หลินจินทงที่ได้ยินคำพูดของเฟิงหยวนเขาก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามกับเฟิงหยวนอย่างสงสัย
”ที่เธอบอกว่า เทพ เมื่อกี้หมายความว่ายังไงกัน ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินคำพูดของหลินจินทงเธอทำเพียงยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
”เข้ามาข้างในสิคะ ฉันก็รู้เรื่องการบ่มเพาะอยู่บ้างถ้างั้นฉันจะตอบคำถามของคุณแทนสามีของฉันเองก็แล้วกันนะคะ”
หลินจินทงพยักหน้าก่อนจะเดินตามเฟิงหยวนมาที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเธอ และถามออกไปด้วยความสงสัย
”ที่เธอบอกก่อนหน้านี้ว่า เทียนหลางเป็นเทพหมายความว่ายังไง ?”
เฟิงหยวนยิ้มพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยและตอบคำถามของหลินจินทง
”เหล่าเทพนั้นมีชีวิตที่ยืนยาว พวกเขาใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานจนบางครั้งก็เริ่มที่จะเบื่อจึงมักจะหาวิธีอะไรแก้เบื่อ”
”แก้เบื่อ ?”
หลินจินทงพูดออกมาด้วยความสงสัย เฟิงหยวนจึงยิ้มแล้วเอ่ยถาม
”คุณมีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคย้ายวิญญาณมากน้อยแค่ไหน ?”
หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบคางตัวเองเบาๆก่อนจะพูดว่า
”จากความรู้ของข้า ดูเหมือนว่าเทคนิคย้ายวิญญาณนั้นถูกสร้างมาจากพวกลัทธิมารหรือลัทธิปีศาจที่มีไว้สำหรับย้ายวิญญาณของตัวเองไปยังร่างใหม่เพื่อให้มีชีวิ-”
เมื่อกล่าวมาได้สักพักหลินจินทงก็หยุดไปราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะจ้องมองเฟิงหยวนอย่างจริงจังพร้อมกับเอ่ยขึ้น
”หรือว่าเทียนหลางเขา ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกนะ สำหรับตัวของเทียนหลางนั้นเกิดจากข้อผิดพลาดในขั้นตอนการเกิดใหม่นะ”
”การเกิดใหม่ ?”
เฟิงหยวนพยักหน้าพร้อมกับอธิบาย
”การที่มีชีวิตอยู่มานานนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นัก เพราะยิ่งเวลาผ่านไปสิ่งที่อยากทำก็เริ่มที่จะน้อยลง ดังนั้นเทพบางคนจึงคิดพิเรณพวกเขาเริ่มละทิ้งกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมไปเหลือทิ้งเพียงดวงวิญญาณที่ว่างเปล่าและกลับไปเกิดใหม่ และเริ่มต้นเส้นทางใหม่อีกครั้งหนึ่ง”
เฟิงหยวนจิบชาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
”แต่สำหรับเทียนหลางนั้นต่างกันเล็กน้อย เพราะในระหว่างขั้นตอนการกลับมาเกิดใหม่ดวงวิญญาณของเขากลับต้องเขาไปอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่พึ่งตาย”
เมื่อหลินจินทงที่ได้ยินเกี่ยวกับตัวของเทียนหลางเขาก็นิ่งไปพักหนึ่งเพื่อคิดทบทวน เพราะเขานั้นไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาคิดอะไรอยู่สักพักสีหน้าของหลินจินทงก็เปลี่ยนไปจากครุ่นคิดกลายเป็นตกตะลึงร่างกายของหลินจินทงสั่นไปด้วยความตกใจก่อนจะเอ่ย
”ระ… รึว่าพวกเธอทั้งสองคน…”
เฟิงหยวนยิ้มพร้อมกับไม่ได้ตอบอะไร
———————————————————————————————————————
ทางด้านลูกศิษย์ของสำนักไร้ลักษณ์เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่จะมีบางคนเข้ามาตะโกนใส่เขา
”แกมีสิทธิ์อะไรมาเรียกผู้อาวุโสของเราด้วยท่าทีหยาบคายแบบนี้ !!”
เทียนหลางมองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
”ข้ามีธุระกับมันไปเรียกเฉียนกุ่ยออกมาเดียวนี้ !!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางพวกคนของสำนักไร้ลักษณ์ก็ต่างตกตะลึงเพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะเจอคนที่ไร้ยางอายแบบนี้การที่เพราะคำพูดและการกระทำของเขานั้นช่างแตกต่างกันยิ่งนัก
คนของสำนักไร้ลักษณ์อีกคนหนึ่งจึงได้พูดออกไป
”ผู้อาวุโสกำลังปิดด่านฝึกตนอยู่ คงออกมาพบเจ้าในตอนนี้ไม่ได้ แต่การที่เจ้าเข้ามาทำลายประตูสำนักของเรานั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ คงต้องขอให้เจ้าจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม”
เทียนหลางลูบคางเล็กน้อยก่อนจะพึมพำ
”จ่ายด้วยราคาที่เหมาะสมสินะ นั่นสินะ…”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็สะบัดมือเบาๆ
ฉัวะ !!!
ทันทีที่เทียนหลางสะบัดมือร่างของศิษย์คนหนึ่งก็ได้ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆพร้อมเลือดที่กระจายใส่เพื่อนร่วมสำนักของเขา เมื่อคนของสำนักไร้ลักษณ์เห็นการกระทำของเทียนหลางพวกเขาก็ถึงกับตกใจและโกรธในเวลาเดียวกันเพราะพวกเขาไม่คิดว่าเทียนหลางจะกล้าฆ่าคนของเขาในพื้นที่ของพวกเขาแบบนี้
”แกกล้าฆ่าคนของสำนักเรางั้นเรอะ !!”
เทียนหลางที่ได้ยินก็สะบัดมืออีกครั้งพร้อมกับร่างของชายคนนั้นก็กลายเป็นชิ้นๆไปอีกราย เทียนหลางส่งสายตาเย็นชาไปที่ศิษย์ของสำนักไร้ลักษณ์พร้อมกับเอ่ยขึ้น
”ใช่ข้ากล้า และข้าจะฆ่าศิษย์ของสำนักนี้ทีละคนๆจนกว่าเฉียนกุ่ยจะออกมา”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็สะบัดมืออีกครั้งพร้อมกับจำนวนคนตายที่เพิ่มมากขึ้น ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็รีบวิ่งไปแจ้งผู้อาวุโสของสำนักทันที เพราะตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินจะควบคุมเสียแล้ว
ปัง !! ประตูของห้องพักผู้อาวุโสถูกเปิดออกพร้อมกับศิษย์คนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาคุกเข่า
”แย่แล้วผู้อาวุโส มีคนมาโจมตีสำนักของเรา !!”
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยพร้อมกับถามออกไปด้วยความสงสัย
”โจมตี ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไรสำนักของเราไม่เคยสร้างศัตรูที่ไหน ไหนเจ้าลองเล่าเรื่องทั้งหมดมาสิ !!”
”ขอรับ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนมีชายคนหนึ่งบุกเข้ามาที่ทางเข้าใหญ่เขาทำลายป้ายสำนักและทำลายประตูของสำนักเราพร้อมกับถามหาผู้อาวุโสเฉียนกุ่ย ในตอนแรกพวกเราคิดว่าเป็นเพียงแค่คนที่คิดจะมาลองฝีมือกับผู้อาวุโสเท่านั้นเหล่าศิษย์พี่จึงได้ออกหน้า แต่เขานั้นกลับเข่นฆ่าศิษย์พี่พร้อมกับบอกว่าหากพวกเราไม่เรียกผู้อาวุโสเฉียนกุ่ยออกมาเขาจะฆ่าศิษย์ของสำนักเราทีละคน !!”
ศิษย์คนนั้นพูดพร้อมกับร่างกายที่สั่นกลัว ผู้อาวุโสของสำนักที่ได้ยินก็ถึงกับแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับศิษย์คนนั้นว่า
”ในตอนนี้ผู้อาวุโสเฉียนกุ่ยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ไปรบกวนเขาคงจะไปดีสักเท่าไหร่แต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องให้คนไปแจ้งเรื่องนี้กับผู้อาวุโสเฉียนกุ่ย เจ้าจงไปแจ้งเรื่องนี้กับผู้อาวุโสเฉียนกุ่ยส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องที่หน้าประตู”
เมื่อพูดจบผู้อาวุโสคนนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกจากประตูห้องพักไป
ไม่นานนักผู้อาวุโสคนนั้นก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุเมื่อเขามาถึงก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า เพราะประตูทางเข้าที่แต่เดิมเป็นทางเดินหินขาวแต่ตอนนี้มันกลับเหมือนดั่งสนามรบที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและเศษซากศพ ผู้อาวุโสตกใจมากเขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
”เธอเป็นใคร ?”
เทียนหลางเงียบไปตอบอะไร ผู้อาวุโสจึงเปลี่ยนคำถาม
”เธอทำแบบนี้ไปเพราะอะไร ?”
คราวนี้เทียนหลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ราคาที่เหมาะสมที่จะต้องจ่าย”
”ราคาที่เหมาะสม ? ค่าอะไร ?”
ผู้อาวุโสถามด้วยความสงสัย เทียนหลางจึงเอ่ยตอบกลับไปว่า
”เฉียนกุ่ยคิดจะทำร้ายลูกศิษย์ของสำนักข้า และนี่คือราคาที่เขาจะต้องจ่ายจงมอบเฉียนกุ่ยมาและข้าจะปล่อยสำนักของเจ้าไป”
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นกับเทียนหลางว่า
”พ่อหนุ่มดูเหมือนเเธอจะมั่นใจในพลังของตัวเองมากสินะได้ ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสคนนั้นก็ยิ้มก่อนจะปล่อยแรงกดดันจำนวนมหาศาลออกมา แรงกดดันจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมานั้นทำให้บรรยายกาศโดยรอบถึงกับเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
ผู้อาวุโสคนนั้นถึงกับคุกเข่าลงทันทีเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว เทียนหลางจ้องมองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
”มอบเฉียนกุ่ยมาให้ข้า… แล้วข้าจะปล่อยสำนักของเจ้าไป”
ผู้อาวุโสคนนั้นก็ได้แต่เงยหน้ามองเทียนหลางก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทียากลำบาก
”ตะ… ตกลงฉันจะนำเขามาให้กับเธอ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ถอนแรงกดดันออกและปล่อยให้ผู้อาวุโสคนนั้นไปนำตัวของเฉียนกุ่ยมา ซึ่งไม่นานนักก่อนที่ผู้อาวุโสคนนั้นจะนำตัวเฉียนกุ่ยมาให้เขาที่หน้าประตูสำนักซึ่งใบหน้าของเฉียนกุ่ยนั้นตอนนี้ก็มีแต่เครื่องหมายคำถาม
เมื่อเฉียนกุ่ยเห็นหน้าของเทียนหลางเขาก็มองเทียนหลางด้วยความสงสัย เทียนหลางมองใบหน้าของชายชราที่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”แกสินะเฉียนกุ่ย ?”
เฉียนกุ่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็มองเทียนหลางอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับว่า
”ใช่ข้านี่แหละเฉียนกุ่ยเจ้ามีธุระอะไรกับข้า แล้วดูเหมือนว่าเจ้าจะสร้างปัญหาให้กับสำนักของข้าไม่น้อยเลยสินะ”
เทียนหลางมองเฉียนกุ่ยอย่างเงียบๆก่อนจะพูดขึ้น
”เป็นเพียงมดปลวกกลับกล้าที่จะปองร้ายลูกศิษย์ของข้า…”
เฉียนกุ่ยและคนอื่นๆที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็ตกใจเล็กน้อย ทางด้านเฉียนกุ่ยที่ได้ยินว่าเทียนหลางนั้นได้ต่อว่าตนเองเขาก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมที่จะเข้าโจมตีเทียนหลาง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรร่างกายของเฉียนกุ่ยก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ร่างกายของเฉียนกุ่ยค่อยๆบวมขึ้นทีละน้อย ผู้คนรอบข้างเฉียนกุ่ยค่อยๆถอยห่างเล็กน้อยเฉียนกุ่ยเริ่มที่จะรู้สึกเจ็บปวดเขาร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่จะ
โพล๊ะ !!
ร่างกายของเขาแตกกระจายเป็นจนกลายเป็นฝนละอองเลือด ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าเฉียนกุ่ยหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักจะตายโดยที่ยังไม่ทันได้ขยับตัวแบบนี้ คนของสำนักไร้ลักษณ์ต่างมองเทียนหลางด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเห็นว่าเฉียนกุ่ยได้ตายลงแล้วสายตาของเทียนหลางก็เบนไปยังคนของสำนักไร้ลักษณ์ก่อนจะเอ่ยขึ้น
”เจ้าได้ทำตามสัญญาแล้ว ข้าก็จะปล่อยสำนักของเจ้าไป”
เมื่อพูดจบร่างกายของเทียนหลางก็หายไปเหลือทิ้งไว้เพียงฉากอันน่าสยดสยองที่จะตราตรึงในหัวใจของคนของสำนักไร้ลักษณ์ไปอีกนานแสนนาน
———————————————————————————————————————
เทียนหลางกลับมาโผล่ที่บ้านของเขาก่อนจะเดินเข้าไปหาเฟิงหยวนที่กำลังคุยกับหลินจินทงอยู่ด้านใน เขาเอ่ยถามกับเฟิงหยวนว่า
”หลินหลินเป็นยังไงบ้าง”
เฟิงหยวนยิ้มพร้อมกับตอบว่า
”เธอสบายดีทมิฬน้อยช่วยรักษาเธอจนหายดีเชียวละ แล้วทางด้านคุณละ ?”
”จบแล้วละเหลือเพียงเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
เมื่อเทียนหลางพูดจบก็เดินตรงไปยังกระจกทองแดงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลก่อนจะกวาดมือผ่านมันเบาๆกระจกทองแดงก็ส่องแสงออกมาพร้อมกับภาพของเทาเจาที่กำลังนั่งเย็บอะไรอยู่
เมื่อเทาเจาเห็นว่าผู้เป็นอาจารย์ได้ติดต่อมาเขาก็รีบหยุดมือของเขาทันทีและรีบมาที่กระจก
”ท่านอาจารย์”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับเทาเจาว่า
”เจาน้อย เรียกศิษย์น้องทุกคนของเจ้ากลับมาและไปแจ้งถังซานด้วยว่าจัดเตรียมสถานที่สำหรับพิธีเทียนเหอเอาด้วยให้พร้อมด้วย…”
เมื่อเทาเจาได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะแสดงสีหน้าดีใจออกมาพร้อมกับตอบตกลง
”ข้าเข้าใจแล้วท่านอาจารย์ ข้าจะไปตามศิษย์น้องทุกคนกลับมาเอง”