NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1397 หญิงสองคน

บทที่ 1397 หญิงสองคน

“เห้อ ใครบอกคุณว่าฉันบังคับให้พวกเธออยู่กับฉัน ฉันก็เหมือนกับคุณ ชอบฉินวี่เฟย และหยางฉงมากๆ เพื่อพวกเธอฉันยอมแลกด้วยชีวิตของฉันเอง เรื่องต่างๆระหว่างเราสามคนมันซับซ้อน และฉันไม่อยากบอกคุณในฐานะคนนอก”

“ยังไงก็ให้คุณจำไว้ ฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายพวกเธอสักคน ฉันรับปากในสิ่งที่ฉันสัญญาไว้กับพวกเธอและจะทำให้ได้ ฉันคือหลี่ฝางในชีวิตนี้จะมีผู้หญิงเพียงสองคนเท่านั้น คือฉินวี่เฟย และหยางฉง”

สิ่งที่หลี่ฝางพูดนั้นแน่วแน่และดุเดือด และรูปลักษณ์ที่มั่นใจของเขาทำให้ จ้าวเฉียน รู้สึกว่าเขาถูกบดบังในทันที

จ้าวเฉียนอายุ 26 ปีและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาได้นำออร่าของเด็กชายอัจฉริยะเป็นที่ชื่นชมและยกย่องจากคนรอบข้าง เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่และเป็นแบบอย่างที่ดีจากปากของเพื่อนบ้าน

เขามีความมั่นใจในตัวเองมาก คิดว่าคู่ควรกับฉินวี่เฟยก็เพียงพอแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ณ ตอนนั้น ต่อหน้าหลี่ฝางตัวเองที่คิดว่าตนเป็นเลิศกลับรู้สึกต่ำต้อย

“คุณฉิน เป็นเหมือนที่เขาพูดจริง ๆเหรอ พวกคุณยินดีจะคบกับเขาใช่ไหม”

ถึงแม้หลี่ฝางจะพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ ในใจของจ้าวเฉียนก็ยังคงมีความหวังริบหรี่อยู่ และถามฉินวี่เฟยด้วยแววตาปรารถนา

Ps ชิราอิชิ ฮานาซากิก็คือผู้นำหญิงคนนั้น

ในตอนนี้ฉินวี่เฟยก็มองออกว่า จ้าวเฉียนมีแรงจูงใจซ่อนเร้นกับตัวเอง เธอไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ในช่วงเวลานี้ จ้าวเฉียนดูแลเธออย่างดี แต่ฉินวี่เฟยกลับปฏิบัติต่อ จ้าวเฉียนเป็นเหมือนเพื่อนเสมอ สิ่งนี้จะทำให้เธอดีขึ้นได้อย่างไร?

“เห่อ จ้าวเฉียน ให้ฉันบอกความจริงให้นะ ฉันกับเสี่ยวฉงเป็นแฟนของหลี่ฝางจริงๆ และเราก็ยอมรับการมีอยู่ของกันและกัน พวกเราต่างก็รักหลี่ฝาง”

“เรื่องที่ฉันไม่ได้บอกคุณว่าฉันมีแฟนมาก่อน มันเป็นความผิดของฉันจริงๆ ฉันขอโทษ ทำให้คุณต้องผิดหวัง คุณเป็นคนดี แล้วคุณจะพบผู้หญิงที่คู่ควรที่จะให้คุณรัก”

ในเมื่อเรื่องมันผิดพลาดไปแล้ว งั้นก็อย่าปล่อยให้มันผิดพลาดต่อไป หัวใจของ จ้าวเฉียนไม่ได้เลว และฉินวี่เฟยก็ไม่อยากทำร้ายเขา

“คุณ…พวกคุณ…” หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของฉินวี่เฟย จ้าวเฉียนก็รู้สึกเหมือนกับโดนฟ้าผ่าลงทัณฑ์

ในใจของเขาภาพลักษณ์ของฉินวี่เฟยที่สมบูรณ์แบบและไร้เดียงสาก็พังทลายลงทันที และเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าผู้หญิงที่เขารักจะมีสามีร่วมกับคนอื่น มองไปที่ฉินวี่เฟยและหลี่ฝางด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจและคลื่นไส้

แววตาของเขาทำร้ายจิตใจของฉินวี่เฟยและหยางฉงอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับกันและกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจสายตาของคนอื่น

เมื่อถูกคนมองด้วยสายตาที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ในใจของฉินวี่เฟย และ หยางฉง ก็เหมือนถูกอุดด้วยหินก้อนใหญ่ หลี่ฝางก็เห็นความไม่สบายใจของพวกเธอ ก็รู้สึกโกรธในทันที และเสียงก็เริ่มดังขึ้นเล็กน้อย

“พอแล้ว ที่นี้ก็ไม่มีเรื่องของคุณแล้ว ถ้าคุณรับเรื่องของพวกเราไม่ได้ ก็ออกไปจากที่นี่ซะ ความรู้สึกของพวกเราไม่ได้ต้องการให้คนนอกมาชี้นำ”

คำพูดของหลี่ฝางทำให้จ้าวเฉียนได้สติขึ้นในทันที เห็นสีหน้าที่บาดเจ็บของฉินวี่เฟย เขาจึงตระหนักว่าพฤติกรรมของเขาเพิ่งทำร้ายฉินวี่เฟยและหยางฉง เวลานั้นเขาเริ่มรู้สึกลุกลี้ลุกลน

“วี่เฟย หยางฉง ฉันไม่ได้มีความหมายที่จะรังเกียจพวกเธอ เวลานั้นฉันแค่รับไม่ได้นิดหน่อย มันไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิด อย่าโกรธนะ โอเคไหม”

จ้าวเฉียนรีบขอโทษฉินวี่เฟยและหยางฉงอย่างกระตือรือร้น แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ชัดเจน

ฉินวี่เฟยกัดริมฝีปาก มอง จ้าวเฉียนแววตาก็เย็นชาในทันที ในตอนแรกเธออาจมองจ้าวเฉียนเป็นเพื่อน แต่เมื่อ จ้าวเฉียนแสดงดวงตาที่น่ารังเกียจของเขา ฉินวี่เฟยก็มองเขาเป็นคนแปลกหน้าแล้ว

ในเมื่อคนอื่นไม่สามารถยอมรับวิถีชีวิตของตัวเองได้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับเขา แบบนี้ถึงจะดีกับทุกฝ่าย

“จ้าวเฉียน ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่ผ่านมา ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสามคนเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้น ฉันรักหลี่ฝาง และฉันเต็มใจที่จะเป็นแฟนกับเขาร่วมกับเสี่ยวฉง”

“ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ฉันก็ไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องของฉัน ฉันจะรับผิดชอบในการเลือกของฉันเอง ตอนนี้แฟนของฉันกลับมาแล้ว ฉันหวังว่าคุณควรออกไปก่อนแล้วให้พวกเรามีเวลาส่วนตัวด้วยกัน”

จ้าวเฉียนมองสายตาที่เย็นชาของฉินวี่เฟย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าฉินวี่เฟยไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ควรพบกันอีกในอนาคต แต่จ้าวเฉียนเข้าใจว่าฉินวี่เฟยได้ทิ้งเขาไปอย่างหมดจด แม้แต่จะเป็นเพื่อนกันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

“ขอโทษ ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณจะสื่อแล้ว ขอให้พวกคุณมีความสุข”

จ้าวเฉียนหลับตาลงและขอโทษอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นมองไปที่หลี่ฝางอย่างไม่เต็มใจก่อนจะหันหลังเดินจากไป

“วี่เฟย เสี่ยวฉง ฉันขอโทษที่ทำให้พวกเธอรู้สึกน้อยใจ”

หลี่ฝางมองไปที่ทั้งสองคนใบหน้ายังคงดูไม่ดี ยื่นมือออกมาอย่างรู้สึกผิดและโอบพวกเขาไว้ในอ้อมแขน

หลี่ฝางรู้สึกผิดต่อฉินวี่เฟยและหยางฉงอย่างมาก พวกเขาทนทุกข์ทรมานจากตัวเองมากเกินไป และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยมีความสงบสุข ซึ่งทำให้หลี่ฝางรู้สึกผิดและโทษตัวเองอย่างมาก

“วี่เฟย เสี่ยวฉง ฉันสัญญาว่าฉันจะดีกับพวกเธอ ฉันจะทำให้พวกเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ให้งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่พวกเธอ รอฉันแก้ไขเทพอ้าน แล้วพวกเราก็แต่งงานกัน ”

หลี่ฝางอดใจรอไม่ไหวแล้ว เขาแทบที่จะพาฉินวี่เฟยและหยางฉงไปแต่งงาน แต่เขารู้ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของผู้หญิง และต้องไม่ทำอย่างลวกๆ ดังนั้น เขาต้องจัดการอย่างรอบคอบและมอบงานแต่งงานที่ลืมไม่ลงให้ฉินวี่เฟยและหยางฉง

“เชอะ ทำเป็นพูดดี คุณกลับมาจากเผ่ากู่ให้ได้ก่อนค่อยพูดเถอะ”

หลังจากเจอปัญหากับ จ้าวเฉียนแล้ว ฉินวี่เฟยและหยางฉงก็ไม่สนใจเรื่องของชิราอิชิ ฮานาซากิอีกต่อไปแล้ว พวกเธอไม่ใช่คนประเภทที่ที่โวยวายโดยไร้เหตุผล รู้ว่าหลี่ฝางมีเหตุผลบางอย่างถึงได้ปกปิดตัวเองไว้

“พี่หลี่ฝาง หรือพวกเราไม่ต้องจัดงานแต่งงานหรอก ยังไงก็อยู่ด้วยกันดีอยู่แล้ว แต่งงานหรือไม่แต่งก็ไม่สำคัญ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเราสามคน ฉันไม่อยากได้ยิน เรื่องซุบซิบพวกนั้น”

ในส่วนเรื่องของงานแต่งงานนั้น หยางฉง และ ฉินวี่เฟย ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจและมีความสุขมากนัก หยางฉงถึงขั้นไม่ต้องการที่จะจัดงานแต่งงานด้วยซ้ำ

ต้องรู้จักรักษาคำพูด ถ้าให้คนทั้งโลกรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขาสามคน กลัวจะถูกน้ำลายของคนอื่นจมน้ำตาย

“ทำแบบนั้นได้อย่างไร! การแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญมากในชีวิต และพวกเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะปล่อยให้คุณพลาดงานแต่งงานได้อย่างไร เสี่ยวฉง สบายใจได้ ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไง ยังมีฉันอยู่”

หลี่ฝางมองออกถึงความกังวลของหยางฉง รู้ว่าเธอกลัวคนอื่นจะนินทา เขารู้สึกเจ็บปวดและจูบไปที่หน้าผากของหยางฉงและปลอบด้วยท่าทีที่หนักแน่น

“ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการจัดงานให้เป็นเรื่องใหญ่ พวกเราทำให้มันง่าย ๆ แค่ชวนเพื่อน ๆ และญาติ ๆ มาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนทั้งโลกรู้”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท