หลังออกมาจากเต็นท์หลักของสำนักวารีพิสุทธิ์เทียนหลางก็มาคุยกับหลินจินทง
”ผมว่าพวกเรากลับกันเถอะครับ”
เมื่อหลินจินทงได้ยินก็หันมาถามแบบงง ๆ
”ทำไมหล่ะ ?”
”ผมว่าที่นี้ไม่มีอะไรอีกแล้ว ดาวตกก็หาตัวคนขโมยไม่ครบแถมเรายังมีคนเจ็บอีกด้วยรั้งอยู่ที่นี้ต่อไปก็มีแต่เสียเวลาเปล่า”
หลินจินทงพยักหน้าเขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันในตอนแรกหลินจินทงเพียงแค่ตามคนในสำนักมาในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอยากได้เจ้าดาวตกอะไรนี้เลยแม้แต่น้อย และตอนนี้คนในสำนักก็บาดเจ็บในฐานะผู้อาวุโสก็จำเป็นจะต้องพาพวกเขาออกจากที่นี้เพื่อไปรักษาตัว
”งั้นเดียวฉันไปคุยกับผู้อาวุโสคนอื่นก่อนแล้วกัน”
เทียนหลางพยักหน้าและเดินกลับไปที่เต็นท์ หลังจากนั้นไม่นานหลินจินทงก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวกลับกันแล้วซึ่งเทียนหลางก็ตามพวกเขากลับไปด้วย
…………………………………………..
การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่นระหว่างทางเทียนหลางก็คิดเรื่องที่จะหาเงินเพิ่ม เพราะการที่เขาจะไปเร่ขายยาทิพย์ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี เทียนหลางขบคิดถึงเรื่องที่จะเปิดร้านขายหยก กับร้านขายเครื่องประดับ เขาได้หันมาปรึกษากับหลินจินทงตอนนั่งอยู่บนเครื่อง ซึ่งหลินจินทงก็ตอบอย่างสบาย ๆ ว่า
”หากเธอต้องการงั้นเดียวฉันจะจัดหาหยก กับเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนมาให้”
”คุณมีเส้นสายงั้นเหรอ ?”
”เปล่าหรอก พอดีฉันมีเพื่อนที่อยู่ในแวดวงพวกนี้อยู่ ฉันสามารถหาให้เธอได้ในราคาถูก”
”งั้นก็ขอบคุณเป็นอย่างมากเลยครับ”
เทียนหลางจัดการเรื่องทรัพยากรได้อย่างง่ายดายเพราะมีหลินจินทงเป็นคนช่วย แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางนั้นต้องเป็นกังวล นั่นก็คือทำเลของร้านเพราะเขายังไม่ได้ไปมองหาที่ตั้งร้านเลย และเรื่องนี้จะให้ใครไปทำก็ไม่ได้ซะด้วย
ดังนั้นเทียนหลางจึงได้พักเรื่องนี้เอาไว้ครู่หนึ่งเสียก่อน เพราะคงกว่าจะได้จัดการก็น่าจะสองสามวันหลังจากนี้
…………………………………………..
เทียนหลางกลับมาถึงสนามบินจีนได้อย่างปลอดภัย เมื่อเขาลงจากเครื่องหลินจินทงก็ขอแยกตัวจากเทียนหลางเพื่อขอไปจัดการเรื่องที่สำนักจิตมังกรซึ่งเทียนหลางก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้เขาจึงนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงเขาก็พบว่ามีรองเท้าผู้หญิงคู่หนึ่งกำลังวางอยู่ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช่ของแม่ตนเองแน่ เขาจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อดูว่าใครกันที่มาเยี่ยมบ้านของเขาในเวลาแบบนี้
ทันทีที่เทียนหลางเดินเข้ามาด้านในก็พบว่ามีคนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว เมื่อเทียนหลางเดินเข้ามาดูก็พบหลินเสวี่ยกำลังทำอาหารอยู่ เมื่อเธอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในครัวเธอก็หันมาทันที
”หืม… กลับมาแล้วเหรอ ?”
เธอกล่าวทักทายทันทีเมื่อเห็นว่าคนๆ นั้นเป็นเทียนหลาง เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความเปลี่ยนแปลงของเธอ ทำให้เทียนหลางนึกถึงคำกล่าวของพี่สาวของตนที่เคยบอกเอาไว้ว่า ผู้หญิงมักเปลี่ยนไปทุกวัน คำนี้เหมาะมากกับหลินเสวี่ยในเวลานี้
เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”กลับมาแล้วว่าแต่… เธอมาทำอะไรที่นี้ ?”
เมื่อหลินเสวี่ยได้ยินเธอก็ทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันมาที่นี้ไม่ได้หรือไง ?”
”เปล่า แค่สงสัยน่ะ พ่อเธอกำลังพักฟื้นอยู่ไม่ใช่รึไง ไม่คอยอยู่ดูแลเขางั้นเหรอ ?”
หลินเสวี่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”พ่อของฉันตอนนี้ฟื้นตัวได้เต็มที่แล้วละ แม้จะยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ดีก็ตาม ต้องขอบคุณยาของเธอที่ทำให้พ่อของฉันกลับมาแข็งแรงได้ไวขนาดนี้”
”ไม่ถึงขนาดนั้น”
หลินเสวี่ยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้ง
”และที่ฉันมาก็เพราะคิดว่าคุณป้ากับคุณลุงน่าจะเหงา หลังจากที่นายไม่อยู่บ้านหลายวันฉันเลยมาที่นี้บ่อย ๆ น่ะ”
”งั้นเหรอ ~ มาบ่อย ๆ สินะ”
”ใช่แล้วฉันมาแทบทุกวันเลยล่ะ”
”อืม… ห๊ะ ! ทุกวัน ?”
”ใช่แล้ว”
หลินเสวี่ยพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งเทียนหลางก็ได้แต่ส่ายหัว แต่ก็ดีเหมือนกันพ่อกับแม่ของเขาจะได้ไม่เหงาเพราะปกติพวกท่านทั้งสองจะคอยดูแลร้านแต่ในตอนนี้ร้านกำลังปิดปรับปรุงคงได้แต่นอนอยู่บ้านดูทีวีเฉย ๆ คงเบื่อไม่น้อย
เทียนหลางเกาหัวตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวและขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง เพราะตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ทะเลทรายเขาไม่ได้อาบน้ำเลย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยสกปรกเท่าไหร่ แต่การได้อาบน้ำย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
…………………………………………..
หลังจากอาบน้ำเสร็จเทียนหลางก็สวมชุดคลุมของเขาลงมาด้านล่าง โชคดีที่เทียนหลางนั้นสั่งตัดไว้นับสิบชุด ทำให้เขาสามารถใช้ใส่เปลี่ยนได้อยู่ตลอดเวลาเมื่อลงมาเทียนหลางก็เห็นว่าหลินเสวี่ยกำลังนั่งเล่นกับเจ้าขาวอยู่ที่โซฟา
เมื่อเธอเห็นชุดของเทียนหลาง เธอก็อุทานออกมาทันที
”หล่อไม่เบาเลยนะ”
”แน่นอนอยู่แล้ว”
เทียนหลางตอบกลับพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นหลินเสวี่ยก็ชวนเขาทานอาหารฝีมือเธอซึ่งตัวเทียนหลางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากทานอาหารเสร็จเทียนหลางก็กลับมานั่งพักที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับคิดถึงเรื่องของร้านอัญมณีที่เขาจะเปิดในอนาคต
เรื่องวัตถุดิบนั้นเทียนหลางไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ส่วนเรื่องทำเลจัดตั้งร้านหากให้หลี่ไห่กับหลินจินทงช่วยก็คงจะได้ทำเลดี ๆ ไม่ยากแต่ที่เทียนหลางนั้นหนักใจที่สุดก็คือเรื่องบุคลากรหรือลูกน้องที่ไว้ใจได้มันช่างหาได้ยากซะเหลือเกิน แม้สิ่งยั่วยวนในโลกนี้กับโลกของเทียนหลางจะต่างกัน แต่สำหรับเขาแล้วมนุษย์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ง่ายต่อการล่อลวงอย่างแท้จริง
‘การจะหามือเท้านั้นช่างง่ายดาย แต่หากจะหาคนที่ภักดีอย่างแท้จริงนั้นช่างยากเหลือเกิน’
เทียนหลางขบคิดในใจ ก่อนจะเลิกคิดถึงมันเพราะแรงงานคนนั้นคงหาไม่ยากเท่าไหร่นักถ้าหากจะหาจริง ๆ เทียนหลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ หลินเสวี่ยซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตุเห็นจึงเอ่ยถาม
”นายมีอะไรหนักใจงั้นเหรอ ?”
”ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากหาคนช่วยงานที่ไว้ใจได้แต่มันไม่มีนี่ซี้ ~”
เทียนหลางบอกออกไปแบบปัด ๆ หลินเสวี่ยจ้องมองเทียนหลางอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น
”งั้นฉันจะช่วยนายเอง !”
”อ๋อ ~ ดีเลย… ห๊ะ !!”
เทียนหลางตกใจกับคำพูดของหลินเสวี่ยเขาเลยถามออกไป
”ช่วย ? ช่วยฉันงั้นเหรอ ?”
”ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครหล่ะ”
”แต่เธอยังไม่รู้เลยนะว่าตำแหน่งอะไร”
หลินเสวี่ยที่ได้ยินก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันเดาได้เลยว่านั่นต้องเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างแน่นอน เพราะนายไม่มีคนที่ไว้ใจได้ แถมนายไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียวนอกจากฉัน”
”อุ๊ !”
คำพูดของหลินเสวี่ยเหมือนมีดปักที่กลางอกของเขา จริงอย่างที่หลินเสวี่ยพูดคนที่โดนกลั่นแกล้งและถูกเมินเฉยจากทั้งโรงเรียนมาโดยตลอดอย่างเขานั้นยากที่จะหาเพื่อนได้จึงทำให้มีคนไม่มากที่รู้จัก ซึ่งตัดเรื่องของพวกถังหยานไปได้เลยเพราะพวกนั้นต้องคอยดูแลร้านอาหาร
เทียนหลางจ้องมองใบหน้าจริงจังของหลินเสวี่ยก่อนจะถอนหายใจออกมา
”ก็ได้ ฉันอยากจะให้เธอเป็นคนดูแลร้านขายอัญมณีของฉันน่ะ”
”หืม ~ งั้นเหรอ”
”ใช่แล้ว ฉันว่าจะขอให้ปู่ของเธอช่วยหาทำเลดี ๆ ในย่ายการค้าให้หน่อยเพื่อที่ฉันจะได้สร้างร้านขายอัญมณีของตัวเองน่ะ”
”แล้วเรื่องอัญมณีที่จะวางขายหล่ะ ?”
”เรื่องนั้นฉันจัดการเองได้ไม่ต้องห่วง”
หลินเสวี่ยได้ยินก็พยักหน้าช้า ๆ
”ได้ฉันจะช่วย”
”ขอบคุณนะ”
หลินเสวี่ยยิ้มให้กับเทียนหลางซึ่งเขาก็เพียงแต่เกาแก้มเบา ๆ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้นออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น
ปิ้งป่อง !
”ใครมากันนะ ?”
เทียนหลางสงสัยพร้อมกับลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อเปิดประตูออกมาเขาก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่เขาเคยพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ เขามองเทียนหลางอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น
”ซ่านฉิน เคารพพี่ใหญ่หลาง”
”ห๊ะ ?!”