ตอนที่ 39 ลึกลงใต้ดิน
พอยื่นมือออกไปเคาะๆ ก็ได้ยินแค่เสียงก๊อกๆ ดังออกมา
เธอกำลังคิด ไข่ใบนี้ซ่อนไว้ไม่ได้ หากไปเจอใครเข้าต้องถูกพบตัวแน่ๆ ตอนนี้พวกคนที่บินอยู่กลางอากาศกำลังตามหาไข่ใบนี้ และชัดเจนว่าคงไม่จากกันไปเร็วนัก หากเธออุ้มไข่ใบนี้ไปหากวนสีหลิ่น ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะเดินไปหาเขาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ถึงเดินไปหาเขาได้ ก็เกรงว่าจะทำให้เขาลำบากไปด้วย
‘ทำยังไงดีล่ะ? ของเจ้าปัญหานี่’ เธอขมวดคิ้ว แล้วนึกถึงวิธีทำสัญญาขึ้นมาในหัว ดวงตาเธอเป็นประกาย เธอกัดนิ้วมือตัวเองและหยดเลือดหนึ่งหยดลงบนเปลือกไข่
ทว่าเลือดหยดนั้นไม่ซึมเข้าไปในเปลือกไข่ ตรงกันข้ามกลับไหลลงไป
ดวงตาเธอถลึงมอง “ใช้หยดเลือดทำสัญญากับสัตว์ร้ายที่ยังไม่เกิดได้ไม่ใช่หรือ? หลอกกันรึ?” เธอบีบเลือดลงไปอีกสองหยดอย่างไม่ยอมแพ้ ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเหมือนเดิม
สุดท้าย ทำได้เพียงยอมแพ้
‘หืม? เสียงอะไรน่ะ?’ เธอหูผึ่งน้อยๆ แล้วมองไปรอบด้าน ได้ยินเพียงเสียงเบาๆ ที่เหมือนแว่วมาจากใต้ดิน
เป็นอย่างที่คิดไว้ พอเธอก้มลงมองรอบตัว ก็เห็นผืนดินราวกับถูกพลิกขึ้นมา คล้ายว่าใต้ดินนั้นมีอะไรบางอย่างกำลังขุดเจาะกันอยู่
“หนูดำดิน? คงไม่ใช่หรอกมั้ง? หนูดำดินก็ตัวไม่ใหญ่ขนาดนั้นนี่!”
เธอเก็บไข่สีทองลงในอกเสื้อ กำลังคิดจะวิ่งหนีจากพื้นดินที่แตกออกด้วยการปีนขึ้นบนต้นไม้ ทว่าเพิ่งจะโผล่หัว ก็เห็นว่าไม่ไกลมีชายวัยกลางคนกำลังขี่กระบี่บินมาทางนี้ เธอตกใจจนถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่พอถอยไปเท้าก็เหยียบลงบนผืนดินที่คลายตัวอยู่ ทั้งร่างจึงตกลงไปในหลุมด้านล่างอย่างเสียสมดุล
“อ๊ะ!”
เธอส่งเสียงร้องตกใจ รู้สึกเพียงเบื้องหน้ามืดมิด ร่างกายลื่นตกลงมาด้วยความรวดเร็วจนไม่อาจโต้ตอบอะไรได้
แต่ด้านบนนั้น หลังจากเฟิ่งจิ่วลื่นตกไป หนูดำดินสองตัวก็โผล่หัวออกมาจากผืนดิน ส่งเสียงจี๊ดๆ อยู่หลายครั้ง แล้วมองซ้ายมองขวา ไม่นานนักพวกมันก็กลบดินลงไปเติมเต็มปากหลุมที่ปรากฏออกมานั้น
ชายวัยกลางคนที่ขี่กระบี่บินมาตามเสียงมองไปรอบๆ กลับไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนี้ และก็ไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นอายของคนเลย เขาจึงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “หรือว่าข้าหูฝาดไป?”
เขาใช้พลังจิตกวาดมองอีกหลายครั้ง ก็ไม่พบอะไรจริงๆ ถึงจะขี่กระบี่จากไป
“อ๊าก…”
ใต้ดิน เสียงร้องของเฟิ่งจิ่วดังกึกก้องอยู่ในทางอุโมงค์ ร่างเธอลื่นไถลลงมา มืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น รู้เพียงว่าทางอุโมงค์นี้เลี้ยวซ้ายคดขวาลงไป ระหว่างทางเท้าเธอเหมือนเตะโดนของคล้ายก้อนเนื้ออะไรบางอย่าง มันร้องเสียงดังจี๊ด และก้อนเนื้ออ้วนๆ นั้นก็กลิ้งตามลงไปด้วย
“ตึง!”
“ซี๊ด! อ๊า!”
เธอร้องอย่างเจ็บปวด เพราะร่างกายลื่นไถลลงมาจึงล้มไปด้านหน้า เธอกลับไม่ได้ล้มลงบนพื้น แต่ล้มลงบนก้อนเนื้ออวบอั๋นที่ร่วงลงพื้นไปก่อน
“ซี๊ด! เจ็บชะมัดเลย”
ตลอดทางที่ลื่นไถลลงมา เมื่อคิดถึงแรงเสียดสีของร่างกายก็รู้ได้ ทั่วร่างเจ็บปวดร้อนผ่าวไปหมด แต่ถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อเธอเห็นดวงตาหลายคู่เป็นประกายแสงสีเขียวสลัวอยู่โดยรอบ ก็ตกใจจนผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“จี๊ดๆ”
“จี๊ดๆๆๆ”
หนู?
หนังศีรษะเธอชาวาบ เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นหนู ทว่าจากขนาดตัวที่เห็นอยู่รางๆ ท่ามกลางความมืดมิดกลับเหมือนไม่ใช่หนูธรรมดา หนำซ้ำตอนนี้พวกมันก็กำลังล้อมเข้ามาหาเธอด้วย
พอนึกถึงปากหลุมที่มีขนาดพอสำหรับคนหนึ่งคน และพวกหนูตรงหน้านี้อีก ร่างกายเธอก็ตึงเครียดขึ้นมา
“เป็นหนูดำดิน!”
มือหนึ่งลูบลงในอกเสื้อ ไข่สีทองใบนั้นยังอยู่ดีไม่มีแตกหัก อีกมือหนึ่งจึงยื่นไปตรงต้นขา แล้วดึงกริชที่ผูกไว้ตรงนั้นออกมาถือไว้…
…………………………………………………….
ตอนที่ 40 ร่วงลงรังหนู
“จี๊ดๆๆ!”
รอบๆ นี้มีหนูดำดินประมาณสี่ห้าสิบตัว หนำซ้ำขนาดของทุกตัวต่างก็น่ากลัวมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่เธอโดนล้อมอยู่ แต่ละตัวล้วนจับจ้องเธอพลางส่งเสียงร้องจี๊ดๆ ออกมา
ด้วยกำลังของเธอ จะแก้ไขสถานการณ์คับขันเบื้องหน้านี้เช่นไร?
หรือจะฆ่าหนูดำดินสี่ห้าสิบตัวนี้ให้หมดเสียเลย? เห็นชัดๆ ว่าหนูดำดินพวกนี้กลายพันธุ์ เกรงว่าหากต่อกรด้วยคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น
ขณะกำลังคิด ก็รู้สึกว่าลมแรงถาโถมมา หนูดำดินตัวหนึ่งด้านซ้ายร้องจี๊ดแล้วพลันกระโจนเข้ามาทันที
เธออดกลั้นความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาบนร่างกาย สายตากวาดมองอย่างดุดัน กริชในมือพลันตวัดออกไป เห็นเพียงกลิ่นอายพลังเร้นลับสีแดงจางๆ จู่โจมออกไปกลางอากาศตามความรุนแรงของกริช และแทงเข้าที่หัวหนูดำดินตัวนั้นดังสวบ
ในเวลานี้เอง หนูดำดินสี่ห้าสิบตัวที่เหลือต่างร้องจี๊ดๆๆ ทุกตัวกระโจนเข้ามาในทันที ล้อมวงเธอไว้พลางกัดทึ้ง
“โอ๊ย!”
ความเจ็บทำให้เธอส่งเสียงร้องครวญ หนูสี่ห้าสิบตัวที่ล้อมกัดไม่ได้ทำให้ความเร็วของกริชในมือเธอช้าลงเลย เวลานี้เธอแผดเสียงดุเดือดพลางหมุนตัวตวัดกริชดั่งเช่นเทพสังหาร แทงเข้าและดึงออก ในหัวเธอมีเพียงความเชื่อมั่นเดียว คือต้องมีชีวิตต่อไป!
“จี๊ด!”
“จี๊ดๆ…”
ศพของหนูดำดินบนพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าหนูดำดินรอบตัวเธอไม่กล้าเข้าใกล้เธออีกแล้ว
เพราะว่าศพรอบข้างกองพะเนินกันเป็นภูเขาเล็กๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลอยู่ท่ามกลางพื้นที่ว่างที่มืดสนิท
ร่างเธอที่เปียกชื้นมีความอุ่นอยู่ มันคือเลือดของเธอและเลือดของพวกหนูดำดิน…
“มาสิ? ไม่กล้ากระโจนเข้ามาแล้วเรอะ?”
น้ำเสียงเย็นเยียบของเธอมีความชั่วร้าย เธอกวาดมองหนูดำดินที่ถอยออกไปทีละตัวด้วยแววตาเยือกเย็นและดุร้าย รังสีฆ่าฟันและความกระหายเลือดทั่วร่างทำให้เธอเป็นดั่งนักฆ่าผู้โหดเหี้ยม ลำพังแค่กลิ่นอายกระหายเลือดที่น่าสะพรึง ก็ทำให้พวกหนูดำดินที่เหลือไม่กล้าเข้ามาใกล้อีก
“ไม่กล้าแล้ว? เฮอะ! ยังฆ่าไม่พอเลย!”
เมื่อน้ำเสียงเย็นชากระหายเลือดนั้นกล่าว เรือนร่างเธอขยับ กริชที่มีประกายแสงเย็นเยียบพร้อมกลิ่นอายรุนแรงแทงไปที่หนูดำดินตัวหนึ่งอีกครั้ง ความรวดเร็วนั้น แน่นอนว่ามันไม่อาจหลบได้
“จี๊ด!”
เสียงกรีดร้องน่าเศร้าดังขึ้น เลือดอุ่นๆ สายหนึ่งกระเซ็นออกไป และหนูดำดินอีกตัวก็ตายอยู่ใต้กริชของเธอ
“จี๊ดๆ!”
หนูอีกสิบกว่าตัวที่เหลือกรีดร้อง ก่อนจะหนีไปตามโพรงพวกนั้นอย่างตื่นตระหนก
เธอเม้มริมฝีปากชำเลืองมองโพรงพวกนั้น ถึงจะสาวเท้าก้าวเดินไปตามทิศทางที่มีสายลมอ่อนพัดเข้ามาทีละก้าว หนึ่งก้าวหนึ่งรอยเท้า หนึ่งก้าวหนึ่งหยดเลือด…
เดินไปเกือบครึ่งชั่วยาม เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงน้ำไหล ลำแสงนั้นค่อยๆ สว่างขึ้น เพราะมีน้ำไหลอยู่ กลิ่นอายในอากาศจึงมีความชื้นอยู่มาก ความเจ็บทั่วร่างตอนนี้ช่างยากเกินทน แต่เธอกลับยังคงกัดฟันไว้พลางเดินไปทีละก้าว จนมาถึงบริเวณที่มีน้ำไหล
มันคือสระน้ำลึก เธอมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่มันกลับใสยิ่งนัก น้ำไหลคือน้ำที่มีต้นน้ำ เพียงแต่ไม่รู้ว่าไหลไปหยุดลงที่ไหน
แต่บริเวณรอบๆ นี้กลับไม่มีทางเลย ลำแสงนั้นส่องลงมาจากเหนือศีรษะ ราวกับอยู่ใต้หุบเขาลึก ระหว่างผาหินมีสายน้ำไหลอยู่น้อยๆ จึงมีตะไคร่น้ำขึ้นเต็ม และโดยรอบก็มีพวกเถาวัลย์ห้อยลู่ลงมา
มองแค่แวบหนึ่งเธอก็ดึงสายตากลับ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การหาทางออกจากที่นี่ แต่เป็นบาดแผลบนตัวเธอ
บาดแผลบนตัวที่ถูกหนูดำดินพวกนั้นกัด หากไม่จัดการเกรงว่ามีแต่จะติดเชื้อ ยังดีที่ตรงนี้มีบ่อน้ำลึกอยู่
เธอถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มเลือดบนตัวออก นำไข่สีทองวางไว้ข้างๆ จากนั้นลงไปลอยตัวอยู่ในน้ำ ใช้น้ำเย็นเฉียบในบ่อลึกนั้นทำความสะอาดบาดแผลบนร่าง…