ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงห้างในขณะที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่นั้นเทียนหลางก็พูดขึ้น
”เป็นถึงเจ้าของร้านอัญมณีแต่ต้องมาซื้อแหวนหมั้นจากร้านอื่นมันก็ดูยังไงอยู่นะ”
เมื่อเฟิงหยวนได้ยินก็ถึงกับตาโตก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ
”นี่ตกลงคุณจะแต่งงานกับฉันงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พูดออกมาพร้อมกับเกาแก้มเบา ๆ
”ก็เธออุส่าทำถึงขนาดนี้จะให้ฉันเมินเฉยต่อไปก็ดูจะไม่ดีใช่ไหมละ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฟิงหยวนก็กระโดดเข้ากอดเทียนหลางทันที
”ฉันดีใจที่สุดเลย อุส่ารอมาตั้งนานกว่าคุณจะพูดคำนี้ออกมา”
”ใจเย็นสิ นี้มันกลางห้างนะ !”
เทียนหลางพูดในขณะที่กำลังถูกเฟิงหยวนกอดจนทำให้ผู้คนรอบข้างต่างหันมามอง เมื่อได้ยินคำเตือนเฟิงหยวนก็คลายกอดพร้อมกับยิ้มออกมาและลากเทียนหลางเดินเข้าร้านนู้นร้านนี้เพื่อหาซื้อของ
เมื่อมาถึงร้านเสื้อผ้าเทียนหลางนั้นก็ได้แต่นั่งลงอยู่ตรงเก้าอี้ด้านในเพื่อรอเฟิงหยวนเลือกชุด เพราะเขานั้นไม่ค่อยจะมีรสนิยมสำหรับเสื้อผ้าผู้หญิงสักเท่าไหร่ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายที่จะรอชม
ไม่นานนักเฟิงหยวนก็ออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับชุดแบบต่าง ๆ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะให้เทียนหลางแสดงความเห็นเพราะสำหรับเฟิงหยวนที่เป็นเทพธิดาสูงสุดแล้วไม่ว่าเธอจะใส่อะไรก็งดงามไม่ต่างกัน
”ในเมื่อฉันใส่อะไรก็สวยแล้วจะซื้อชุดไหนดีละ ?”
เฟิงหยวนถามขึ้นพร้อมกับยกเสื้อผ้ามากมายมาให้เทียนหลางเลือก เทียนหลางลูบคางตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปบอกกับพนักงาน
”งั้นเอาทั้งหมดนี่เลยก็แล้วกันครับ”
”อะค่ะ ? ทั้งหมด ?”
พนักงานถามด้วยความตกใจ ซึ่งเทียนหลางเองก็พยักหน้าเบา ๆ เมื่อพนักงานได้ยินคำยืนยันก็รีบหอบชุดทั้งหมดไปคิดเงินทันที
”ทั้งหมดหกหมื่นเจ็ดพันเหรียญค่ะ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ยื่นบัตรเครดิตสีดำให้กับพนักงาน เมื่อพนักงานรับมาก็ตาโตทันทีเพราะโดยที่เธอนั้นเป็นพนักงานบัตรเครดิตสีดำนั้นถือว่าเป็นลูกค้า VIP ของเหล่าธนาคารเลยทีเดียวเป็นผู้ที่ถือเงินมากกว่าพันล้านดังนั้นท่าทีของพนักงานที่มีต่อเทียนหลางถึงเปลี่ยนไป
หลังจากคิดเงินเสร็จเทียนหลางก็ถามขึ้น
”หิวรึยัง ?”
เฟิงหยวนส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”ยังหรอก… อันที่จริงฉันอยากกินอาหารฝีมือคุณมากกว่า”
”เข้าใจแล้วกลับไปเดียวทำให้กิน”
”ฮิฮิ”
เฟิงหยวนหัวเราะคิกคักเพราะนานมากแล้วที่เทียนหลางนั้นไม่ได้ตามใจเธอแบบนี้ จากนั้นเฟิงหยวนก็หันมาถามกับเทียนหลาง
”แล้วเรื่องแหวนคุณจะทำยังไง”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ลูบคางเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”เดียวจะสร้างให้ก็แล้วกัน แหวนหมั้นทั้งทีจะให้เหมือนแหวนชาวบ้านได้ยังไง”
”คุณมีวัตถุดิบดี ๆ งั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนถามด้วยความสงสัย เทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับพูดถึงสะเก็ตดวงดาวที่เทียนหลางเก็บมาได้ก่อนหน้านี้ให้เฟิงหยวนฟังเมื่อเธอได้ยินก็ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพูดขึ้น
”ถ้างั้นคุณแบ่งมาให้ฉันบ้างสิ ฉันจะเอามาทำชุด”
เทียนหลางได้ยินก็หันมองด้วยความสงสัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเฟิงหยวนนั้นมีทักษะเกี่ยวกับการเย็บปักอยู่ในระดับที่สูงมาก จะดีไม่น้อยหากเทียนหลางให้เธอทำชุดให้
หลังจากเสร็จสิ้นจากการเดินช๊อปปิ้งแล้วเทียนหลางก็พาเฟิงหยวนมาที่ตลาดสมุนไพรเพื่อหาซื้อส่วนผสมบางอย่างสำหรับทำเม็ดยาให้กับพวกถังหยานและซ่านฉิน
เมื่อเฟิงหยวนเห็นสมุนไพรที่เทียนหลางเลือกก็เอ่ยถามกับเทียนหลาง
”ส่วนผสมพวกนี้มีผลกับคุณด้วยงั้นเหรอ ?”
”สำหรับพวกลูกน้องนะ”
”ลูกน้อง ? นี่คุณคิดจะชุบเลี้ยงผู้บ่มเพาะหน้าใหม่อีกแล้วงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อสมัยก่อนเทียนหลางมักจะทำแบบนี้บ่อย ๆ ในเวลาว่างเสมอนั่นคือการชุบเลี้ยงผู้บ่มเพาะหน้าใหม่ให้กลายเป็นอัจฉริยะเรียกว่านี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมยามว่างของเทียนหลาง
”เปล่าหรอกพอดีรู้สึกว่าในอนาคตอาจมีเรื่องยุ่ง ๆ เข้ามาการมีลูกน้องที่ดีก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ ?”
เทียนหลางถามกับเฟิงหยวนซึ่งเธอก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเธอชี้ให้เทียนหลางดูทั้งคู่ก็ตัดสินใจจะเข้าไปร่วมมุงบ้างเผื่อจะมีคนนำสมบัติมาขายในราคาถูกเทียนหลางจะได้แย่งซื้ออะไรได้บ้าง
แต่เทียนหลางก็ต้องผิดหวังเมื่อทั้งคู่เข้าไปแล้วพบว่าเป็นชายวัยกลางคนหนึ่งกำลังรักษาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ซึ่งด้านข้างก็มีผู้หญิงยืนดูอยู่ด้วยความเป็นห่วง เทียนหลางเชื่อว่านี่คงเป็นโชว์ปาหี่แอบอ้างรักษาเพื่อขายยาครอบจักรวาลอะไรทำนองนั้นแบบที่เขาเคยเห็นมาในอินเทอร์เน็ต
แต่ถึงอย่างงั้นเทียนหลางก็ยังคงอยากรู้อยากเห็นจึงหันไปถามชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
”นี่พี่ชาย มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?”
ชายคนนั้นเมื่อดดนเทียนหลางถามก็หันมาตอบ
”ดูเหมือนว่าแม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นจะพบว่าลูกของตัวเองเป็นโรคประหลาดนะ ดังนั้นเธอจึงพาลูกของเธอตระเวนรักษาไปทั่วประเทศหาหมอเก่ง ๆ มามากมายจนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียวนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามอีกครั้ง
”แล้วชายที่กำลังงุ่มง่าม ๆ อยู่ข้าง ๆ เด็กนั่นละครับ ?”
”อ๋อ เขาชื่อฮวงจื่อเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดา จิงฉวนจือนะ”
เทียนหลางลูบคางตัวเองเบา ๆ ก่อนจะคิดถึงคำว่าหมอเทวดา เพราะเขาไม่คิดว่าสมัยนี้ยังมีหมอเทวดาอยู่ดีและเทียนหลางก็อยากจะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคิดถึงคำ ๆ นี้
เทียนหลางเลิกยิงคำถามใส่ชายคนนั้นและเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เมื่อเข้ามาดูใกล้ ๆ ก็พบว่าศิษย์หมอเทวดาฮวงจื่อกำลังตรวจชีพจรเด็กคนนั้นอยู่และจากนั้นก็ให้เธอดื่มน้ำผสมอะไรสักอย่างก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมพูดกับคนเป็นแม่
”คุณผู้หญิงผมต้องขอโทษคุณจริง ๆ นะครับผมไม่อาจรักษาลูกสาวของคุณได้”
เมื่อคนเป็นแม่ได้ยินก็ร้องไห้ออกมาทันทีพร้อมกับเข้าไปถามกับหมอเทวดาคนนั้น
”ทำไมละคะ ลูกสาวฉันเป็นโรคอะไรกันคะถึงยากที่จะรักษา ฉันพาเธอไปหาหมอที่โรงบาลดัง ๆ ทั่วประเทศแล้วแต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาเธอได้เลย”
เมื่อหมอเทวดาฮวงจื่อได้ยินก็แสดงสีหน้าอับจนหนทางก่อนจะพูดขึ้น
”ลูกสาวของคุณนั้นเป็นโรคที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนครับ ร่างกายของเธอนั้นจะปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่างกายของเธอนั้นมีอุณหภูมิไม่คงที่และยากต่อการรักษานะครับ ผมเองก็จนปัญญาจริง ๆ คงต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับอาจารย์ดูก่อนนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแม่ของเด็กน้อยก็ถึงกับทรุดและร้องห่มร้องไห้ออกมาทันที ก่อนที่เทียนหลางจะเข้าไปปลอบ
”คุณน้าไม่เป็นอะไรนะครับ”
”ฮึกๆ ขอบคุณเธอมากนะ ตอนนี้น้าไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปน้าพาลูกสาวไปหาหมอมากมาย เสียเงินไปหลายล้านก็ไม่มีท่าทีจะรักษาลูกสาวน้าได้เลย แม้แต่หมอเทวดาก็ไม่สามารถช่วยได้ น้าคงหมดทนทางแล้วจริงๆ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าเห็นใจออกมาก่อนจะให้เฟิงหยวนมาปลอบเธอ ส่วนเขานั้นเดินไปตรวจร่างกายของลูกสาวของคุณน้า เมื่อเทียนหลางเดินเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กสาว
และเมื่อเทียนหลางตรวจชีพจรของเธอก็พบว่าแม้แต่เส้นชีพจรของเธอนั้นก็ยังแผ่ความเย็นออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียนหลางตรวจต่อไปก็ต้องพบกับความตกตะลึงเขาหันไปเรียกเฟิงหยวนทันที
”เฟิงหยวนมานี่หน่อย”
เฟิงหยวนที่กำลังปลอบคุณน้าอยู่นั้นเมื่อได้ยินก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเทียนหลางด้วยสีหน้าบึ้งตึง
”ทีหลังเรียกว่า ที่รักนะเข้าใจไหม แล้วมีอะไรละ ?”
”เธอลองตรวจชีพจรของเด็กคนนี้สิ”
แม้การบ่มเพาะของเฟิงหยวนจะลดลงเหลือเพียงขั้นก่อตั้งเท่านั้นแต่ความสามารถต่าง ๆ ของเธอยังคงอยู่ครบทั้งหมดดังนั้นเพียงแค่การตรวจชีพจรของเด็กคนหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อเฟิงหยวนตรวจชีพจรของเด็กตรงหน้าเธอก็แสดงท่าทีไม่ต่างไปจากเทียนหลาง ก่อนที่เธอจะหันมามองเขาพร้อมกับพูดออกมาอย่างฝืน ๆ
”ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะมาเจอที่โลกใบนี้”
”ใช่ ฉันก็ไม่คิดเช่นกันกายาที่ผู้บ่มเพาะนับหมื่นล้านต่างใฝ่ฝันจะครอบครองจะตกมาอยู่กับเด็กที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”แม้แต่เทพอย่างพวกเราก็อดไม่ได้ที่จะถูกล่อลวงด้วยกายาอันล้ำค่าแบบนี้”
”หนึ่งในเจ็ดสิบสองกายาสวรรค์ กายาราชินีน้ำแข็ง”