ตอนที่ 293 เสียงดังสนั่น!
เฟิ่งเซียวเดินเข้ามาเห็นนางอ่านหนังสืออยู่ในสวน ใบหน้าสง่างามเผยรอยยิ้มเอาอกเอาใจด้วยความรักใคร่ “อ่านหนังสืออะไรอยู่? ตั้งใจถึงเพียงนี้เชียว?”
“ท่านพ่อ”
เฟิ่งจิ่วปิดหนังสือลงลุกยืนขึ้น ส่งยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์ “ศึกษาสิ่งใหม่นิดหน่อยเจ้าค่ะ”
“ท่าทางมีลับลมคมใน พ่อจะไม่ถามก็ได้ แค่ลองเข้ามาดู แวะบอกลูกว่าเรือนเล็กที่ต้องการให้คนทำความสะอาดแล้ว ยังมีอีกเรือนหลังนั้นลูกจะใช้ทำอะไร? จะไม่เพิ่มของด้านในหน่อยรึ?”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ให้ว่างๆ ไว้ก็พอ” เธอเอ่ยยิ้มๆ บอกว่า “ช่วงนี้ลูกอาจจะค่อนข้างยุ่ง ต้องรบกวนท่านพ่อดูแลหยางหยางด้วยนะเจ้าคะ”
“ลูกวางใจเถอะ! เด็กคนนั้นน่ารักยิ่งนัก พ่อเชิญคนมาสอนเขาอ่านหนังสือเขียนอักษร รอผ่านไปสักพักค่อยสอนเขาตั้งท่านั่งม้า1 วางพื้นฐาน ไปเถอะ! พ่อจะลองไปดูเรือนเป็นเพื่อน หากไม่พอใจตรงไหนค่อยให้คนมารื้อ”
“เจ้าค่ะ” เธอแค่ยิ้มแล้วเดินไปข้างนอกด้วยกันกับเขา
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงบริเวณภูเขาจำลองในจวน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ไกลๆ เงยหน้ามองไปเห็นเหล่าไป๋ร่างขาวราวหิมะแต่กลับอ้วนท้วนกำลังแกล้งเหล่าสาวใช้เล่นอยู่
เห็นภาพนี้เฟิ่งเซียวพูดยิ้มๆ “เดิมทีพ่อให้คนล่ามเหล่าไป๋ไว้ในคอก ใครจะรู้ว่ามันอยู่ไม่ได้ สองวันนี้จึงให้แก้เชือกมันไม่ต้องล่ามไว้ ปล่อยมันเดินไปเองรอบๆ จวน”
เห็นเหล่าไป๋นอนหงายอยู่บนพื้นสี่ขาชี้ฟ้าปล่อยให้เหล่าสาวใช้ลูบท้องพร้อมหรี่ดวงตาสบายใจเฉิบ เขาก็ส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องบอกว่าเจ้าเหล่าไป๋นี่มีพลังวิญญาณอยู่มาก พ่อเห็นมันไม่มีอะไรก็ชอบปรี่ไปหาพวกสาวใช้ กับเหล่าทหารอารักขากลับรังเกียจกัน ช่างแปลกโดยแท้ ท่านผู้เฒ่ายังบอกว่าไม่เคยเห็นม้ามังกรอย่างเหล่าไป๋มาก่อนเลย”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเหล่าไป๋ที่สี่ขาชี้ฟ้าเผยหนังท้อง ก็ค่อนข้างพูดไม่ออกอยู่บ้าง
“เหล่าไป๋แค่หื่นกาม ตอนลูกพบมันเจ้าของคนก่อนอยู่บนถนนจะลากจะขอร้องยังไงมันก็ไม่เดิน ใครจะรู้พอเจอลูกก็พุ่งเข้ามาทันที ซ้ำยังตามลูกมาตลอดทาง ตอนหลังเจ้าของถึงจะยกมันให้”
เมื่อทั้งสองเดินเข้าใกล้เหล่าสาวใช้ก็รีบร้อนยืนขึ้นคารวะด้วยความเคารพ เรียกเสียงเบา “นายท่าน คุณหนู”
“ฮี้!”
เหล่าไป๋พลิกตัวลุกยืนขึ้นจากพื้นจะปรี่มาข้างกายเฟิ่งจิ่ว กลับถูกเฟิ่งเซียวขวางไว้
“เฮ้ๆๆ เจ้าม้ามังกรตัวนี้ เกาะแกะข้างกายลูกสาวข้าให้มันน้อยๆ หน่อย”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนด้านหลังเห็นเรือนร่างน่าเกรงขามของท่านพ่อขวางอยู่เบื้องหน้าแยกเหล่าไป๋ที่ปรี่เข้ามาออก ก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นฉับพลัน
“ท่านพ่อ ท่านอยู่ตรงนี้เถอะ! ข้าไปที่เรือนเองก็ได้เจ้าค่ะ” เธอเดินออกมาจากด้านหลัง เมื่อผ่านข้างกายเหล่าไป๋ไป มองเหล่าไป๋ที่เต็มไปด้วยไขมันพักหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปกล่าวทั้งรอยยิ้ม “อย่าให้เจ้าเด็กเหล่าไป๋นี่กินอิ่มเกินไปนะเจ้าคะ มันต้องลดหุ่นอยู่”
“เรื่องนี้ลูกวางใจได้ ยกให้พ่อไม่มีปัญหาหรอก ไว้วันหน้าค่อยลากมันออกไปวิ่งสักสองสามรอบ” เฟิ่งเซียวหัวเราะเสียงดัง ให้สัญญาณนางออกไปส่วนตนก็อยู่ต่อ ก่อนจะจูงเหล่าไป๋เดินไปทางอีกด้าน
หลังเฟิ่งจิ่วมาถึงในเรือนก็หยิบเตากลั่นยากับพวกยาทิพย์ที่ฉวยมาจากเจ้าตำหนักยมราชตอนนั้น คิดว่าจะเริ่มศึกษาจากยาอายุวัฒนะที่เห็นบ่อยและง่ายดายที่สุด พออยู่ในเรือนก็เป็นเวลาสองสามชั่วยาม
เพราะเธอปิดไว้ทั้งประตูเรือนและห้องยาที่ว่างเปล่าด้านในจึงไม่มีใครรู้ว่าทำอะไรอยู่ จนกระทั่งมีเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิดดังขึ้นในจวน เสียงนั้นสะเทือนเสียจนพื้นดินทั่วจวนล้วนสั่นไหวเล็กน้อย และทำให้ทุกคนต่างตกใจตื่นพากันวิ่งออกมาดู
………………………………………….
ตอนที่ 294 ล้มเหลวครั้งแรก!
เพียงเห็นท้องฟ้าเหนือลานบ้านมีควันไฟตลบอบอวลขึ้น มาพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้แผ่ออกไปกลางอากาศ ผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“นั่นเหมือนจะเป็นเรือนที่คุณหนูใหญ่ให้คนเก็บกวาดข้าวของออกมานี่!”
“คุณหนูใหญ่เข้าไปเมื่อเช้า ถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย!”
“สวรรค์! คงจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกกระมัง?”
พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าสาวใช้กับทหารอารักขาพากันวิ่งไปยังเรือนหลังนั้นด้วยกลัวว่าคุณหนูใหญ่พวกเขาจะเกิดเรี่องอะไรขึ้นมาจริงๆ
“อะไรกัน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผู้เฒ่าเฟิ่งได้ยินเสียงก็วิ่งออกมามองไปรอบๆ เมื่อเห็นด้านบนเรือนหลังหนึ่งมีควันไหม้พวยพุ่ง ก็ตกใจอย่างยิ่ง “ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านผู้เฒ่า ตรงนั้นเป็นเรือนที่คุณหนูใหญ่ให้คนไปเก็บกวาด เมื่อเช้าคุณหนูเข้าไปถึงตอนนี้ยังไม่ออกมา เสียงดังครู่ก่อนลอยมาจากด้านในเรือนคล้ายมีอะไรระเบิด”
พ่อบ้านที่วิ่งเข้ามาบอกอย่างร้อนรน เพิ่งพูดจบไปก็เห็นมือหนี่งท่านผู้เฒ่ายกเสื้อคลุมวิ่งไปยังเรือนหลังนั้นรวดเร็วราวโบยบิน เห็นท่าทางเขานิ่งอึ้งสักพักก่อนจะเร่งรีบตามไป
เมื่อทุกคนมาถึงเรือนกันอย่างลนลาน ขณะมองผ่านประตูเรือนไปเห็นภาพด้านในก็มึนงงโดยฉับพลัน
เพียงเห็นคุณหนูใหญ่ผู้งามเลิศน่าหลงใหลยามนี้ทรุดนั่งลงบนพื้นทั้งเนื้อตัวดำสนิทสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าบนตัวที่นางสวมใส่อยู่ภายในจวนยิ่งมองสีเดิมไม่ออก บนผมสีหมึกถูกสาดเต็มไปด้วยเศษกากยาแตกสีดำ ราวกับเป็นเพราะสัมผัสกับความร้อนบริเวณปลายผมจึงไหม้ม้วนขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้ากระดำกระด่าง นั่งไออยู่บนพื้นดูแล้วน่าอับอายไม่สิ้นสุด และห้องตรงหน้าก็มีควันไฟพวยพุ่งเป็นกองๆ
นี่ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?
ทุกคนมองอย่างนิ่งอึ้ง มีคนได้สติกลับมาก่อนจึงตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ?”
“แค่กๆ แค่กๆๆ…”
เฟิ่งจิ่วที่โดนดีดออกมาทรุดนั่งอยู่บนพื้น มือหนึ่งปัดไล่ควันไฟที่พรั่งพรูออกมาจากห้องตรงหน้าอีกข้างปิดจมูกไอ พอค่อยยังชั่วถึงจะลุกยืนขึ้นหันกลับไปมองคนไม่น้อยที่ล้อมอยู่นอกเรือนแล้วโบกๆ มือไปให้
“ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องมุงอยู่ตรงนั้น จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
หลังเอ่ยคำพูดนี้จบ เธอเดินไปทางห้องยาที่มีควันพวยพุ่ง กลั่นยาเซียนครั้งแรกฝาเตาก็ระเบิดออกทันที กระแสพลังในเตายาล้วนกระเซ็นออกมาพร้อมยาทิพย์สิบกว่าอย่างที่ใช้ แม้แต่ตนเองยังหลบไม่ทันถูกกระแสพลังดีดออกมาเสียจนเนื้อตัวเลอะเทอะยุ่งเหยิง
เปิดหน้าต่างให้ควันจางไป เมื่อเห็นกากยากระจัดกระจายทั่วพื้นเธอก็ทำหน้าเสียดาย
“สิ้นเปลืองเหลือเกิน จะไปซื้อก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลย”
“แม่หนูเฟิ่ง? แม่หนูเฟิ่งหลานไม่เป็นไรนะ?”
ท่านผู้เฒ่าที่รีบมาจากด้านนอกเข้าเรือนมายังห้องยา พ่อบ้านเฝ้าอยู่บริเวณประตูเรือน ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไป
หันกลับมาเห็นว่าเป็นเขา เธอก็เช็ดๆ จมูก กล่าวอย่างยิ้มๆ ว่า “ท่านปู่ หลานไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่เสียยาดีไปหนึ่งเตา”
“คนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นซ้ำยังมีควันปะทุนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร”
ผู้เฒ่าเห็นนางไม่เป็นไรแค่ตัวมอมแมมนิดหน่อยถึงจะวางใจลงได้ เมื่อเห็นข้าวของรกรุงรังในห้อง รวมถึงเตากลั่นยาเซียนใบนั้น ก็เอ่ยถามอย่างตกใจเล็กน้อย “นี่หลาน… กลั่นยาเซียนรึ?”
“ข้ากำลังศึกษาอยู่เจ้าค่ะ! นี่ไม่ใช่ เตานี้เสียไปแล้ว” เธอยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “บนกระดาษเขียนบอกไว้ง่ายดาย พอทำจริงถึงรู้ว่ายากลำบากยิ่งนัก”
ผู้เฒ่าเฟิ่งกดความตื่นตระหนกในใจไว้ก่อนจะเอ่ยด้วยความรักใคร่ “อย่าเพิ่งท้อแท้ ปู่เชื่อว่าหลานต้องทำได้แน่”
……………………