”นี่คุณ… นี่คุณ… ”
เสียงของเฟิงหยนดังขึ้นเพื่อเรียกเทียนหลาง แต่ดูเหมือนว่าตัวของเขานั้นกำลังตกอยู่ภังค์บางอย่างอยู่ เฟิงหยวนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเรียกเทียนหลางอีกครั้ง
”เทียนหลาง… นี่เทียนหลาง !!”
เสียงที่ดังขึ้นของเฟิงหยวนก็ยังมิอาจปลุกเทียนหลางจากห้วงความคิดของเขาได้ เฟิงหยวนจึงได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยชื่อหนึ่งขึ้นมา
”เทียนอวิ๋นจือหยวนได้ยินฉันไหม !!”
เมื่อเทียนหลางได้ยินชื่อนั้นสายตาอันเหม่อลอยก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งก่อนจะหันไปหาเฟิงหยวนและกล่าวขอโทษเธอ
”ขอโทษที พอดีคิดอะไรนิดหน่อยนะ”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
”คิดถึงเรื่องคำพูดของเฒ่าตาบอดเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
”ในตอนนั้นผมรู้สึกสงสัยในคำพูดของเฒ่าตาบอดเป็นอย่างมาก พยายามคิดหาคำตอบของมันอยู่นานจนกระทั้งลืมไปแล้วด้วยซ้ำ”
”มันเกี่ยวข้องกับสงครามที่จะเกิดขึ้นงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนถามออกมา ซึ่งเทียนหลางก็ได้แต่ส่ายหน้า
”ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันบางทีคำพูดของเฒ่าตาบอดอาจผิดพลาด หรือไม่ก็คลาดเคลื่อน”
เฟิงหยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเทียนหลาง จากนั้นเธอก็พูดเสริมขึ้นว่า
”ถึงมันจะเกี่ยวข้อง แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับทางเราอยู่แล้ว เราสองคนไม่ได้เป็นเทพอีกแล้ว จะไปยุ่งเรื่องของสวรรค์ไม่ได้หรอกนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเทียนหลางนั้นเข้าใจสิ่งที่เฟิงหยวนพูด แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง เพราะว่ามีศิษย์ของเขามากมายที่อาศัยอยู่ในโลกต่างๆและการที่ลัทธินอกรีตและเหล่ามารเคลื่อนไหวในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นต้องเกี่ยวพันกันแน่ เทียนหลางจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเหล่าศิษย์ของเขา
เฟิงหยวนที่เห็นท่าทีของเทียนหลางเธอก็ลุกขึ้นมาและนั่งลงข้างๆกับเทียนหลางก่อนจะใช้มือของตัวเองพลักหัวของเทียนหลางลงไปที่ตักของเธอพร้อมกับลูบผมของเทียนหลางเบาๆ
”คุณไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะ ศิษย์ของคุณแต่ละคนก็ใช่ว่าจะเด็กดีที่ไม่เคยทำร้ายใครซะที่ไหน อีกอย่างพวกเขาก็มีอายุมากกันแล้วพวกเขาดูแลตัวเองได้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับหลับตาลงเพื่อที่จะนอนพักผ่อนบนตักของเฟิงหยวน เฟิงหยวนที่เห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”อีกอย่างเจ้าหนูถังก็ยังอยู่ศิษย์พี่ใหญ่อย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้เหล่าศิษย์น้องเป็นอันตรายหรอก”
”นั่นสินะ”
เทียนหลางเห็นด้วยกับเธอก่อนที่จะเริ่มแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาทันที
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนอยู่นั้นแม่บ้านอันฉีก็เดินเข้ามาก่อนจะบอกกับทั้งคู่ว่า
”คุณชาย คุณหลินจินทงมาหาค่ะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นกลืมตาขึ้นก่อนจะบอกให้แม่บ้านพาหลินจินทงเข้ามา ไม่นานนักแม่บ้านอันฉีก็พาหลินจินทงมาหาเขาที่สวน
เทียนหลางกล่าวทักทายเขาเล็กน้อยก่อนจะเชิญหลินจินทงเข้ามาด้านใน เมื่อหลินจินทงเขามาด้านในเขาก็สังเกตุเห็นเฟิงหยวนอย่างรวดเร็วและแสดงสีหน้าตกใจออกมา เพราะเขาไม่คิดว่าจะมาเจอคนที่สวยขนาดนี้เดิมทีตัวเขานั้นถือเป็นนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งในประเทศและได้พบเจอกับดาราหญิงและหญิงสาวสวยๆมากมายแต่พวกเธอเหล่านั้นไม่อาจที่จะเทียบได้กับเฟิงหยวนเลยแม้แต่น้อย
ทางด้านเทียนหลางที่ได้เห็นท่าทีของหลินจินทงเขากเอ่ยขึ้น
”นี่คือเฟิงหยวนเป็นภรรยาของผม”
หลินจินทงที่ไดยินก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวชื่นชม
”ภรรยาของเธอสวยมากเลยสามารถเป็นดารานักแสดงได้อย่างง่ายๆเลยนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
”เธอคงไม่อยากทำหรอกครับ”
หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า เทียนหลางจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
”ว่าแต่คุณมาหาผมถึงที่นีี่นั้นมีธุระอะไรงั้นเหรอครับ ?”
”พอดีฉันมีคำถามเกี่ยวกับการบ่มเพาะนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้างั้นเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า จะได้ไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของภรรยาผม”
หลินจินทงพยักหน้าพร้อมกับลุกเดินตามเทียนหลางออกไป ทั้งคู่ออกมาที่สวนก่อนที่เทียนหลางจะเอ่ยถามกับเขา
”แล้วคุณมีคำถามอะไรจะมาถามผมกันละ ?”
หลินจินทงที่ได้ยินก็รีบพูดออกมาทันที
”เทคนิคที่เธอให้กับฉันมานั้นมันสุดยอดมากแม้ในตอนนี้ฉันจะอยู่ในเพียงขอบเขตแปรเปลี่ยนขั้นสูงแต่ถึงอย่างงั้นฉันก็สามารถต่อสู้กับคนที่อยู่ในขอบเขตปฐพีขั้นต้นได้นี่มันสุดยอดมากเลย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น
”เรื่องนั้นมันเป็นปกติอยู่แล้วเพราะเทคนิคที่ผมมอบให้ไปนั้นเป็นอะไรที่เกินกว่าเทคนิคกิ๊กก๊อกของโลกนี้จะเทียบได้ ว่าแต่คุณมีข้อสงสัยอะไรจะถามผมกันละ ?”
”ก่อนหน้านี้ที่ทะเลทรายเธอเคยบอกว่าเส้นทางนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามเส้นทางใหญ่ใช่ไหม ?”
เทียนหลางได้ยินก็พยักหน้า หลินจินทงจึงเอ่ยถามต่อ
”เธอบอกว่าเต๋าพิภพนั้นเป็นเส้นทางที่กลวงโบ๋ แต่ฉันอยากรู้ว่ามันสามารถไปไกลเกินกว่าขอบเขตสวรรค์ได้หรือเปล่า ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของหลินจินทงเขาก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับอย่างรวดเร็ว
”เป็นไปได้แต่ก็ใช่ว่าจะง่าย ทุกเส้นทางนั้นมีขีดจำกัดของมันหากไร้ซึ่งการสนับสนุนก็ยากที่จะก้าวข้ามกำแพงเหล่านั้นไป”
หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
”เธอเคยบอกว่าเหล่าเซียนในโลกนี้อ่อนแอ ฉันสงสัยว่าขอบเขตการบ่มเพาะนั้นแท้จริงแล้วมันมีมากกว่านั้นอีกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าตอบรับพร้อมกับหยิบกระดาษกับปากกาออกมาพร้อมกับเขียนระดับการบ่มเพาะลงไปและยื่นมันให้กับหลินจินทงจากนั้นเขาก็อธิบายเพิ่มเติม
”ขอบเขตการบ่มเพาะที่คุณรู้จักนั้นเป็นเพียงส่วนแรกของบันไดเท่านั้นซึ่งมีอยู่ 9 ขั้นใหญ่และ 9 ขั้นย่อย จะเริ่มจาก ขอบเขตก่อตั้ง แปรเปลี่ยน ปฐพี นภา สวรรค์ ต่อด้วยขอบเขตกษัตริย์ จักรพรรดิ ตำนาน และเซียน ซึ่งมันจะถูกเรียกอีกชื่อว่า 81 ขั้นสู่ประตู”
หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็เกิดคำถามขึ้นมาทันที
”81 ขั้นสู่ประตู ? แปลว่าจะมีหลังจากนี้อีกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะอธิบายเพิ่ม
”หลังจากที่คุณบรรลุสู่เซียนแล้ว คุณก็จะก้าวเข้าสู่โลกที่แตกต่างจากเดิมซึ่งประกอบไปด้วยจากนั้นขอบเขตการบ่มเพาะก็จะเพิ่มขึ้นซึ่งมี 3 ขั้นก็คือ เซียนปฐพี เซียนนภา และเซียนสวรรค์ ซึ่งถูกเรียกว่าบันไดแห่งเซียน”
เทียนหลางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
”จากนั้นการบ่มเพาะก็จะเปลี่ยนไปเข้าสู่ขอบข่ายการก้าวสู่การเป็นเทพอย่างแท้จริง”
ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังจะพูดต่อหลินจินทงก็พูดขัดขึ้นมา
”เดียวนะ เธอบอกว่าก้าวสู่การเป็นเทพงั้นเหรอ ? มนุษย์ธรรมดาสามารถกลายเป็นเทพได้อย่างงั้นเหรอ ?”
”ถูกต้อง หากได้รับการบ่มเพาะอย่างถูกต้องการเป็นเทพนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินจินทงก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาก่อนจะเอ่ยถามเทียนหลางอย่างรวดเร็ว
”แล้วการก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพนั้นจะต้องทำยังไงบ้างละ ?”
”หลังจากที่คุณกลายเป็นเซียนสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว คุณจะต้องผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์เสียก่อน”
”ทัณฑ์สวรรค์ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเริ่มอธิบาย
”ทัณฑ์สวรรค์นั้นจะออกมาในหลายรูปแบบตั้งแต่ภัยพิบัติขนาดเล็กอย่างเช่นน้ำท่วม ฝนกรด หรือฟ้าผ่า ไปจนถึงอุกกาบาต ทัณฑ์สวรรค์นั้นจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคนๆไม่เพียงแค่นั้นคนๆนั้นจำเป็นจะต้องมีโชคอีกด้วยเพื่อที่จะรอดพ้นจะวิกฤตนั้น ในอดีตมีเซียนจำนวนมากต่างตายในขั้นตอนนี้”
เมื่อหลินจินทงได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้แต่ยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าการที่จะได้กลายเป็นเทพจะต้องผ่านเหตุการณ์อะไรแบบนี้ด้วย เมื่อเขาตั้งสติได้เขาจึงเอ่ยถามต่อ
”แล้วต่อจากนั้นละ ?”
”หลังจากที่คุณข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์สำเร็จกฏแห่งเต๋าดั้งเดิมก็จะไม่มีผลกับคุณอีกต่อไป และคุณก็จะตกไปอยู่ภายใต้กฏแห่งเหล่าทวยเทพ”
”กฏแห่งเหล่าทวยเทพ ?”
”หากจะอธิบายง่ายๆมันก็เหมือนกับกฏหมายของโลกนี้นั่นแหละ เนื่องด้วยเหล่าผู้ที่จะกลายเป็นเทพนั้นมีพลังมากเกินไปกฏเหล่านี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะควบคุมพวกเขาไม่ให้ก้าวก่ายโลกเบื่องล่าง”
หลินจินทงได้ฟังก็เกิดข้อสงสัย
”เป็นถึงเทพแล้วยังจะต้องทำตามกฏอีกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะอธิบาย
”แน่นอนสิ คุณลองคิดว่าวันหนึ่งในขณะที่คุณกำลังทานมื้อกลางวันอยู่จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งโผล่ออกมาและลบทวีปอเมริกาใต้หายไปได้ภายในฝ่ามือเดียว คุณลองคิดดูสิว่าโลกจะปั่นป่วนและวุ่นวายขนาดไหน”
เมื่อหลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มที่จะเห็นด้วยกับกฏของเหล่าเทพเพราะถ้าหากไม่ควบคุมแล้วละก็เรื่องวุ่นวายคงเกิดขึ้นทุกวันแน่นอน หลังจากทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วหลินจินทงก็เลยเอ่ยถามต่อ
”แล้วระดับขั้นของเหล่าเทพละแบ่งกันยังไง ?”
”ขอบเขตของเหล่าเทพนั้นไม่ได้ถูกแบ่งออกแน่ชัดเพราะหลังจากที่คุณผ่านทัณฑ์สวรรค์มาแล้วก็ยังจะต้องบ่มเพาะต่อไปอยู่ดี ขอบเขตในแดนสวรรค์นั้นถูกแบ่งออกเป็น วิถีมังกร จุติ จุติสวรรค์ จุตินิรันดิ์ ก้าวสู่เทพ ประทับเทพ และเทพแท้จริง”
หลินจินทงที่ได้ฟังมาจนถึงตอนนี้ก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องที่เขาสงสัยมากที่สุด
”ฉันสงสัยเรื่องหนึ่งมาสักพักแล้ว หากไม่มีปัญหาอะไรเธอจะช่วยบอกฉันได้หรือเปล่า ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันมาถาม
”คุณสงสัยอะไรงั้นเหรอ ?”
”เธอเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบแม้ฉันจะรู้ว่ามีพวกยา หรือสมุนไพรที่คงความเยาว์เอาไว้ได้แต่ความรู้เกี่ยวกับการบ่มเพาะของเธอและสิ่งที่เขียนอยู่ในคำภีร์ที่เธอมอบให้นั้นมันมากเกินกว่าขอบเขตความรู้ของเหล่าผู้อาวุโสของสำนักด้วยซ้ำ ฉันอยากรู้ว่าเธอนั้นเป็นใครกันแน่ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยถามสิ่งหนึ่งกับหลินจินทง
”คุณอยากรู้จริงๆงั้นเหรอ ?”
หลินจินทงพยักหน้าออกมาอย่างจริงจังเทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ในขณะนั้นเฟิงหยวนก็รีบวิ่งออกมาจากในบ้านพร้อมกับถืออย่างหนึ่งออกมาด้วย
เฟิงหยวนยื่นป้ายหยกให้กับเทียนหลางดู เมื่อเทียนหลางเห็นป้ายที่จะมีร้าวอยู่นั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนจะบรรยากาศรอบข้างเขาจะเปลี่ยนไป
หลินจินทงตกใจเป็นอย่างก่อนจะเอ่ยถามออกไป
”เกิดอะไรขึ้นเทียนหลาง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของหลินจินทงเขาก็แสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา
”คำตอบสำหรับคำถามนั้นผมคาดว่าคงจะตอบคุณตอนนี้ไม่ได้ เพราะดูเหมือนจะมีธุระด้วยเข้ามา เอาเป็นว่าคุณรออยู่นี่ก่อนก็แล้วกัน เดียวผมจะกลับมาตอบคำถามของคุณให้ในไม่ช้า”
หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
”มีปัญหางั้นเหรอ ? มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม ?”
เทียนหลางส่ายหน้าก่อนจะบีบป้ายหยกในมือจนแตกละเอียดก่อนที่จะมีดวงไฟสีฟ้าลอยออกมาจากเศษป้ายหยกมันล่องลอยอยู่ตรงหน้าของทั้งสามอยู่สักพักก่อนจะพุ่งออกไป
เทียนหลางมองตอบดวงไฟสีฟ้านั้นไปก่อนจะเอ่ยขึ้นกับหลินจินทงด้วยใบหน้านิ่งเฉย
”เรื่องนี้คุณช่วยไม่ได้หรอก ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่กำลังลองดูกับผมอยู่”
เมื่อพูดร่างกายของเทียนหลางก็พุ่งตามดวงไฟนั้นออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาหลินจินทงอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองที่เฟิงหยวน
เฟิงหยวนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น
”เชิญคุณเข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ เทียนหลางคงจะกลับมาอีกในไม่ช้าดูเหมือนจะมีใครสักคนบังอาจทำให้เทพโกรธเสียแล้ว”
เมื่อพูดจบเฟิงหยวนก็หันหลังพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้หลินจินทงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นแต่เพียงผู้เดียว