หลังจากที่เทียนหลางได้ยินเขาก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมาเขาไม่คิดตัวเขานั้นจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหยกรวดเร็วขนาดนี้ แต่เทียนหลางก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเขาพยักหน้าตามคำบอกเล่าของหลี่ไห่
หลี่ไห่บอกว่าพนันหยกนั้นเป็นวิธีหาเงินที่ไวที่สุดในช่วงนี้แล้วนอกจากการเล่นพนัน เพราะสมัยนี้ผู้คนมักสนใจเครื่องประดับหรือของประดับที่ทำจากหยกจึงทำให้ธุระกิจที่เกี่ยวข้องกับหยกนั้นเฟื่องฟูและมีเงินหมุนเวียนทุกวันมากกว่าพันล้านเหรียญที่ตลาดค้าหยก
เทียนหลางปรึกษากับหลี่ไห่เรื่องการพนันหยกอยู่สักพักก่อนจะพูดสิ่งหนึ่งที่เขานั้นไม่ค่อยอยากจะพูดมากนัก
”คุณปู่หลี่จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมยากจะขอยืมเงินของคุณสักหน่อย”
เมื่อหลี่ไห่ได้ยินคำขอของเทียนหลางเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”แล้วเธอต้องการจะยืมเงินฉันเท่าไหร่หล่ะ”
เทียนหลางลูบคางครุ่นคิดก่อนจะชูสองนิ้วขึ้นมาทำให้หลี่ไห่ประหลาดใจก่อนจะถามขึ้น
”สองแสนงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหัวก่อนจะยิ้มและพูดขึ้น
”สองล้านครับ”
ทันทีที่ได้ยินจำนวนเงินที่เทียนหลางต้องการหลี่ไห่ก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะการที่จะไปพนันหยกนั้นจำเป็นต้องมีเงินจำนวนมาก เศรษฐีบางคนพกเงินไปพนันหยกมากกว่าสิบล้านก็มี หลี่ไห่ถูคางตัวเองเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”ได้ฉันจะให้เธอยืมสองล้าน และพรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาเธอไปยังสถานที่พนันหยก”
ทันทีที่เห็นว่าหลี่ไห่ตกลง เทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับก้มหัวขอบคุณและขอตัวลา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่เขาจะเปิดร้านแล้วหลังจากเทียนหลางกลับไปหลี่ไห่ก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพขึ้นมาโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
”พูชิง เธอจำเด็กหนุ่มคนที่ช่วยฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ไหม ?”
เสียงปลายสายก็ได้ตอบกลับ
”ได้ครับท่าน”
”ฉันอยากให้เธอช่วยไปสืบเรื่องของเขาหน่อย”
”ได้ครับนายท่าน”
หลังจากนั้นหลี่ไห่ก็วางโทรศัพลง
……………………………………………..
ทางด้านของเทียนหลางเมื่อกลับมาที่ร้านเขาก็ยังคงทำงานเหมือนปกติเช่นทุกวัน แตกต่างกันก็คงเป็นลูกน้องที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นในคืนนี้ ยู่หมิงได้มาทำงานวันแรก เธอทำงานได้ดีจนทำเอาเทียนหลางแปลกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าเพียงเวลาไม่นานเธอก็ได้รับความรักจากเหล่าลูกค้ามากมายพร้อมกับทิปอีกจำนวนมาก เรียกได้ว่าคืนนี้เธอได้ทิปมากกว่าหนึ่งร้อยเหรียญเสียอีก
เช้าวันต่อมาเทียนหลางก็ออกไปวิ่งและซื้อของที่ตลาดตามปกติ แต่เมื่อกลับมาเขาก็พบกับรถหรูคันหนึ่งจอดที่หน้าร้าน เทียนหลางมองสำรวจรถอย่างใจเย็นก่อนจะคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา เทียนหลางก็เลยเดินกลับเข้าร้านแต่ในระหว่างที่เขากำลังเปิดประตูร้านนั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งเรียกเขาดังออกมาจากรถ
”เทียนหลาง นั่นคือชื่อของนายสินะ”
เทียนหลางได้ยินก็หันกลับมามองก็พบกับหลานของหลี่ไห่ซึ่งนั่งอยู่ด้านในของรถ เทียนหลางมองเธออยู่สักพักก่อนจะเอ่ยถาม
”ถูกต้อง ว่าแต่เธอมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลาง เธอก็ถึงกับกุมขมับก่อนจะพูดขึ้น
”ก็นายบอกกับปู่ของฉันเองไม่ใช่เหรอไงว่าอยากไปพนันหยก แถมยังยืมเงินปู่ของฉันมาอีกตั้งสองล้าน นี่นายลืมไปแล้วรึไง”
”อ๋อ ~”
”งั้นแสดงว่าคนที่ปู่หลี่ส่งมารับฉันก็คือเธอสินะ”
”ถูกต้อง ! ฉะนั้นนายรีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของเธอเทียนหลางก็ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
”เข้าใจแล้วคร๊าบบบ ~ รอสักครู่นะ”
เทียนหลางกลับเข้าร้านและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ และเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งข้าง ๆ หลานของหลี่ไห่ระหว่างทางที่กำลังเดินทางไปที่ยังสถานที่พนันหยกนั้นเทียนหลางก็ถามออกไปพร้อมกับยิ้ม
”จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย”
”ฉันชื่อซูหลิน”
เมื่อได้ยินชื่อของเธอเทียนหลางก็ทำท่าแปลกใจเล็กน้อยและดูเหมือนซูหลินจะรู้ว่าเทียนหลางกำลังสงสัยเรื่องอะไรเธอจึงชิงบอกออกมาก่อน
”ฉันใช้นามสกุลของแม่หน่ะ”
”งี้นี่เอง ~”
”แล้วเธอช่วยบอกหน่อยได้ไหมสถานที่พนันหยกเป็นยังไงและมีวิธีการยังไง”
”ก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกนะ พวกพ่อค้าแร่จะนำแร่หยกที่ยังไม่ได้ถูกผ่าออกมาขายเผื่อให้พวกเราได้ซื้อ หากมือดีด้านในนั้นก็มีหยกอยู่ ถ้าไม่ข้างในก็จะเป็นเพียงแค่หินธรรมดา ๆ เท่านั้นและแร่ที่ผ่าออกมาจะมีด้วยกันหลายเกรด และถ้าหากเราผ่าได้ออกมาได้ก้อนหยกเราก็สามารถที่จะจัดประมูลขึ้นตรงนั้นได้เลยเพื่อขายหยกออกในราคาที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด”
เทียนหลางได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ หลักการนั้นง่ายดายเพียงนี้
‘นี่มันเหมือนกับตอนเราไปเลือกซื้อศิลาน้ำแข็งที่ร้านตาเฒ่านั้นเลยแหะ คราวนั้นฉันเสียเงินไปกว่าสิบล้านเหรียญทองเลยกว่าจะจับเคล็ดลับได้’
ไม่นานนักเทียนหลางและซูหลินก็ได้มาถึงสถานที่พนันหยกที่นี้เป็นห้องจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้ห้าถึงหกร้อยคนจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่มีผู้คนแออัดมีเสียงตะโกนดังไปทั่วบริเวณส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแข่งกันประมูลหยกที่พึ่งถูกผ่าออกมา
เทียนหลางและซูหลินเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อหาข้อมูลและร้านดี ๆ สำหรับการเสี่ยงโชคขณะนั้นเทียนหลางเฝ้ามองการแข่งกันประมูลหยกอยู่ก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยที่พ่อค้าหยกคนหนึ่งเอาหยกขนาดเท่ากำปั้นออกมาประมูลขายและราคาก็กำลังพุ่งสูงขึ้นถึงไปเกือบจะสองหมื่นเหรียญแล้ว แต่ที่ทำให้เทียนหลางแปลกใจนั้นไม่ใช่ราคาของมัน แต่เป็นคุณภาพของมันต่างหาก
เทียนหลางได้ลองตรวจสอบหยกชิ้นนั้นดูแล้วและพบว่ามันมีสิ่งเจอปนอยู่เยอะมากจนเรียกได้ว่ามันเป็นหยกเกรดขยะเลยด้วยซ้ำ แต่มันกลับถูกประมูลในราคานับหมื่นเหรียญ ทำเอาเทียนหลางอดไม่ได้ที่จะหันไปถามซูหลิน
”ทำไมหยกคุณภาพโครตจะต่ำพวกนี้ถึงได้ถูกประมูลในราคาสูงนักหล่ะ ?”
เมื่อซูหลินได้ยินคำถามของเทียนหลางเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ
”นี่นายใช้ตาดูงั้นเหรอ ? ถึงแม้หยกนั่นจะไม่ใช่หยกบริสุทธิ์ก็เถอะ แต่หยกนั่นก็ถือได้ว่าเป็นหยกเนื้อดีเชียวนะ !”
เทียนหลางตกใจหยกที่มีแต่สิ่งสกปรกพวกนี้เนี่ยนะเรียกว่าดี นี่มันบ้าอะไรกัน ! เทียนหลางคิดและในที่สุดรอยยิ้มของเขาก็ปรากฏออกมา
‘ถ้าหากหยกพวกนี้ถูกเรียกว่าหยกเนื้อดีหล่ะก็… หึหึ ในอนาคตฉันสามารถที่จะหลอมหยกบริสุทธิ์ได้เป็นจำนวนมากฉันก็จะสามารถฟันกำไรจากไอพวกคนรวยพวกนี้ได้ ฮ่าฮ่า เงินทองจ๋ารอฉันก่อนเถอะ !’
ในระหว่างที่เทียนหลางกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
”นั่นคุณหนูซูไม่ใช่หรอกรึ ?”
เมื่อพวกเทียนหลางหันไปก็พบกับชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซูหลินกำลังเดินมาเมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าเขานั้นเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีไม่น้อยแต่หากว่าใบหน้าอันดูดีของเขาไม่สามารถปกปิดท่าทางอันหยิ่งยโสของเขาได้เลยนั่นทำให้เทียนหลางรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
และซูหลินก็คงจะคิดแบบเดียวกับเขาเธอมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ค่อยชอบพอเท่าไหร่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”นายมีธุระอะไรเฟยหยาง ?”
เฟยหยางที่ได้ยินก็ยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
”ฉันจะมาซื้อหยกสักหน่อยหน่ะและพอดีว่าฉันนั้นเห็นเธอเข้าก็เลยกะว่าจะมาชวนเธอไปเดินดูหยกด้วยกัน”
เทียนหลางที่ได้ยินก็รู้สึกว่าเจ้าหนูเฟยหยางนี่คงจะชอบซูหลินอยู่ไม่น้อย ซูหลินที่ได้ยินคำเชิญชวนก็มองเฟยหยางด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะบอกปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
”ฉันขอปฏิเสธ”
จากนั้นเธอก็หันมามองเทียนหลางและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
”ไปกันเถอะที่รัก”
เทียนหลางรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของซูหลิน แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้จึงเล่นตามน้ำไป
”ได้สิ”
เทียนหลางคิดถึงท่าทีของเธอและขบคิดเล็กน้อย และเห็นว่าซูหลินนั้นจะเอาเทียนหลางมาเป็นไม้กันหมาเจ้าเฟยหยางนั่น เขาจึงคิดหาทางจะเอาคืนเธอเขายิ้มออกมาเล็กน้อย ทันทีที่ซูหลินได้เห็นรอยยิ้มของเทียนหลางเธอก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาจากสายตาของเธอทันทีและได้รู้ว่าเทียนหลางรู้แล้วว่าเธอนั้นคิดจะทำอะไร แต่นั่นก็เพียงชั่วแว็บเดียวเท่านั้นก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นสายตาอันน่าหลงใหลพร้อมกับคล้องแขนของเทียนหลางเอาไว้ ทำให้หน้าอกอันขนาดใหญ่ของเธอถูเข้ากับแขนของเขา ทำเอาเทียนหลางใจเต้นเล็กน้อย
เมื่อเขามองไปที่ใบหน้าของซูหลิน เขาเห็นรอยยิ้มของเธอก็ทำเอาประหลาดใจ
‘เธอกล้าแหย่ฉันงั้นเหรอ ? ฉันคือจักรพรรดิสวรรค์ที่อยู่มานานกว่าหมื่นปีเชียวนะ !’
‘ถ้าเธอจะเล่นกับฉัน ฉันจะเล่นกับเธอก็ได้’
เทียนหลางยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะก้มหน้าไปหอมหน้าผากของซูหลินเบา ๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทำเอาซูหลินถึงกับหน้าแดงแต่ในหัวของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความโกรธ
ทางด้านของเฟยหยางที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็ทำเอาเขาอดที่จะโมโหออกมาไม่ได้และตะโกนใส่เทียนหลาง
”เฮ่ย ! แกหน่ะหยุดเดียวนี้นะ !”
เทียนหลางไม่สนใจและเดินต่อไปพร้อมกับซูหลิน การกระทำของเทียนหลางและซูหลินทำให้เขานั้นหัวเสียเป็นอย่างมากเขาเดินเข้ามาหาเทียนหลางและพูดขึ้นด้วยเสียงแข็งกร่าว
”แกกล้าที่จะเดินหนีฉันงั้นเหรอไอหนู”
เทียนหลางที่ได้ยินก็รู้สึกรำคารเขาหันมาหน้ากลับมามองเฟยหยางเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามกับซูหลิน
”หลินน้อย ไอโง่นี่มันใคร ?”