NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1396 อธิบาย

บทที่ 1396 อธิบาย

“เห้ย เพื่อน เธอกับคุณหยาง คุณฉินเป็นอะไรกันเหรอ พวกเขาดูเหมือนจะแคร์คุณมากนะ”

นักวิจัยผู้ชายคนนั้นใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อบาดแผลของหลี่ฝางไปด้วยและคุยกับเขาไปด้วย

หลี่ฝาง เห็นเขาพูดถึงฉินวี่เฟย และ หยางฉง เห็นตาที่ดำมืดของเขา ในใจก็คิดว่าผู้ชายคนนี้อยากจะจีบภรรยาของเขางั้นเหรอ?

“คุณคิดว่าความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาเป็นอย่างไร” หลี่ฝางไม่ได้บอกตรงๆ ว่าเขาเป็นใคร แต่กลับส่งบอลคืนกลับไป ให้ผู้ชายคนนั้นเดาเอาเอง

ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ และพูดกึ่งติดตลกว่า “บอกตามตรงฉันชอบคุณฉิน เพื่อน ถ้าคุณไม่ว่าอะไร พวกเราสองคนคนละคนไหม”

หลี่ฝางได้ยินดังนั้น ความโกรธก็พุ่งออกมาจากหัวใจ กล้ามเนื้อของเขาก็ตึงขึ้นทันที

เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากเขาจากไปเพียงสัปดาห์เดียว ก็มีคนกล้าคิดที่จะจีบภรรยาของตน คนๆ นี้มีความหยั่งรู้น้อยมาก ถึงกับมาปรึกษาฉันโดยบอกว่าเอาคนละคน

นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ

“เห้ย ทำไมจู่ๆ ถึงยืดตัวขึ้นล่ะ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อนี่เจ็บนิดหน่อย แต่ถ้าแผลของคุณไม่ฆ่าเชื้อทันเวลาเดี๋ยวก็ติดเชื้อหรอก ทำใจให้สบายเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

ชายคนนั้นรู้สึกถึงความเคร่งเครียดของหลี่ฝางได้ชัดเจน แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่ฝาง และกลับคิดว่าการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์นั้นเจ็บปวดเกินไป หลี่ฝางถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้

นี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกหมดคำพูด ผู้ชายคนนี้โง่เกินไปแล้ว สมองแบบเขา ถ้าสามารถจีบฉินวี่เฟยได้ ฉันจะเปลี่ยนนามสกุลตามคุณ

“นี่ นายชื่ออะไร” หลี่ฝางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนคลายตัวเองเล็กน้อย

คนคนนี้ชอบฉินวี่เฟยมันก็พอจะให้อภัยได้ ยังไงซะฉินวี่เฟยก็หน้าตาดี อ่อนโยน ใจดี และมีน้ำใจ แทบไม่มีผู้ชายในโลกนี้ที่จะไม่ชอบเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนอื่นโหยหาผู้หญิงของตัวเอง เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง นี่แสดงว่าตัวเขาเองก็มีวิสัยทัศน์และมีเสน่ห์ มีสักกี่คนที่อิจฉาเขาที่ได้เจอแฟนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้

“ฉันชื่อ จ้าวเฉียนปีนี้ฉันอายุ 26 ปี ฉันเป็นคนเมืองตงไห่ พ่อแม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งคู่ แล้วคุณล่ะ คุณชื่ออะไร”

จ้าวเฉียนก้มศีรษะและเย็บแผลให้หลี่ฝางอย่างจริงจัง เขาไม่ได้เห็นการแสดงออกที่น่าดึงดูดใจของหลี่ฝาง และเริ่มคุยกับหลี่ฝางอย่างกระตือรือร้น

“ฉันเหรอ ฉันชื่อหลี่ฝาง แล้วก็พวกเขาเป็นภรรยาของฉัน คุณอย่ารู้สึกโหยหาล่ะ”

หลี่ฝางพูดคำพวกนี้อย่างใจเย็น จ้าวเฉียนในตอนแรกเมื่อได้ยินก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ต่อมาเมื่อสติเขากลับมาแล้ว มือของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง และเกือบจะแทงเข็มใส่ตัวเอง

“คุณ คุณ คุณคือหลี่ฝาง! นี้เป็นเมียนายหมดเลยเหรอ หมายความว่าไง?”

เป็นครั้งแรกที่ จ้าวเฉียนรู้สึกว่าสมองของเขาไม่เพียงพอ เขารู้จักชื่อหลี่ฝาง นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีน แต่สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ก็คือ ฉินวี่เฟย และ หยางฉง จริงๆแล้ว…

ฉินวี่เฟยและหยางฉงทำอย่างนั้นได้ยังไง! พวกเขาไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้หรอก! มันต้องเป็นหลี่ฝาง เขาบังคับฉินวี่เฟยและหยางฉงให้เป็นภรรยาของเขา!

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จ้าวเฉียนไม่ได้เย็บแผลให้หลี่ฝางแล้ว เขาตบโต๊ะอย่างโกรธจัด และเอานิ้วชี้จมูกตะโกนใส่หลี่ฝาง

“ไอ้เวรเอ้ย! คุณอาศัยกำลังยุทธที่มากของตัวเอง กล้ารังแกคุณฉินและคุณหยาง! คุณจะถูกประณามจากการกระทำเช่นนั้น!”

ในสายตาของ จ้าวเฉียนฉินวี่เฟยกับหยางฉงเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสามาก พวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ละเมิดจริยธรรมเช่นผู้หญิงสองคนมีสามีคนเดียวกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือหลี่ฝางใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม

หลี่ฝางตะลึงกับการด่าของเขา เวลาผ่านไปสักครู่ถึงจะตอบสนอง โครงสร้างสมองของ จ้าวเฉียน คืออะไรกันแน่ นี้กำลังคิดอะไรอยู่?

“อะไร เกิดอะไรขึ้น” ฉินวี่เฟยและหยางฉงได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอกและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบเข้าไปถาม

“คุณฉิน คุณหยาง พวกคุณพูดความจริงมา เหตุผลที่คุณอยู่กับหลี่ฝางถูกเขาบังคับหรือเปล่า เมื่อกี้เขาบอกว่าพวกคุณทั้งคู่เป็นภรรยาของเขา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยเข้ามา จ้าวเฉียนก็รีบถาม เขาถึงกับไปยืนขวางหน้าฉินวี่เฟย เหมือนกับว่ากลัวว่าหลี่ฝางจะทำร้ายฉินวี่เฟยกับหยางฉง

เมื่อได้ยินที่จ้าวเฉียนพูด ฉินวี่เฟยและหยางฉงก็มองหน้ากันอย่างแปลกๆ พวกเขากลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องว่ามีสามีคนเดียวกัน จะมีข่าวลืออันไม่พึง ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์กับหลี่ฝาง

ไม่คิดว่าจู่ๆ มันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้น จึงทำให้ฉินวี่เฟยและหยางฉงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง

“นี่… จ้าวเฉียนฉันกับหยางฉงคบกับหลี่ฝางก็จริง แต่พวกเรามีเหตุผลนะ คุณ…”

“คุณดูสิ ฉันรู้ว่าพวกเธอถูกเขาบังคับ! คุณฉิน อย่ากลัวไป! ในเมื่อฉันรู้เรื่องนี้แล้ว ฉันจะไม่นั่งดูแล้วไม่สนใจเด็ดขาด! ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปหาผู้อาวุโสใหญ่ให้เขารับหน้าที่แทนพวกคุณ!”

จริงๆแล้วฉินวี่เฟยเธอไม่ต้องการให้คนนอกรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเธอสามคน ดังนั้นเธอจึงไม่คิดที่จะอธิบายให้ละเอียด แต่ใครจะรู้ว่าคำตอบของเธอทำให้ จ้าวเฉียนแน่วแน่ในการคาดเดาของตนเอง

เลยถูกกำหนดอย่างชัดเจนว่าฉินวี่เฟยและหยางฉงต่างก็ถูกหลี่ฝางบังคับ ทันใดนั้นจ้าวเฉียนก็กลายเป็นตัวแทนของความยุติธรรม และสัญญาว่าจะรับผิดชอบแทนฉินวี่เฟยกับหยางฉง

เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันชอบธรรมและน่าเกรงขามของเขา หลี่ฝางก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อยที่จะโจมตีเขา

“นี่จ้าวเฉียน ก่อนที่คุณจะรักษาความเป็นธรรม คุณทำงานของคุณให้เสร็จก่อนได้ไหม แผลของฉันเพิ่งเย็บไปครึ่งทางเอง”

หลี่ฝางมองดูด้ายเย็บที่ยังคงห้อยอยู่ในมือ แล้วเตือนอย่างช่วยไม่ได้

จ้าวเฉียนหน้าแดงในขณะที่เขามองไปที่เส้นด้านเย็บที่แกว่งไกวไปมา เมื่อกี้เขาแค่นึกถึงฉินวี่เฟยและหยางฉง จนลืมอาการบาดเจ็บของหลี่ฝางไปสนิทเลย

ในฐานะที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เขาควรแยกอารมณ์ส่วนตัวออกจากงาน ครั้งนี้ เขาปฏิบัติหน้าที่บกพร่องจริงๆ

“คุณอย่าขยับ ฉันจะเย็บแผลให้” จ้าวเฉียนเดินไปหาหลี่ฝางด้วยความเขินอาย จากนั้นก็รีบปรับอารมณ์และเย็บแผลต่อไป

ประมาณสิบนาทีต่อมา ในที่สุดจ้าวเฉียนก็จัดการอาการบาดเจ็บของหลี่ฝางเสร็จ เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วยืดตัวขึ้นมองหลี่ฝางด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดว่า

“หลี่ฝาง ฉันรู้ว่ากำลังยุทธของคุณสูงมาก คนธรรมดาอย่างฉันก็เทียบกับมดในสายตาคุณไม่ได้ แต่คุณฉินและคุณหยางพวกเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำร้ายพวกเธอ”

“คุณไม่ควรเหยียบเรือสองลำแบบนี้ ถ้าคุณอยู่กับคุณหยาง คุณก็ไม่ควรเสียเวลาคุณฉิน ถ้าคุณเลือกคุณฉิน ก็ควรปล่อยคุณหยาง นี่ถึงจะเป็นความรับผิดชอบของผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ใช่มาบังคับให้พวกเธออยู่กับคุณ”

เมื่อกี้ตอนเย็บแผลให้หลี่ฝาง บอกได้เลยว่าจ้าวเฉียนคิดมาก คำพูดของเขาเหล่านี้วนอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะรวบรวมความกล้าที่จะพูดออกมา

เขารู้ว่าเขาอาจทำให้หลี่ฝางโกรธเมื่อพูดแบบนั้น ไม่แน่ว่าถ้าเขาไม่สบอารมณ์เขาอาจจะฆ่าตัวเองด้วยฝ่ามือเพียงทีเดียว แต่เมื่อนึกถึงเทพธิดาในใจ เขาก็ยังตัดสินใจต่อสู้โดยไม่สนอะไร

หลี่ฝางเลิกคิ้วขึ้นมองดูจ้าวเฉียน เห็นได้จากขาที่สั่นเทาของ จ้าวเฉียนรู้ได้ว่าตอนนี้เขากลัวมาก แต่สายตาที่แน่วแน่ของเขากำลังบอกหลี่ฝางว่า เขาเพื่อที่จะปกป้องฉินวี่เฟย แม้แต่ชีวิตก็ไม่เสียดาย

บางทีด้านหนึ่งเขาอาจจะขี้ขลาดและอ่อนแอมาก แต่อย่างน้อยต่อหน้าคนที่เขารัก เขาก็เป็นลูกผู้ชาย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท