เทียนหลางหันไปตามเสียงของชายชราและพบเข้ากับชายชราที่หน้าตาดูใจดีแต่กลับแผ่บรรยากาศที่แสนมั่นคงและหนักแน่นออกมา ชายชราเดินเข้ามาหาเจียงเฉินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
”ฉันจะขอซื้อหยกเพลิงจากเธอได้หรือไม่พ่อหนุ่ม ฉันจะให้เธอ 20ล้านเหรียญ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
”ข้าจะขายให้ท่านก็ได้ แต่การที่จะขายให้ผู้อาวุโสตอนนี้มันคงจะไม่ดีนัก ถ้าหากท่านรออีกสักสองหรือสามวันข้าคงจะขายให้ท่านได้”
เมื่อชายชราได้ยินก็เกิดสงสัยและเอ่ยถาม
”ทำไมต้องรอสองถึงสามวันด้วยหล่ะ ?”
”ข้านั้นรู้จักช่างแกะสลักฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง ข้าคิดว่าจะแกะหยกให้เป็นรูปลักษณ์ที่สวยงามเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่ามันสักเล็กน้อย”
เทียนหลางพูดไปตามตรง ทำเอาชายชราหัวเราะไม่หยุดพร้อมกับตบไหล่เทียนหลางเบา ๆ
”ได้สิพ่อหนุ่ม ถ้าหากหยกเสร็จเมื่อไหร่ขอให้เธอติดต่อตามเบอร์นี้นะ”
พูดจบชายชราก็ยื่นนามบัตรให้กับเทียนหลาง เทียนหลางจ้องมองก็พบว่าเป็นคนใหญ่คนโตอีกแล้วประธานบริษัทฟูหว่างกรุ๊บ เมื่อเสร็จธุระชายชราก็เดินจากไปส่วนเทียนหลางก็คิดว่าคงจะเพียงพอแล้วสำหรับการพนันหยกครั้งนี้เพราะเขาได้มากเกินกว่าที่คิดไว้เยอะ
เมื่อกลับมาถึงรถซูหลินก็หันหน้าเอ่ยถามกับเทียนหลาง
”นายรู้จักช่างแกะสลักหยกฝีมือดีจริงเหรอ ?”
”แน่นอนสิ ถึงฉันจะเป็นแค่พ่อครัวธรรมดา ๆ แต่ฉันก็พอมีคนรู้จักอยู่บ้างนะ”
”งั้นเหรอ…”
ซูหลินพูดพร้อมกับมองรอยยิ้มของเทียนหลาง เหตุผลที่เทียนหลางนั้นขอเวลาชายชราสองสามวันไม่ใช่เพราะเขานั้นรู้จักกับช่างแกะสลักแต่อย่างใด แต่เขายื้อเวลาเพราะเขาจะได้ดูดซับพลังงานในหยกจนหมดเสียก่อน ถ้าหากหยกเพลิงนั้นถูกดูดซับพลังจนหมดมันก็จะเป็นเพียงแค่หยกเพลิงธรรมดา ๆ ที่ราคาสิบล้านเท่านั้นไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขา
เทียนหลางมองนาฬิกาในมือถือก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้วเขาเริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อยแล้วเขาจึงหันไปพูดกับซูหลิน
”เพื่อเป็นคำขอบคุณสำหรับวันนี้ฉันจะทำอาหารให้เธอทานเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง ซูหลินก็มองเทียนหลางด้วยใบหน้าสงสัยแม้เธอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าครอบครัวเทียนหลางนั้นเปิดร้านอาหารแต่เธอไม่คิดว่าอาหารจะอร่อยมากมายนักแต่เธอก็ตอบรับไปเพราะเห็นถึงความจริงใจของเขา
ไม่นานนักรถก็มาจอดที่หน้าบ้านของเทียนหลาง เทียนหลางบอกให้ลูกน้องของซูหลินยกหยกบริสุทธิ์ที่เขาไม่ได้ขายไปไว้ข้างในร้านและเดียวเขาเอาไปเก็บเอง ส่วนตัวเขานั้นยกเจ้าหยกเพลิงยักษ์ขึ้นไปบนห้อง
ไม่นานนักเทียนหลางก็ลงมาด้านล่างและให้ซูหลินนั่งรอที่เคาท์เตอร์ พร้อมกับถามซูหลิน
”เธอชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ?”
ซูหลินที่ได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”เอาอะไรก็ได้”
”งั้นเป็นเมนูพิเศษของวันนี้ก็แล้วกัน”
”เมนูพิเศษ ?”
”อ๋อ พอดีคนที่มีบัตรสมาชิก กับ บัตร VIP จะได้สิทธิ์สั่งเมนูพิเศษต่างกันไปในแต่ละวันหน่ะ”
”งี้นี่เอง”
ซูหลินพยักหน้าพร้อมกับมองบรรยากาศรอบ ๆ ก็พบว่าบรรยากาศร้านชดชื่นและโล่งโปร่งสบายทั้งที่เป็นร้านแบบปิดช่างน่าตกใจสำหรับเธอไม่น้อย ไม่นานนักเทียนหลางก็ยกอาหารมาสองจานนั่นก็คือผัดผักจักรพรรดิ กับ ซี่โครงหมูอบ พร้อมกับข้าวหนึ่งจาน
ซูหลินมองอาหารที่เทียนหลางทำก็พบว่ามันหน้าตาธรรมดาเอามาก ๆ ไม่แตกต่างกับผัดผัก และซี่โครงหมูอบทั่วไปแต่เธอกลับได้กลิ่นที่หอมจนน่าตกใจเธอลองชิมผัดผักของเทียนหลางไปหนึ่งคำก็พบว่ามันอร่อยมาก อร่อยยิ่งอาหารในภัตตาคารเสียอีก
ไม่นานนักอาหารของเทียนหลางก็ถูกซูหลินทานจนหมดไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด เมื่ออาหารหมดซูหลินก็เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเทียนหลางกำลังนั่งมองเธออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับถามออกมา
”อาหารถูกปากรึเปล่า ?”
ซูหลินที่ถูกถามก็หันหน้าหนีด้วยใบหน้าที่แดงก่ำก่อนจะพูดขึ้น
”ก็พอได้”
”งั้นเหรอ ~”
หลังจากทานข้าวเสร็จซูหลินก็ขอตัวกลับเทียนหลางก็เดินมาส่งที่หน้าร้าน ก่อนจะกลับขึ้นห้องและมองเจ้าก้อนหยกเพลิงยักษ์
”คืนนี้คงผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น”
…………………………………
หลังจากปิดร้านแล้วเทียนหลางก็กลับขึ้นห้องและนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าของหยกเพลิง และค่อย ๆ ดูดซับพลังงานของสวรรค์และปฐพีเพื่อบ่มเพาะอย่างช้า ๆ ระดับพลังของเทียนหลางค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเรียกได้ว่าน่ากลัวเลยทีเดียว
จนในที่สุดตันเถียรของเทียนหลางก็ถูกเติมเต็มและพลังงานทั้งหมดที่อยู่ในตันเถียนก็พุ่งออกมาและชำระล้างร่างกายของเทียนหลางทั้งหมดตั้งแต่ระดับเซลล์ยันผิวหนัง
เทียนหลางลืมตาและพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
”ไม่คิดว่าจะง่ายดายเพียงนี้”
”เอาหล่ะ ! ได้เวลาของการเชื่อมต่อดวงดาว”
เทียนหลางหลับตาและค่อย ๆ ส่งจิตของตัวเองเข้าสู่มิติแห่งดวงดาวเมื่อลืมตาขึ้นด้านหน้าของเทียนหลางก็พบกับประตูบานใหญ่ที่ดูคุ้นเคย เทียนหลางค่อย ๆ ใช้มือของตัวเองผลักประตูบานนั้นให้เปิดออก
ทันทีที่ประตูเปิดออกด้านหลังของประตูก็กลายเป็นจักรวาลที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่มากมายนับไม่ถ้วนเทียนหลางค่อย ๆ ลอยตัวผ่านดวงดาวไปเรื่อย ๆ เพื่อหาดวงที่ตัวเองนั้นต้องการ
น่าแปลกที่คราวนี้เขาหาดวงดาวของตัวเองไม่เจอ
”มันอยู่ไหนกันน๊า ~”
ผ่านไปหลายชั่วโมงเทียนหลางก็ยังไม่พบดวงดาวของตัวเอง แต่ในที่สุดเขาก็สัมผัสถึงมันได้เทียนหลางรีบพุ่งตัวไปยังทิศทางดังกล่าวทันที ไม่นานนักเขาก็มาถึงด้านหน้าดวงดาวสีฟ้าครามดวงใหญ่ เทียนหลางสัมผัสได้เลยว่ามันกำลังเรียกหาเขาอยู่
เทียนหลางไม่รอช้ารีบเชื่อมต่อกับมันทันที และทันใดนั้นร่างกายของเทียนหลางก็เริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุดค่อย ๆ เริ่มกัดกินร่างกายและตันเถียรของเขาอย่างช้า ๆ
ไม่นานเกินรอร่างกายของเทียนหลางเริ่มปรากฏชั้นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว เทียนหลางค่อย ๆ เชื่อมต่อกับดวงดาวอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็สำเร็จตันเถียรของเทียนหลางปรากฏดวงดาวสีฟ้าครามลอยเคว้งอยู่ด้านใน
เทียนหลางถอดดวงจิตออกจากมิติแห่งดวงดาวก่อนจะนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น
”เกือบตายแล้วไหมหล่ะ ไม่คิดเลยว่าดวงดาวนั่นจะเป็นดวงดาวจักรพรรดิ ถ้าหากข้าไม่มีประสบการณ์มากมายหล่ะก็ข้าคงพลาดโอกาสงาม ๆ แบบนี้ไปแน่ ๆ”
เทียนหลางลุกขึ้นยืนและส่องตัวเองในกระจก
”อืม… ดูเหมือนข้าจะสูงขึ้นอีกนิดแล้วแหะ”
เทียนหลางพบว่าตัวเองสูงขึ้น ใบหน้าหล่อเหลามากกว่าเก่าเรียกว่าใบหน้าของเขาจากเดิมเป็นเพียงเด็กหนุ่มเทียนหลางอันอ่อนแอ กลายเป็นใบหน้าของจักรพรรดิสวรรค์หล่ออันหล่อเหลาอย่างสมบูรณ์ บวกกับผิวหนังที่ดูเรียบเนียนเปร่งปรั่งกว่าเดิมยิ่งเสียกว่าเด็กสาวเสียอีก
”อืม… หน้าตาข้าเปลี่ยนไปขนาดนี้พ่อกับแม่ข้าจะว่าอะไรไหมนะ”
แม้เทียนหลางคนเก่าจะหน้าตาคล้ายเขาก็เถอะ แต่หลังจากการปรับเปลี่ยนอันน่าตกใจแบบนี้มันก็ยากที่จะเชื่อที่มันจะเกิดขึ้นเองได้เพียงในเวลาไม่กี่อาทิตย์
”คงต้องหาข้อแก้ตัวดี ๆ สักหน่อยแล้ว หวังว่าพ่อกับแม่จะไม่คิดมากเกินไป”