Almighty Coach – โค้ชอหังการ – ตอนที่ 213

ตอนที่ 213

ตอนที่213 กองทัพหลี่

ความเงียบงันเข้าปรกคลุมห้องประชุมทันที เสียงของหลี่ไต้นั้นเป็นเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ทําลายความเงียบในยามราตรี ดึงดูดความสนใจของทุกคน

หลี่ไต้เหรอ! โค้ชคนอื่นๆในห้องประชุมหันมาทางหลี่ไต้

พวกเขามองไปที่หลี่ไต้ด้วยสายตาที่แปลกไป บางครก็ชื่นชมที่หลี่ไต้กล้าหาญขอเป็นอาสาสมัครด้วยตัวเอง บางก็ว่าเขาว่าฆ่าตัวตายชัดๆ ส่วนบางส่วนก็กําลังดีใจกับความซวยที่กําลังจะเข้ามาหาหลี่ไต้

“หลี่ไต้ แน่ใจแล้วแน่นะว่านายจะคุมทีมวิ่งผลัดนี้? ฉันอยากที่จะให้นายชัดเจนไปเลย เพราะว่ามันเหลือเวลาอีกแค่วันเดียวเองที่นายจะได้โค้ช” ซูหลี่หยุดแล้วพูดต่อ “อีกอย่าง ถึงแม้นายจะเหลืออยู่วันเดียวก็จริง แต่นายจะโหมฝึกกนักกีฬาไม่ได้นะ การแข่งวิ่งผลัดจะเริ่มวันพรุ่งนี้ตอนกลางคืน และผู้ฝึกของนายต้องเก็บแรงเอาไว้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ เพราะงั้น น้ำหนักการฝึกของนายจะต้องไม่หนักเกินไป ต้องคิดดีๆนะเข้าใจไหม”

หลี่ไต้พยักหน้า ”เข้าใจครับโค้ช ผมมั่นใจครับ!”

ซูหลี่คิดซักพักก้อนจะพูด “มีอีกเรื่องนึ่งที่สําคัญมากๆเลย คือในทีมชาติตอนนี้นายเป็นโค้ชใหม่สุด ความมั่นใจอย่างเดียวมันไม่พอที่จะให้นายจัดการกับปัญหาได้หรอก นายต้องให้อะไรบางอย่างเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพวกเราด้วย ฉันคงไม่ให้ทีมนี้กับนายเพียงเพราะความมั่นใจนั้นหรอก งั้นเอางี้เป็นไง มาแชร์ความคิดกันก่อน แผนการฝึกของนายเป็นไง เรามาคุยกันก่อนซิ”

หลี่ไต้ตอบทันที “หนิวกั๋วหงมีการตอบสนองที่เร็ว บวกกับว่าเขาเป็นตัวสํารอง ดังนั้น เขาเลยได้รับการฝึกวิ่งผลัดมาบ้างแล้ว ผมเลยวางแผนที่จะให้หนิวกั่วหงเป็นไม้แรก ส่วนหยางฉือจี๋ที่เก่งในด้านการวิ่ง100เมตร เขาเด่นทั้งในด้านความเร็วและแรงระเบิดพลัง ดังนั้นคงไม่มีปัญหา เลยถ้าเขาเป็นขาที่2 ส่วนฮาวหยูอี้เก่งทางโค้งมากและเขาก็สามารถทํามันได้อย่างเสถียรแล้ว ผมเลยจะให้เขาไปอยู่ขาที่3 และด้วยความที่ทั้ง3คนนี้เคยได้รับการฝึกวิ่งผลัดพิเศษมาแล้ว พวกเขาเลยดูไม่น่าเป็นห่วงนักสําหรับการฝึกส่งไม้วันพรุ่งนี้ แต่ตําแหน่งที่สําคัญที่สุดคือฝางไฮควาน เขาไม่ใช่นักวิ่ง เขาเลยลงได้แค่ในไม้ที่4เท่านั้น และเขาต้องได้รับการฝึกเปลี่ยนไม้อย่างเยอะเลยครับ” หลี่ไต้หยุด ก่อนจะพูด

“เอาจริงๆแล้วเขาแค่ต้องได้รับการฝึกแค่รับไม้เฉยๆ เพราะงั้น คงไม่มีปัญหาถ้าเขาได้รับการฝึกก่อนแข่งแปปเดียวแบบนี้”

ซูหลี่พยักหน้าเห็นด้วยกับหลี่ไต้

ฝางไฮควานไม่ใช่นักกีฬาวิ่งมืออาชีพ แถมเขายังไม่มีความสามารถในการวิ่งทางโค้งอะไรเลยด้วย เขาเลยไม่สามารถไปอยู่ขาที่1หรือ3ได้ เขาอยู่ได้แค่ขาที่2หรือไม่ก็ขาสุดท้ายเท่านั้น

ปรกติแล้ว ขาที่ควรจะเป็นคนที่ไวที่สุด ซึ่งตามหลักแล้ว หยางฉือจี๋จะเป็นขาที่4 แต่ด้วยความที่ว่าขาที่4 ที่ต้องทําก็แค่รับไม้แล้วสับเท้าเข้าเส้นชัย ในทางกลับกัน ขาที่2ต้องทั้งรับและส่งไม้ด้วย ซึ่งหมายความว่านักวิ่งคนที่2นั้นจะต้องใช้เทคนิคการส่งไม้ด้วย

การส่งนั้นยากกว่าการรับ ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สําหรับฝางไฮควานในการเป็นเทคนิคนั้นในวันเดียว เพราะงั้น การส่งฝางไฮควานไปเป็นไม้สุดท้าย แล้วให้เขารับอย่างเดียว มันง่ายกว่า

เอาจริงๆ ที่หลี่ไต้พูดมามันก็เป็นความจริงง่ายๆที่โค้ชทุกคนเข้าใจ อย่าว่าแต่โค้ชจากทีมชาติที่อยู่ในห้องประชุมนี้เลย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าใจแผนนี้ได้ แต่ประเด็นคือว่า ถึงทุกคนจะรู้แผนแบบนี้อยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้ารับมันเผาร้อนๆนี้อยู่ดี

ซูหลี่คิดอยู่ซักพักก่อนจะพูด “ก็นะ พวกเรารู้ความจริงอยู่แล้ว แต่ถ้านายพูดได้ นายจะทําได้ไหม ถึงแม้ว่านายจะเรียนอยู่ในทีมชาติมาพักใหญ่แล้ว แต่โค้ชทุกคนที่อยู่ที่นี้ก็มีประสบการณ์มากกว่านายนะ ทําไมนายถึงมั่นใจแบบนั้นละ? นายมีข้อได้เปรียบอะไรเหรอ?”

ซูหลี่ไม่ได้หาเรื่องหลี่ไต้ แต่เป็นการทําให้ทุกอย่างกระจ่างชัด เขาตั้งใจจะชี้ให้เห็นด้วยว่าถึงหลี่ไต้นี้มันจะเป็นแค่เด็กใหม่ แต่เขาก็กล้าที่จะแบกรับภาระหนักอึ้งนี้ได้ ในขณะที่โค้ชอาวุโสทั้งหลายกลับนั่งเงียบกริบเป็นเปาสาก

พอได้ยินอย่างนั้น โค้ชบางคนก็ก้มหน้าลงด้วยความละอาย

แต่ถึงอย่างนั้น หลี่ไต้ก็ตอบกลับ “ฝางไฮควานเคยเป็นนักกีฬาของผมตอนเขายังอยู่ทีมเยาวชนเขตฮั่นเบ เราคุ้นเคยกันดี เพราะงั้นถ้าผมเป็นคนฝึกเขาเองก็จะประหยัดเวลาในเรื่องของการแนะนําเบื้องต้นและลดความเกร็งไปได้เยอะ เราจึงสามารถฝึกได้ไวกว่านั้นคือข้อได้เปรียบของผมครับ”

“ดี เราต้องฝึกอย่างเร็วเลย”ซูหลี่มองหลี่ไต้ด้วยความภูมิใจก่อนที่จะหันไปหาโค้ชทั้งหลาย “ผมเห็นด้วยที่จะให้หลี่ไต้ได้ลอง พวกคุณเห็นยังไงกันบ้าง!”

ในจังหวะนั้นไม่มีใครกล้าขัดเขาแล้ว ถ้ามีใครซักคนนึงโง่พอที่จะค้านขึ้นมา ซูหลี่คงพูดว่า “อะถ้าค้านก็มาทําเองซะเลย” คนๆนั้นคงได้มารับหน้าที่แทนหลี่ไต้ ตอนนี้หลี่ไต้อาสาตัวไปรับระเบิดแทนแล้ว คนอื่นๆก็ควรจะยินดี

เช้าตรู่วันต่อมา ผู้เข้าแข่งขันทั้ง4คนก็เริ่มฝึกวิ่งผลัดกันแต่เช้า

เอาจริงๆ การฝึกนั้นส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องทีมเวิร์คในการส่งไม้ล้วนๆ ทุกคนในทีมวิ่งได้เร็วมากอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องมาเสียเวลาเพิ่มความเร็วให้ยาก

เมื่อเข้าสู่การส่งไม้ มันจะมีจุดที่เรียกว่าระยะส่งไม้อยู่ ซึ่งมีระยะประมาณ20เมตร นักกีฬาสามารถส่งไม้ได้ในปริเวณนั้นเท่านั้น เมื่อก้าวออกนอกโซนนั้นไปแล้ว จะถือว่าฟาวแล้วจะถูกปรับแพ้ทันที

ขาแรกนั้นจะเริ่มออกตัว และส่งไม้ให้ขาที่2 ในระหว่างที่รอไม้ส่งมาถึงนั้น ขาที่2ก็ต้องเริ่มออกตัววิ่งรอขาที่1มาส่งไม้แล้ว และการส่งไม้นั้นจะจบลงโดยไม่มีการหยุดวิ่ง

ในระหว่างการส่งไม้นั้น คนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นคนคุม และนักกีฬาที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นคนที่ทําตามบัญชาล้วนๆ

ปรกติแล้วเวลาคนส่งจะมาถึงคนรับ เขาจะบอกว่า “ยื่นมือมา” คนข้างหน้าก็จะยื่นมือออกไปด้านหลังโดยที่ตายังจ้องไปข้างหน้าอยู่

และเมื่อคนข้างหลังส่งไม้เข้ามือคนข้างหน้าแล้ว เขาก็จะบอกว่า “กํา”ในตอนเดียวกัน พอได้ยินอย่างนั้น คนข้างหน้าก็จับไม้ให้แน่นแล้วเอามือกลับไปวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่

และแน่นอนว่าเราสามารถใช้คําอื่นแทน “ยื่นมือ”กับ”กํา”ได้ บางครั้งถ้าเพื่อนร่วมทีมทํางานกันดีจริง พวกเขาแค่กระแทกเสียงคนข้างหน้าก็ทําตามได้อย่างเร็วแล้ว

ปัญหาส่วนมากของการเปลี่ยนไม้คือการทําไม้ตก ถ้าคนรับเอามือกลับเร็วไปหรือคนส่งส่งไม่ตรงเวลา มันก็อาจจะเกิดการทําไม้ตกได้

ตลอดขั้นตอนพวกนี้ถึงจะดูยุ่งยากแต่เอาจริงมันเกิดภายในไม่ถึง1วินาที ถ้านักกีฬาวิ่งผลัดเก่งๆจะสามารถส่งได้เร็วขึ้นถึง0.2วินาทีจากนักกีฬาทั่วไป

ในตอนเที่ยงโค้ชหลายๆคนก็ได้จบการฝึกของตัวเองและเดินไปโรงอาหารแล้ว และตอนที่พวกเขาเดินผ่านสนามฝึกชั่วคราว พวกเขาดันไปเห็นหลี่ไต้และนักกีฬาทั้ง4พอดี

“ครึ่งวันมาแล้ว ฉันละสงสัยว่าเจ้าหลี่มันทําอะไรอยู่กันนะ”

“พวกเขาดูดีนี้ แต่1วันมันสั้นเกินกว่าจะเตรียมตัวนะ ฉันทําได้แค่หวังว่าพวกเขาจะโชคดีจะได้เหรียญกลับไปนะ”

หลี่เคยบอกฉันว่า แชมป์ประโดดไกลฝางไฮควานเคยเป็นนักเรียนของเขาในทีมเยาวชน งั้นหลี่ไต้ก็เคยเป็นโค้ชกระโดดไกลมาก่อนงั้นซิ? นี้ฉันนึกว่าเขาเป็นโค้ชวิ่งมาโดยตลอดเลยนะเนี่ย!”

“นายรู้ไหม ทีมเยาวชนเขาไม่ค่อยมีโค้ชกันหรอก คนเดียวก็ต้องทําหลายอย่าง แต่นายก็ทําให้ฉันนึกได้ หยางฉือจี๋กับหนิวกั๋วหงก็เป็นนักเรียนของหลี่ไต้จากมหาลัยชิงชั่วนี้!”

“หนิวกั๋วหงกับฮาวหยูอี้เคยอยู่ภายใต้การฝึกของหลี่ไต้ตั้งแต่ค่ายฝึกเอเชี่ยนเกม โดยเฉพาะฮาวหยูอี้ ฉันได้ยินมาว่าเขาโดนแนะนํามาจากหลี่ไต้ให้เข้าค่ายฝึกได้ เมื่อหลายวันก่อน ตอนขั้นที่2ของค่ายฝึกหลี่ไต้ก็ฝึกให้ฮาวหยูอี้หนักมากลากยาวไป4ทุ่มทุกคืนเลย พวกนายก็น่าจะรู้ใช่ไหม?”

“พระเจ้าจะช่วยพวกที่ช่วยตัวเองแล้วเท่านั้นละ การฝึกของฮาวหยูอี้ไม่ได้เปล่าประโยชน์เลย ตอนนี้เขาก็ได้แชมป์ละนี้”

หนิวกั๋วหงกับฮาวหยูอี้ หยางฉือจี๋ ฝางไฮควานเนักกีฬา4คนในทีมวิ่งพลัดเป็นนักกีฬาของหลี่ไต้ล้วนๆ! แหมๆ ถึงหลี่ไต้จะยังอายุน้อย แต่นักเรียนของเขาก็มีเต็มไปหมดเลยเว้ย!”

“55555 ทีมวิ่งผลัดชาติ เป็นกองทัพหลี่ไปแล้ว!”

มุกตลกเรื่องกองทัพหลี่ในวันนั้น ใครมันจะไปนึกว่าในอีกหลายปีต่อมา กองทัพหลี่เนี่ยละจะเป็นกองทัพที่ยึดครองโลกของกีฬา!

Almighty Coach – โค้ชอหังการ

Almighty Coach – โค้ชอหังการ

ทำยังไงเด็กจบใหม่ที่ไม่มีทั้งเส้นสายเเละประวัติถึงจะประสบความสำเร็จได้ละ ด้วยการโกงเหรอ ด้วยการอัพเวลเหรอ

นี้ไม่ใช่วีดีโอเกม เรากำลังพูดถึงชีวิตจริงอยู่! เส้นทางสู่การเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ของไต้หลี่

เด็กหนุ่มพึ่งจบมหาลัยมาโดยไม่มีเส้นสาย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรที่ได้มาพบกับระบบโค้ช

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท