หลังจากมาถึงขั้นชำระกระดูกเรียบร้อยแล้วเทียนหลางก็กลับขึ้นไปนอนเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้เข้ากับขั้นชำระกระดูก เช้าวันต่อมาเทียนหลางตื่นขึ้นด้วยความชดชื่นมากกว่าปกติ จากนั้นก็พบว่าร่างกายของเขานั้นเบาและแข็งแกร่งขึ้นมาก
เทียนหลางลุกจากเตียงและมองตัวเองในกระจกก็พบว่าร่างกายและใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป เทียนหลางสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบสิบเซ็น ทำให้ในตอนนี้เทียนหลางสูงกว่า 185 แล้ว
ใบหน้าของเทียนหลางก็เปลี่ยนไปจากเด็กหนุ่มธรรมดากลายเป็นหนุ่มหล่อไปเสียแล้ว และที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือใบหน้าของเทียนหลางตอนนี้เหมือนกับใบหน้าของเทียนหลางตอนที่เขายังคงเป็นจักรพรรดิสวรรค์อยู่ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
”อืม… กลับมาหล่อล้มเมืองเหมือนเดิมแล้ว”
เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปตลาด เทียนหลางเดินเลือกซื้อของในตลาดอย่างเงียบ ๆ และดูเหมือนว่าหญ้าชินหลิงวันนี้จะมีมาขายเยอะกว่าปกติและราคาสูงขึ้นนิดนึง อาจจะเป็นเพราะข่าวที่ว่ามีคนไปเหมาซื้อหญ้าหลิงเป็ยจำนวนมากทำให้คนแห่เอามาขายและโก่งราคาขึ้น
แต่มีรึเทียนหลางจะซื้อหากของแพงไปต่อให้มันดีเทียนหลางก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำ ทำให้วันนี้เทียนหลางซื้อไปเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ระหว่างที่เทียนหลางกำลังจะกลับเขาก็ผลันได้กลิ่นบางอย่าง
‘นี่มัน สมบัติธาตุ’
เทียนหลางหันซ้ายขวาตามกลิ่นที่เขาได้รับ เทียนหลางเดินตามกลิ่นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็พบกับมันแต่ด้านหน้าของเขานั้นกลับมีคนมากมายกำลังมุงดูบางอย่างอยู่
‘คนพวกนี้รุมล้อมอะไรกัน ? หรือว่าจะมารุมแย่งซื้อวัตถุธาตุ บ้าเอ้ย !’
เทียนหลางกำลังพยายามแทรกตัวเข้าไปเพื่อหวังจะแย่งซื้อได้แม้เขาจะมีเงินไม่มาก แต่ก็น่าจะพอได้อะไรบ้างแต่เมื่อเทียนหลางแทรกตัวเข้าไปได้ก็พบว่าคนพวกนี้กำลังมามุงดูคนแก่คนหนึ่งที่กำลังล้มอยู่ พร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ
เทียนหลางจ้องมองชายแก่คนนั้นอย่างใจเย็นและพบว่าเขานั้นเป็นโรคหัวใจ ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้พร้อมกับพยายามจะปลุกชายแก่
”คุณปู่ตื่นสิคะ คุณปู่ !”
คนรอบข้างเฝ้าดูก็พยายามโทรเรียกรถพยาบาลแต่เทียนหลางเฝ้ามองดูแล้วก็พบว่าชายแก่คนนี้คงไม่รอดแน่นอน เพราะรถพยายามคงจะมาไม่ทันเขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”รถพยาบาลมาไม่ทันหรอกนะ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินคำพูดของเทียนหลางเธอก็ทันมาหาเขาทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่
”นายหมายความว่ายังไง”
เทียนหลางตกใจเล็กน้อยเพราะผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้นสวยมากเรียกได้ว่าสวยไม่แพ้เทพธิดาบนแดนสวรรค์เลย ด้วยความสวยของเธอนั้นทำให้เทียนหลางอดไม่ได้ที่จะต้องจ้องมองเธอซึ่งนั่นทำให้เธอไม่พอใจเล็กน้อยและพูดขึ้น
”นายมองพอรึยัง”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
”อืมพอแล้วหล่ะ ไหนถอยไปหน่อยสิ”
เมื่อเธอเห็นท่าทีของเทียนหลางเธอก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้
”นายเป็นหมองั้นเหรอ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย
”ก็อาจจะ”
”ก็อาจจะงั้นเหรอ !”
”เอาเถอะน่า ถ้าช้ากว่านี้ปู่ของเธออาจจะไม่รอดก็ได้นะ”
เทียนหลางไม่รีรอเขาหยิบเข็มเงินออกมาจากแหวนมังกรดำสองสามเล่ม และฝังมันไปที่บริเวณรอบ ๆ หัวใจของชายแก่จากนั้นเทียนหลางก็ส่งปราณของเขาลงไปและกระตุ้นหัวใจของชายแก่ให้เต้นอีกครั้ง
น่าเสียดายที่เทียนหลางยังไม่ได้บ่มเพาะอย่างจริงจังเลยทำให้เขาไม่สามารถรักษาโรคหัวใจของชายแก่ได้ทั้งหมดทำได้เพียงยืดเวลาออกไปอีกสองสามปีเท่านั้น
ไม่นานนักชายแก่ก็กลับมามีชีวิตเหมือนเดิมก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยท่าทางยากลำบากพร้อมกับกล่าวขอบคุณเทียนหลาง
”ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่มที่ช่วยฉันเอาไว้”
”ก็ไม่ได้มากมายอะไร แค่ทนเห็นสาวสวยร้องไห้ไม่ได้”
เทียนหลางพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปทางผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งทำให้เธอก้มหน้าหนีด้วยความเขินอาย ทำให้ชายแก่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะหยิบนามบัตรของเขาให้กับเทียนหลางและพูดขึ้น
”นี่นามบัตรของฉันถ้าหากมีอะไรที่อยากให้ฉันช่วยก็บอกฉันได้เลยนะ”
เทียนหลางรับนามบัตรมาพร้อมกับจ้องมองมัน
‘อืม… หลี่ไห่ ทำไมรู้สึกคุ้น ๆ ช่างมันเถอะ’
”ขอบคุณมาก อันที่จริงก็มีอย่างนึงที่อยากให้คุณช่วยอยู่เหมือนกันหล่ะนะ”
”หืม ? อะไรงั้นเหรอ ? ถ้าหากฉันช่วยได้ก็จะช่วย”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็หันซ้ายหันขวาเพื่อหาวัตถุธาตุ ทันใดนั้นเทียนหลางก็พบแต่ว่ามัน… อยู่ที่คอของหลานสาวของเขาสะอย่างงั้น ทำให้เทียนหลางนั้นอึกอักอยู่เล็กน้อย เมื่อชายแก่เห็นก็ถึงกับเอ่ยถามทันที
”นายต้องการอะไรงั้นเหรอ ? หรือว่านายต้องการหลานสาวของฉัน ?”
เมื่อหลานของชายแก่ได้ยินก็ได้แต่ก้มหน้าลงและพูดใส่ปู่ของเธอ
”ปู่พูดอะไรหน่ะ !”
เทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”ถ้าได้อย่างงั้นก็ดีเหมือนกันนะครับ แต่ผมอยากได้สิ่งที่อยู่บนคอของเธอมากกว่า”
”หืม… เธอต้องสร้อยคอของหลานฉันงั้นเหรอ ?”
”จะว่างั้นก็ได้นะครับ”
”คงไม่ได้หรอกนะ เพราะนั่นคือสร้อยของแม่เธอหน่ะ”
”โอ้ ~ งั้นก็คงช่วยไม่ได้ ถ้างั้นผมขอคิดก่อนแล้วกันนะครับว่าอยากได้อะไร แล้วเดียวผมจะโทรไปบอก”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ลุกขึ้นและกล่าวลาคู่ปู่หลาน และเดินกลับบ้านหลังจากที่เทียนหลางกลับไป หลี่ไห่ก็ถามกับหลานสาวของเขา
”หลานคิดว่าเขาเป็นไงบ้าง ?”
”ผู้ชายคนเมื่อกี้งั้นเหรอคะ ?”
”ใช่แล้ว”
”อืม… หนูก็พูดไม่ถูกเหมือนกันคะ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
”งั้นก็แปลว่าหลานชอบเขาสินะ”
”เปล่าสักหน่อย ! คุณปู่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดจากหลานสาวหลี่ไห่ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง