สองสามวันต่อแหวนหยกพิรุณก็มาถึงมือของเทียนหลาง เขายืนดูปฏิทินก็พบว่าใกล้ถึงวันที่งานประมูลจะเริ่มแล้ว เขาจำเป็นจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงเสียที
เทียนหลางปรุงยาไว้ให้กับหลินหลินน้อยเพื่อเอาไว้ช่วยในการฝึกฝน เทียนหลางเดินมาหาแม่ของเขาก่อนจะพูดขึ้น
”พรุ่งนี้ผมกับเฟิงหยวนจะไปเมืองหลวงนะครับ แม่จะฝากอะไรถึงคุณยายรึเปล่า ?”
เมื่อแม่ของเทียนหลางได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะหยิบบางอย่างมาให้กับเขา เมื่อเทียนหลางมองดูมันก็คือตราหยกที่สลักคำว่า ฉวี เอาไว้ด้านบนเทียนหลางมองมันอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นเพียงตราหยกธรรมดา ๆ เท่านั้นเขาสงสัยเล็กน้อยจึงเอ่ยถามออกไป
”นี่คืออะไรครับ ?”
”นี่คือตราประจำตัวของแม่ ลูกหลานตระกูลฉวีทุกคนจะมีตราประจำตัวอยู่เพื่อระบุถึงฐานะของตนการที่ลูกจู่ ๆ จะไปเยี่ยมคุณยายโดยไม่มีตรานี้นั้นถือว่าเป็นไปได้ยากหากลูกไม่ใช่คนสำคัญ ฉะนั้นตรานี่จะสามารถทำให้ลูกเข้าไปหาคุณยายได้ง่ายขึ้น”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามออกมาเล็กน้อย
”งั้นแม่ก็จะไม่ไปเมืองหลวงด้วยกันจริง ๆ สินะครับ”
แม่ของเทียนหลางก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”แม่ก็อยากไปนะลูกแต่ถ้าแม่ไปพ่อคงจะเหงาและทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่”
เมื่อแม่พูดจบทั้งคู่ก็ขำเล็กน้อยฝ่ายพ่อที่อยู่ในครัวด้วยกันได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”นี่คุณพูดอะไรไว้หน้าผมด้วยสิ ไม่มีคุณผมก็อยู่ได้นะ”
”งั้นเหรอ ?”
แม่ของเทียนหลางมองพ่อด้วยหางตาทำให้พ่อหันหน้าหนีโดยทันที วันต่อมาเทียนหลางถือกระเป๋าเสื้อผ้าของเฟิงหยวนลงมาจากชั้นบนก่อนจะวางไว้ข้าง ๆ กับกระเป๋าของเขา เขาตรวจสอบเล็กน้อยว่าไม่ได้ลืมอะไรก็บอกลาคนในบ้านก่อนไปเทียนหลางมอบยาทิพย์ฉบับปรับปรุงให้กับพ่อและแม่คนละขวด โดยบอกว่าเป็นยาบำรุงร่างกายเพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
………………………………………………………………………………
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเทียนหลางและเฟิงหยวนก็อยู่ที่สนามบินของเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะเหาะหรือโดดข้ามมิติมาเองจะเร็วกว่าแต่เทียนหลางก็ชอบเทคโนโลยีของสมัยนี้ซึ่งมันช่วยให้คนที่ขี้เกียจอย่างเทียนหลางได้มากเหลือเกิน
ทั้งคู่เรียกแท๊กซี่เพื่อไปบ้านตระกูลฉวี เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะบ้านตระกูลฉวีนั้นใหญ่ไม่น้อย แม้จะเทียบไม่ได้กับบ้านเก่าของเขาก็ตามแต่ถึงอย่างไงมันก็ถูกเรียกว่าคฤหาสน์อยู่ดี
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตูก็ถูกยามถามขึ้นมาทันที
”ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรที่นี้งั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความสุภาพของยาม เพราะจากที่เขาคิดพวกยามของตระกูลชั้นสูงเหล่านี้มักจะหยิ่งยโส พยองพองขนไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะเรียบร้อยกว่าที่คิด เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ผมมาหาผู้นำตระกูลฉวี”
”ได้นัดไว้รึเปล่าครับ ?”
”เปล่าครับ”
”หากไม่ได้นัดไว้เช่นนั้นคงให้ผ่านเข้าไปไม่ได้ครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็เรียกตราหยกออกมาจากแหวนโดยทำทีเหมือนล้วงของในกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นก็นำมาให้ยามเมื่อยามทั้งสองคนมองที่ป้ายหยกสักพักก็มองหน้ากันก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”เช่นนั้นตามผมมาครับ”
ยามทั้งคู่เปิดประตูให้กับเทียนหลางและมีคนหนึ่งเดินนำเทียนหลางกับเฟิงหยวนผ่านสวนไปยังห้องรับแขก จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
”เช่นนั้นผมจะไปเรียนให้ท่านผู้นำตระกูลทราบถึงการมาของคุณครับ”
”รบกวนด้วย”
หลังจากที่ยามหายไปได้ไม่นานก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นสาวใช้ เทียนหลางและเฟิงหยวนยืนขึ้นและก้มหัวเล็กน้อย หญิงชรายิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ทั้งคู่นั่งลง จากนั้นเมื่อหญิงชรานั่งลงเธอก็พูดขึ้น
”เธอคงเป็นเทียนหลาง ลูกชายของเย่โหรวสินะ”
เทียนหลางตกใจเล็กน้อย
”คุณรู้จักผม ?”
หญิงชรายิ้มก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
”แน่นอนฉันได้ให้คนคอยเฝ้าดูแลแม่ของเธออยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอดฉะนั้นไม่แปลกที่ฉันจะรู้จักเธอ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นหญิงชราก็พูดขึ้น
”ฉันขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันชื่อฉวีซื่อเหยียน อย่างที่เธอรู้ในตอนนี้ฉันเป็นผู้นำตระกูลฉวี และยังเป็นแม่ของฉวีเย่โหรวแม่ของเธออีกด้วย”
”ผมทราบมาจากแม่แล้วครับ”
ยายของเทียนหลางก็ยิ้มก่อนจะพยักเบา ๆ จากนั้นก็ถามขึ้น
”แล้วแม่ของหลานไม่มาด้วยกันงั้นเหรอ ?”
”แม่ของผมเขาเป็นห่วงพ่อนะครับ เขากลัวว่าถ้าพ่อไม่มีแม่อยู่ด้วยจะเป๋ ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นยายของเทียนหลางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”แล้วอะไรที่ทำให้หลานมาหายายถึงเมืองหลวงกันละ ?”
”พอดีเพื่อนของผมนั้นแจ้งว่าอีกไม่กี่วันเมืองหลวงจะจัดงานประมูลขึ้น เขาเลยชวนผมมาร่วมด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตา”
”งั้นเหรอ… แล้วหลานมีตั๋วเข้างานแล้วงั้นรึ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางและเฟิงหยวนก็มองหน้ากันทันที เขาไม่คิดว่าการร่วมงานประมูลจะต้องมีบัตรเชิญด้วยและจะทำยังไงกันดีละทีนี้ และดูเหมือนหลี่ไห่จะไม่ได้บอกถึงเรื่องนี้เสียด้วย เทียนหลางหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”ดูเหมือนเพื่อนผมจะไม่ได้จัดหาให้นะครับ”
เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดกับคนสาวใช้ข้างกายของเธอเล็กน้อย จากนั้นสาวใช้ก็เดินออกไปจากห้องทันที
”เรื่องบัตรเชิญพวกหลานไม่ต้องห่วง ยายให้คนไปจัดการให้แล้ว”
”ขอบคุณครับ”
หลังจากจัดการเรื่องบัญเชิญงานประมูลเสร็จทั้งคู่ก็คุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่เทียนหลางจะถามเรื่องที่เขาคาใจออกมา
”คุณยายครับผมสงสัยอย่างหนึ่ง”
”เรื่องอะไรงั้นรึ ?”
”จากที่คุณแม่เล่าเรื่องของคุณยาย คุณแม่บอกว่าคุณยายมีอำนาจมากกว่าคุณตาในตระกูลหาน แล้วทำไมคุณยายถึงถูกขับออกจากตระกูลได้ละครับ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางสายตาของคุณยายก็เปลี่ยนไปเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น
”ไอ้แก่นั่นใช้อำนาจของตัวเองจากภายนอกกดดันธุระกิจของยาย ทำให้อำนาจของยายในการบริหารธุระกิจต่าง ๆ ลดลงจากความวุ่นวายต่าง ๆ เมื่อยายค่อย ๆ เสียอำนาจในการควบคุมธุระกิจอำนาจในตระกูลของยายก็ค่อย ๆ ลดลงด้วยเช่นกัน เมื่ออำนาจของยายน้อยลงไอ้แก่นั่นก็เลยให้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลขับไล่ยายออกมา”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย
”แล้วทำไมคุณยายถึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของคุณแม่ก่อนหน้านี้ละครับ ทั้งที่หากคุณยายสนับสนุนอำนาจในตระกูลของยายก็จะเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยเลยนะครับ”
ยายของเทียนหลางถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น
”ที่ยายขัดขวางการแต่งงานของแม่หลานก็เพราะยายไม่อยากให้แม่ของเธอเป็นเหมือนยายที่ถูกคำเหล่านี้ผูกมัดเอาไว้ และเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของคนในตระกูล ยายผ่านเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กดังนั้นยายจึงเข้าใจและไม่อยากให้แม่ของหลานเป็นเหมือนยาย”
”ทำไมยายไม่พาแม่กลับตระกูลละครับ”
”ยายเคยแล้วแต่แม่ของหลานยืนกรานว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนั้น ดังนั้นยายจึงไม่อยากขัดขวางความตัดสินใจของแม่หลาน”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่มีคนของตระกูลหานมาหาเทียนหลางที่บ้าน เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ทุบโต๊ะทันทีก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
”เจ้าแก่นั่น ! ยังไม่เลิกความคิดที่จะใช้ลูกหลานตัวเองหาประโยชน์อีกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางตกใจกับท่าทีรุนแรงของยายของเขาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”คุณยายไม่ต้องห่วงหรอกนะครับเรื่องแต่งงานอะไรนั้นเพราะผมแต่งงานแล้ว”
เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาผู้หญิงที่นั่งเงียบ ๆ มาตลอดการสนทนาในตอนแรกเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพียงเพื่อนหรือคนรู้จักของเทียนหลางเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเธอจะเป็นภรรยาของเทียนหลาง ยายของเทียนหลางจ้องมองเฟิงหยวนอย่างตั้งใจจนทำเอาเฟิงหยวนเขินเล็กน้อย
หลังจากที่จ้องมองอยู่สักพักยายของเทียนหลางก็ได้รู้ว่าเฟิงหยวนนั้นงดงามเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอเลยด้วยซ้ำแม้แต่ห้าหญิงงามแห่งเมืองหลวงที่คนล่ำลือกันก็ยังตกกระป๋องเมื่อพวกเธอเทียบกับเฟิงหยวน
หลังจากที่พิจารณาเฟิงหยวนอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอก็มองมายังหลานของเขา และก็ต้องตกใจไม่น้อยและพบว่าหลานชายของเธอก็หล่อเหลาไม่น้อยไปกว่ากันทำเอาเธอตกใจไม่น้อย
ยายของเทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
”หลานอย่าพึ่งแน่ใจเกินไป เพราะไอ้แก่นั้นสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ”
”เข้าใจแล้วครับพวกเราจะระวัง”
หลังจากนั้นยายของเทียนหลางก็ได้พูดขึ้น
”หลานช่วยรออยู่ที่ห้องนี้สักพักก่อนจะได้ไหม ยายจะออกไปคุยกับแม่หนูคนนี้สักหน่อย”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็พูดขึ้น
”เรียกหนูว่าเฟิงหยวนเถอะค่ะ ท่านยาย”
เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ยิ้มออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปคุยกันที่สวน เทียนหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือออกมาเพื่อดูอะไรแก้เบื่อ ในขณะนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาดูอายุใกล้เคียงกับเทียนหลางแต่แก่กว่าเล็กน้อยเทียนหลางมองเขาสักพักก่อนจะเลิกสนใจและหันไปดูมือถือต่อ
เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นเทียนหลางก็พูดขึ้นทันที
”นายสินะลูกชายของป้าเย่โหรว ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็หันมาพร้อมกับพูดขึ้น
”นายรู้จักแม่ของฉัน ?”
ชายคนนั้นยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”รู้จักสิ แม่ของนายเป็นที่พูดถึงกันมากเลยนะในตระกูล คนที่ทรยศตระกูลและออกไปใช้ชีวิตโดยที่ไม่สนใจว่าแม่กับตระกูลของตัวเองจะเป็นยังไง”
ทันทีที่เทียนหลางได้ยินก็หันมาพูดกับชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ดูจากที่นายเดินเข้าออกที่นี้ได้อย่างสบายใจก็คงเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ แต่การที่นายไม่รู้เรื่องอะไรและมาพูดให้แม่ของฉันเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้ฉันขอให้นายถอนคำพูดเดียวนี้ในขณะที่ฉันยังใจเย็นอยู่”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”นายจะทำอะไรฉันได้ ? แม่ของนายเป็นคนทรยศที่หักหลังตระกูลไปใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่สนใจความยากลำบากของตระกูล-”
เปรี้ยง !!
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบเทียนหลางก็หายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็วและมาโผล่ตรงหน้าของเขาก่อนจะประเคนขาซ้ายเข้าที่ท้องของเขาอย่างแรงจนทำให้เขากระเด็นออกไปที่สวนด้วยความเร็วที่แทบจะมองตามไม่ทัน
ตูม !!
เสียงวัตถุสองชนิดปะทะกันดังสนั่นไปทั่วสวน เทียนหลางเดินตามออกไปช้า ๆ เพื่อดูผลงานของตัวเอง เมื่อออกมาก็พบว่าเฟิงหยวนและยายของเขากำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น
เมื่อทั้งคู่เห็นเทียนหลางเดินออกมา เฟิงหยวนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น
”นี่คุณก่อเรื่องอีกแล้วงั้นเหรอ ?!”
เทียนหลางที่ได้ยินก็เกาหัวเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”ช่วยไม่ได้เจ้าโง่นั่นมันพูดจาไร้สาระใส่ผมก่อน”
ยายของเทียนหลางที่กำลังตกใจอยู่นั้นก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
”นี่หลานทำงั้นเหรอ ?”
”ใช่ครับผมเตะเขาออกมาเอง”
เมื่อเทียนหลางพูดจบก็เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของชายที่กำลังนอนสะบักสะบอมอย่างกับผ้าขี้ริ้วบนพื้นก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ฉันออมแรงเอาไว้เพราะเห็นว่าเป็นคนตระกูลเดียวกัน หากคราวหน้าแกบังอาจว่าร้ายแม่ของฉันอีก ฉันจะฉีกแขนของแกออกมา”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องรับแขก ก่อนจะบอกให้เฟิงหยวนและยายของเขาคุณกันต่อโดยไม่ต้องสนใจเขา ยายของเทียนหลางหันมามองเฟิงหยวนที่ทำท่าทางสบาย ๆ กับพฤติกรรมของเทียนหลางก็หันมาพูดกับเธอทันที
”หลานของยายเป็นแบบนี้ประจำงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางสงบ
”ก็ต้องทุกครั้งนั่นแหละค่ะคุณยาย”
เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองเทียนหลางที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะคิดว่าคงไม่ต้องกังวลเรื่องความอันตรายของหลานของเขาอีกต่อไปแล้วเพราะดูจากเรื่องในคราวนี้แล้วเทียนหลางคงดูแลตัวเองได้