หลังจากจัดการเรื่องวุ่นวายเล็กน้อยเสร็จแล้วเทียนหลางกับเฟิงหยวนก็เดินเข้ามาด้านในของหอประมูลร้อยสำนัก ทั้งคู่ถูกต้อนรับโดยพนักงานหญิงที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง จากนั้นเทียนหลางก็ยื่นตราหยกที่ได้รับมาจากหลินฮัวฮัวให้กับเธอ
พนักงานรับตราหยกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”ห้องรับรองพิเศษที่ 7 สินะคะเชิญตามดิฉันมาทางนี้ได้เลยค่ะ”
ทั้งคู่เดินตามพนักงานหญิงไปยังห้องรับรองพิเศษที่ 7 เมื่อเข้ามาก็พบว่าด้านในนั้นตกแต่งอย่างหรูหราแต่ก็ยังคงกลิ่นอายเก่าแก่โบราณเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
หลังจากที่มาถึงที่ห้องรับรองแล้วเทียนหลางก็เอ่ยขึ้นกับพนักงานว่า
”พอดีข้ามีของที่ต้องจะนำเข้าร่วมประมูล ไม่ทราบว่าทางโรงประมูลจะรับมันไว้หรือไม่ ?”
พนังงานหญิงที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”แน่นอนนายท่าน หากนายท่านต้องการนำสิ่งของเข้าร่วมประมูลนายท่านสามารถนำมันมาตรวจสอบกับทางเราได้ทันที”
”เข้าใจแล้วนำทางไปเถอะ”
พนักงานหญิงพยักหน้าก่อนจะเดินนำเทียนหลางไปยังห้องหนึ่ง ซึ่งก่อนออกจากห้องรับรองเทียนหลางก็หันมาบอกกับเฟิงหยวนว่าเดียวเขากลับมา เฟิงหยวนก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
พนักงานหญิงพาเทียนหลางมายังห้องๆหนึ่งที่น่าจะเป็นห้องที่ไว้สำหรับตรวจสอบสินค้า ด้านในมีชายชราอยู่คนหนึ่งกำลังนั่งตรวจวัตถุโบราณบางอย่างอยู่อย่างตั้งใจ
เมื่อพนักงานนำเทียนหลางเข้ามาชายชราก็มองเทียนหลางเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
”ไม่ทราบว่านายท่านต้องการนำสิ่งใดมาให้ข้าตรวจสอบงั้นรึ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อคลุมและนำกล่องใบหนึ่งออกมาวางไว้ตรงหน้าของชายชรา ชายชรามองกล่องใบนั้นอย่างสนใจก่อนจะเปิดมันออกและพบว่าด้านในมีเม็ดยาอยู่ด้านในทั้งหมดสามเม็ด
ชายชราหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสนใจก่อนจะเอ่ยถามกับเทียนหลาง
”นายท่านช่วยบอกหน่อยได้หรือไม่ว่าเม็ดยาเหล่านี้คือ ยาชนิดใด”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”มันคือเม็ดยาคืนความเยาว์”
”เม็ดยาคืนความเยาว์ ?”
ชายชราและพนักงานหญิงพูดออกมาด้วยความสงสัย
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะอธิบายอย่างสั้นๆว่า
”เม็ดยานนี้จะช่วยให้ผู้ที่ทานมันสามารถคืนความเยาว์วัยของเขาได้ ทำให้เขากลับมาเป็นคนหนุ่มสาวได้อีกครั้งหนึ่ง”
เมื่อชายชราและพนักงานหญิงได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่ชายชราจะเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
”จริงหรือนายท่าน ?”
”แน่นอน สิ่งนี้สามารถนำเข้าร่วมประมูลได้หรือไม่ ?”
เมื่อได้ยินที่เทียนหลางพูดชายชราก็ทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
”ข้านั้นไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ท่านหรอกนะ แต่ของสิ่งนี้นั้นมีคุณสมบัติที่ยากเกินจะเชื่อไปสักหน่อยมันจึงยากที่ข้าจะอนุมัติให้มันเข้าสู่การประมูลได้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยเพราะเจ้าเม็ดยานี้มีคุณสมบัติเกินจะเชื่อจริงๆนั่นแหละสิ่งของที่สามารถฟื้นคืนความเยาว์วัย ชดเชยเวลาที่เสียไปได้งั้นเหรอ ? มันก็มีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้นแหละ แต่สำหรับบนสวรรค์นั้นเม็ดยาพวกนี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียวจนเรียกได้ว่าเป็นเม็ดยาขยะก็ว่าได้ เพราะนอกจากคุณสมบัติที่ช่วยคืนความเยาว์วัยแล้วมันก็ไม่ได้มีคุณสมบัติอื่นอีกเลย ดังนั้นมันจึงถูกมองว่าเป็นเม็ดยาที่ไร้ประโยชน์
เทียนหลางขบคิดถึงปัญหาของเรื่องนี้เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
”เอางี้เป็นไง หากผู้ที่ประมูลเม็ดยาคืนความเยาว์นี้ไปแล้วเม็ดยาไม่ได้ผลละก็ข้าจะจ่ายค่าชดเชยให้สองเท่ากับเงินที่ถูกประมูลไป และข้าจะจ่ายค่าเสียหายให้กับโรงประมูลของเจ้าอีกหนึ่งพันล้านหยวนด้วย เจ้าคิดว่าข้อเสนอนี้ใช้ได้หรือไม่ ?”
เมื่อได้ยินข้อเสนอของเทียนหลางชายชราก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง จากนั้นเทียนหลางก็พูดขึ้น
”ยังมีของอีกอย่างที่ข้าอยากให้ลงประมูลด้วย”
”ของสิ่งใดงั้นเหรอนายท่าน ?”
เทียนหลางล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมก่อนจะนำยาทิพย์ออกมาวางตรงหน้าของชายชราสองขวดพร้อมกับอธิบายถึงคุณสมบัติของมัน
”มันสามารถฟื้นฟูและปรับสภาพร่างกายของคนที่ดื่มมันให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ต่อให้คนๆนั้นจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนขอเพียงแค่ไม่ตายก็สามารถกลับมาแข็งแรงดังเดิมได้และยังสามารถยืดอายุได้อีกยี่สิบปีอีกด้วย”
เมื่อชายชราได้ยินคุณสมบัติของมันก็ถึงกับตกตะลึงก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
”มันสามารถทำอย่างงั้นได้จริงๆงั้นเหรอนายท่าน ?”
”แน่นอนข้าสามารถรับประกันได้ และถ้าหากเจ้าไม่มั่นใจเจ้าสามารถใช้ข้อตกลงเดียวกันกับเม็ดยาคืนความเยาว์ได้”
”ตกลงนายท่าน”
”ขอบคุณมาก”
หลังจากที่ตกลงกับชายชราเสร็จพนักงานหญิงก็พาเทียนหลางกลับมาที่ห้องรับรองของเขา เมื่อมาถึงก็พบว่าเฟิงหยวนกำลังนั่งจิบชาพร้อมกับอ่านหนังสือบางอย่างอยู่ เขานั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะนับไวน์ที่พนักงานพึ่งนำมาเสิร์ฟเทใส่แก้ว ในขณะนั้นเฟิงหยวนก็เอ่ยถามขึ้น
”ตกลงเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ ?”
”ก็นะ”
”คุณคิดว่าจะเจอสิ่งที่น่าสนใจในงานประมูลครั้งนี้หรือเปล่า ?”
”ผมก็หวังว่าจะเจอ”
เทียนหลางพูดพร้อมจิบไวน์ในขณะเดียวกันที่งานประมูลกำลังเริ่มต้น
————————————————————————————————————————
ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง
”จงบอกมาเถิดว่าพวกเจ้านิกายซวยหยวนของเจ้ากำลังคิดทำการสิ่งใดอยู่กันแน่ ?”
ชายวัยกลางคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดถูกมัดติดอยู่กับเสาหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ยินคำถาม
”ต่อให้เจ้าทรมานข้าต่อไปอีกเป็นร้อยเป็นพันปีข้าก็ไม่ปริปากบอกหรอก”
ชายหนุ่มที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ดูเหมือนเจ้าจะเป็นปากแข็งมากเลยสินะ ข้านั้นนับถือเจ้าจริงๆ”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบได้ไม่นานก็มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่มาข้างๆเขาพร้อมกับพูดขึ้น
”พี่รอง หลังจากที่พวกเราได้ทำลายนิกายพิทักษ์สวรรค์กับนิกายยอดนักสู้พร้อมกับบุกค้นทุกสถานที่ในนิกายของพวกมันแล้ว พวกเราพบสิ่งนี้”
เขายื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งมาให้กับชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มรับมาพร้อมกับกวาดสายตาเพื่อตรวจสอบมันอยู่สักครู่เขาก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่กำลังถูกมัดติดอยู่กับเสา
”ดูเหมือนว่านิกายย่อยของพวกเจ้าจะไม่ได้ปากแข็งเหมือนพวกเจ้าสักเท่าไหร่นะ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินแบบนั้นเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกลับไปทำหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิมพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั้ง
”ฮ่าๆๆๆ ต่อให้พวกเจ้ารู้แผนการของพวกข้าแล้ว พวกเจ้าจะทำสิ่งใดได้งั้นหรือ !?”
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
”แน่นอนแม้นิยายซวนหยวนของพวกเจ้าตอนนี้จะแข็งแกร่งก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะต่อกรกับพวกข้าได้ เจ้าคิดจริงหรือว่าพันธมิตรของพวกเจ้าจะเข้ามาช่วยพวกเจ้าในยามนี้ พวกมันต่างถูกอาจารย์ของข้ากวาดล้างไปเกือบหมดเมื่อสามพันปีก่อน ในตอนนี้พวกมันต่างก็หดหัวอยู่รูหวาดกลัวพลังของอาจารย์ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายวัยกลางคนก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
”สิ่งที่เจ้าล่วงรู้นั้นอาจมิใช่ความเป็นจริงเสมอไป ในตอนนี้อาจารย์ของพวกเจ้าก็ได้ตายไปแล้วจะมีใครมาหยุดยั้งพวกข้าได้อีกงั้นรึ เจ้าคิดหรือว่าเหล่าเทพพวกนั้นจะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านพวกข้า เมื่อสิ้นอาจารย์ของเจ้า พวกเจ้าก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่มีอายุยืนยาวเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
”อีกไม่นานพวกข้านิกายซวนหยวนก็จะได้ครอบครองทุกสิ่ง ฮ่าๆๆ”
เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าครั้งจนทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าหงุดหงิดเขาชักกระบี่ขึ้นมาพร้อมกับสะบัดไปที่คอของชายคนนั้นทันที
ฉึบ !!
หัวของเขาร่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่สาดกระจาย ชายหนุ่มเก็บกระบี่เจ้าฝักก่อนจะหันหลังกลับไปคุยกับชายหนุ่มข้างๆเขา
”ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆซินะ”
ชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆเมื่อได้ฟังก็หันมาถามด้วยความสงสัย
”พวกเราจะไม่บอกเรื่องนี้กับท่านอาจารย์จริงเหรอท่านพี่ ?”
เมื่อได้ยินคำถามเขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”มีคนบอกเรื่องนี้กับเขาไปแล้ว อีกไม่นานเขาก็ได้รับรู้เรื่องวุ่นวายพวกนี้”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้กับคำพูดของพี่ชายของเขาก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
”แล้วเราจะทำสิ่งใดกันต่อไปท่านพี่”
”ตามเก็บกวาดทุกสิ่ง ข้าไม่อยากให้ท่านอาจารย์เป็นกังวลเรื่องของทางนี้”
”เข้าใจแล้วท่านพี่”
เมื่อพูดจบร่างของทั้งคู่ก็สลายหายไปทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเพลิงไหม้ที่อยู่ด้านหลัง