสซื่อเกินไปได้ไหม เรื่องนี้มันไม่ได้แก้ไขได้ด้วยการขอโทษ คุณคิดว่าพ่อของเจียเหอเขามาในครั้งนี้ เพื่ออยากออกหน้าแทนเจียเหอจริงๆ เหรอ?”

“คุณอย่าคิดว่าคนเหล่านั้นดีเกินไป โลกนี้เป็นโลกที่โหดร้ายยิ่งนัก เหมือนกับครอบครัวของเจียเหอ ที่มีเพียงผลประโยชน์ ไม่มีความรักหรือความสนิทชิดเชื้ออะไร ถ้าเกิดพ่อของเขาอยากจะออกหน้าแทนเจียเหอจริงๆ คงจะมาตั้งแต่วันที่เจียเหอเสียโฉมแล้ว ไม่มีทางรอให้มาถึงวันนี้หรอก”

หลี่ฝางกลอกตาใส่จื่อยี ก่อนจะหยิบถั่วบนโต๊ะโยนใส่ปาก

ให้ตัวเองมาขอโทษพ่อของเจียเหองั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ?แม้วันนี้จะมีจักรพรรดิมา เขาเองก็ไม่มีทางขอโทษหรอก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท