ไป๋ซานพาเทียนหลางไปยังชานเมืองจิงไห่ซึ่งเป็นฐานทัพทหารที่อยู่ติดกับชายหาดแทบชาญเมือง เมืองจิงไห่นั้นเป็นเมืองใหญ่กึ่งเมืองท่าดังนั้นมันจึงกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญเป็นอย่างมากจนเกือบถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงที่สองของจีน ไป๋ซานพาเทียนหลางเข้ามาด้านในฐานทัพซึ่งบรรยากาศด้านในก็เป็นอะไรที่คล้ายคลึงกับในหนังที่เขาเคยดู แต่จะแตกต่างกันไปเล็กน้อยก็คือมีคนอยู่น้อยซะเหลือเกินจนทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้
”ประเทศนี้ขาดแคลนทหารรึเปล่า ? ทำไมคนในค่ายถึงน้อยอย่างงี้หล่ะ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางไป๋ซานก็หัวเราะออกมาพร้อมกับตอบคำถาม
”ฐานทัพนี้มีไว้ฝึกหน่วยรบพิเศษ กับกองกำลังพิเศษเท่านั้นซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดีจากรัฐบาลและกองทัพ ดังนั้นคนที่นี้จึงมีน้อย”
เทียนหลางพยักหน้า ก่อนที่รถจะไปจอดอยู่ที่ด้านหน้าของฐานหนึ่งซึ่งป้ายด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์รูปหมาป่าเทียนหลางลงมาไป๋ซานก็แนะนำทันที
”ที่นี้เป็นกองบัญชาการของหน่วยหมาป่า ซึ่งจะเป็นหน่วยของคุณในอนาคต”
เทียนหลางมองกองบัญชาการของหน่วยหมาป่าซึ่งดูจากด้านนอกแล้วน่าจะใหญ่พอๆ กับคฤหาสน์ราคาหลายร้อยล้านในย่านหรูของเมืองหลวงได้เลย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นกองบัญชาการทหารด้านในคงไม่ได้หรูหราอะไรมากนักซึ่งเทียนหลางก็พอจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียนหลางเข้าไปด้านในก็ตกใจเล็กน้อยเพราะด้านในของกองบัญชาการนั้นถูกตกแต่งอย่างดีไม่แพ้บ้านหรูเลยพร้อมไปด้วยกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ไป๋ซานเห็นท่าทีแปลกใจของเทียนหลางก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”แม้ด้านนอกจะดูเป็นฐานทัพธรรมดาๆ แต่วิทยาการของเรานั้นก้าวหน้าไม่แพ้กับประเทศอื่นเลยแม้แต่น้อยเรียกได้ว่าสูสีกันเลยทีเดียว ฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ”
จากนั้นไป๋ซานก็พาเทียนหลางชมสถานที่เพื่อหวังให้เขาประทับใจในหน่วยหมาป่าและหวังจะมัดใจให้เทียนหลางเข้าหน่วยนี้ให้ได้ หลังจากชมรอบฐานแล้วเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมเล็กน้อย
”ดูเหมือนคุณจะดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดีเลยนะ”
ไป๋ซานที่ได้ยินก็หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ผมไม่ใช่ผู้บัญชาการของหน่วยหมาป่าหรอกครับ”
”เอ๋ !? ไม่ใช่คุณ ? แล้วใครกันหล่ะ ?”
”เขาคือ นายพลหลินน่ะครับ”
”นายพลหลิน ?”
เทียนหลางลูบคางตัวเองเบาๆ พร้อมกับคิดถึงรูปลักษณ์นายพลหลินในใจ เมื่อไป๋ซานเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา
”งั้นเดียวผมจะพาคุณไปเจอกับเขาก็แล้วกันนะครับ เขาน่าจะอยู่ที่ลานฝึก”
หลังจากนั้นไป๋ซานก็พาเทียนหลางไปที่ลานฝึกของกองบัญชาการ ระหว่างทางไป๋ซานก็แอบพาเทียนหลางอ้อมไปยังลานซ้อมยิงปืนเพื่อให้เขาได้เห็นอุปกรณ์และอาวุธต่างๆ ที่ในหน่วยมีใช้เพื่อหวังจะให้เทียนหลางประทับใจ ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงลานฝึกเมื่อมาถึงเทียนหลางก็เห็นชายหญิงสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่
ไป๋ซานเห็นพวกเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น
”ทำไมถึงมีพวกเธออยู่แค่สองคนหล่ะ แล้วคนอื่นไปไหนกันหมด หยานเฉา”
เมื่อได้ยินคำถามของไป๋ซาน ชายหญิงคู่นั้นก็หยุดการต่อสู้กันพร้อมหันมาตอบคำถาม
”ดูเหมือนทุกคนจะออกไปพักผ่อนที่ชายหาดกันน่ะครับเลขาไป๋”
”งั้นเหรอ”
เทียนหลางมองหน้าไป๋ซานเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”เลขาไป๋ ?”
ไป๋ซานได้ยินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย
”ผมเป็นผู้ช่วยของนายพลหลิน หรือจะเรียกว่าเลขาก็ได้นะครับ แล้วก็ยังเป็นผู้ประสานงานระหว่างนายพลกับหน่วยหมาป่าอีกด้วย”
”แบบนี้สินะ”
เมื่อทั้งคู่เห็นเทียนหลางกับไป๋ซานกำลังคุยกันก็นึกสงสัยทหารหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หยานเฉาจึงถามขึ้น
”เลขาไป๋ น้องชายคนนี้เขาเป็นใครงั้นเหรอคะ ?”
ไป๋ซานที่ได้ยินก็ยิ้มก่อนจะผายมือไปที่เทียนหลางพร้อมกับเอ่ยขึ้น
”เขาชื่อเทียนหลาง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะเข้ามาอยู่ในหน่วยของเรา”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะดูจากภายนอกเทียนหลางอายุยังไม่ถึง 20 เลยด้วยซ้ำแถมดูไม่ค่อยจะมีพิษสงอะไร และดูเหมือนเขาจะไม่มีอะไรพิเศษมากพอที่เข้าร่วมกับหน่วยหมาป่าของพวกเขาด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ทั้งสองคนที่ตกใจเพราะเขาไม่ได้เลอะเลือนฉะนั้นเขาจำได้ว่ายังไม่ได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกับหน่วยพิเศษอะไรของไป๋ซานเลยสักนิดเดียว
เทียนหลางสะกิดไป๋ซานเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วคุณไป๋ ผมยังไม่ได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วมหน่วยของคุณเลยแม้แต่น้อยฉะนั้นอย่าพึ่งพูดอะไรแบบนั้นจะดีกว่า”
เมื่อไป๋ซานได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”นั่นสินะ ผมเห็นคุณดูสนใจกองบัญชาการและสิทธิพิเศษ ผมเลยคิดว่าคุณจะเข้าร่วมกับเรา”
”ผมยอมรับว่าผมสนใจก็จริง แต่คุณไป๋การจะจ้างใครสักคนนั้นสัญญาก็จำเป็นจะต้องเป็นที่พึงพอใจของทั้งสองฝ่ายถูกต้องไหม ?”
ไป๋ซานได้ที่ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่ก็เห็นด้วยกับเทียนหลาง ส่วนเทียนหลางที่เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเห็นด้วยเขาก็พูดต่อ
”ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจจ้างผม คุณลองฟังข้อตกลงของผมก่อนดีกว่าไหม ?”
”หืม… ข้อตกลงของคุณงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”ถูกต้อง แม้คุณจะเสนอสิทธิพิเศษมากมายให้กับผมก็ตามแต่เอาเข้าจริงผมนั้นต้องการมันเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันคงจะดีถ้าเราจะปรับเปลี่ยนสัญญาของเราเล็กน้อย”
ไป๋ซานได้ยินก็งุนงงเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้าตอบรับคำพูดของเทียนหลาง
”ในเมื่อคุณตกลงแล้ว งั้นผมจะพูดส่วนของผมเลยก็แล้วกัน… ด้วยที่ผมนั้นยังเป็นนักศึกษาของมหาลัยอยู่ และก็มีอะไรหลายอย่างให้ทำดังนั้นผมคงไม่ได้ออกไปทำภาระกิจกับทีมของคุณบ่อยนัก”
”เธอไม่ต้องห่วง ภาระกิจของหน่วยหมาป่านั้นเป็นภาระกิจพิเศษซึ่งไม่ได้มีมาบ่อยนัก ฉะนั้นเธอไม่ต้องกังวลว่ามันจะกระทบการเรียนหรือกิจวัตรส่วนตัวของเธอ”
”โอเค ต่อไปจะขอเลือกทำเพียงภาระกิจที่ผมสนใจหรือมีความจำเป็นเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำขอข้อนี้ของเทียนหลาง ไป๋ซานก็สงสัยเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น
”เธอหมายความว่ายังไง ?”
”อาจจะพูดได้ว่า ผมไม่ได้มีความสนใจจะทำงานร่วมกับทีมของคุณในทุกภาระกิจที่ถูกโยนมายังไงละครับผมจะเลือกเพียงภาระกิจที่ผมสนใจ และได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมเท่านั้น”
ไป๋ซานที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย
”มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ ?”
เทียนหลางโบกมือก่อนจะพูดขึ้น
”มันไม่เกินไปหรอกครับ ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่หากผมตายไปในระหว่างภาระกิจเสี่ยงตายพ่อแม่ของผมจะทำยังไงหล่ะครับ ? แล้วอีกอย่างคุณจะไปอธิบายกับพวกเขายังไงจะไปบอกว่าลูกชายของคุณตายในระหว่างภาระกิจงั้นเหรอ ทั้งที่ผมพึ่งจะอายุ 18เท่านั้นจะได้ไปทำงานกับรัฐบาลได้ยังไงซึ่งพูดไปใครเขาจะเชื่อ ฉะนั้นหากคุณต้องการให้ผมทำงานให้คุณก็ต้องยอมรับข้อตกลงของผม และก็ต้องจ้ายในราคาที่เหมาะสมด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้นทหารหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างของหยานเฉาก็เดินเข้ามาหาเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
”นี่เจ้าหนูฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอมีดีอะไร แต่การที่เลขาไป๋ได้เชิญนายเข้าร่วมหน่วยพิเศษและให้สิทธิพิเศษที่แม้แต่ลูกหลานของคนรุ่นหนึ่งยังไม่มีสิทธิจะได้แบบนี้ นายคิดจะเรียกร้องอะไรอีก”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเธอพร้อมกับพูดขึ้น
”หากข้อตกลงของทั้งฝ่ายไม่เป็นที่พึงพอใจมันก็สมเหตุผลแล้วที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน ฉันทำผิดอะไรหล่ะ ?”
”นะ… นาย มันจะหยิ่งพยองไปแล้วนะ !”
เมื่อเธอพูดจบก็พุ่งเข้าใส่เทียนหลางทันที แม้หยานเฉาจะพยายามหยุดแต่ด้วยระยะห่างเขาจึงไม่สามารถทำได้ทางด้านเทียนหลางที่กำลังจ้องมองเธออยู่นั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่ร่างกายของเขาจะหายไปจากจุดนั้น และมาโผล่ที่ด้านหลังของเธออย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้นิ้วจิ่มไปที่เส้นเลือดใหญ่คอ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงอันเย็นเฉียบ
”ที่ฉันยื่นข้อตกลงใหม่ไม่ใช่ว่าฉันหยิ่งพยองแต่เพราะฉันมีความสามารถมากพอที่จะทำมัน”
แปะ แปะ แปะ
ในจังหวะที่เทียนหลางพูดจบเสียงตบมือก็ดังขึ้นพร้อมกับมีชายวัยกลางที่แต่งตัวสบายๆ คนเดินมากับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จากนั้นชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น
”ยอดเยี่ยมๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ช่วยเธอลดมือจากคอของถังถังหน่อยได้รึเปล่า”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็ลดมือลงพร้อมกับมองดูผู้หญิงที่กำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้าของเขา จากนั้นชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาหาทหารหญิงที่ถูกเรียกว่าถังถังพร้อมกับตบไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
”เป็นยังไงบ้างหล่ะถังถัง เวลาที่สัมผัสกับความตายนะ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของชายตรงหน้าถังถังก็ได้สติก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตกใจ
”สะ… สวัสดีค่ะท่านนายพลหลิน !!”
”โฮ่ ๆ ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นไรแล้วสินะ”
เทียนหลางนายพลหลินกับทหารหญิงถังถังพูดคุยกันก่อนจะคิดในใจ
‘นี่นะเหรอนายพลหลิน อืม… แม้เขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายนักแต่ในฐานะคนธรรมดาก็ถือว่าเขาเป็นสุดยอดทหารได้เลยแม้จะเข้าวัยห้าสิบแล้วแต่ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงสมบูรณ์ไม่แพ้ชายวัยสามสิบต้นๆ คงมาจากการที่ได้รับการบำรุงจากสมุนไพรมากมายสินะ อา… เป็นนายพลนี่มันดีจริงๆ’
หลังจากคิดอะไรอยู่เพลินๆ นั้นไหล่ของเทียนหลางก็ถูกตบเบาๆ จากนายพลหลินจากนั้นเขาก็พูดขึ้น
”ฉันได้ยินเรื่องที่เธอพูดคุยกับเลขาไป๋แล้ว เอาเป็นว่าฉันยอมรับข้อเสนอก็แล้วกัน”
”ง่ายงี้เชียว ?”
เทียนหลางถามด้วยความแปลกใจ นายพลหลินก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”แน่นอนสิ เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอมีสิทธิที่จะได้รับมันแล้วมีเหตุผลอะไรหล่ะที่ฉันจะไม่ให้มันกับเธอเพื่อแลกกับการที่เธอทำงานให้ฉัน”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยื่นกระดาษให้กับเขา
”เอาเป็นว่าข้อตกลงของเราเรียบร้อยดีแล้ว นี่คือเบอร์ติดต่อของผมหากมีภาระกิจอะไรก็ติดต่อผมมาก็แล้วกัน และในเมื่อการเจรจาของเราได้จบลงแล้วคุณช่วยจัดการไปส่งผมที่ตลาดทองคำที่ได้รึเปล่า ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง นายพลหลินก็หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะตบไหล่เขาอีกสองสามครั้ง
”เยี่ยม เยี่ยมมากเป็นเด็กหนุ่มที่ดีจริงๆ เอาหล่ะเลขาไป๋ช่วยไปส่งพ่อหนุ่มคนนี้ที่ตลาดทองคำทีสิ”
”ได้ครับท่านนายพล”
เทียนหลางปลีกตัวจากนายพลหลินและกำลังจะเดินกลับไปหาไป๋ซานเขาก็ต้องตกใจเมื่อมองดูผู้หญิงที่มากับนายพลหลินให้ดีแล้วก็พบว่าเป็นคนที่เขาเคยเจอมาก่อน ซึ่งเขาได้เคยช่วยเธอเอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เกาะทางใต้ซึ่งเธอคนนั้นก็คือ ผู้อาวุโสหลินจากสำนักวารีพิสุทธิ์
เทียนหลางยิ้มก่อนจะเดินไปหาเธอพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ ที่ได้ยินกันสองคน
”ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี้นะ… ผู้อาวุโสหลิน”