เมื่อคุณนายตงเสวียตอบรับขอของเทียนหลาง เทียนหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยจากนั้นคุณนายตงเสวียก็ได้ถามกับเทียนหลางว่า
“เพียงแต่ว่าฉันจะได้อะไรจากการช่วยเหลือครั้งนี้เหรอคะ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า
“เรื่องนั้นผมคงให้ความยืนยันอะไรไม่ได้มากนัก ทางคุณนายคงต้องไปคุยกับคุณย่าของผม แต่ผมยืนยันได้อย่างหนึ่งก็คือเรื่องนี้คุณได้กำไรอย่างแน่นอน”
คุณนายตงเสวียก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า จากนั้นก็ถามเทียนหลางว่า
“แล้วเรื่องของตระกูลหยูละ คุณหมอมีวิธีจัดการกับพวกนั้นแล้วหรือยัง ?”
เทียนหลางส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามกลับว่า
“คุณพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลหยูบ้างไหม ในฐานะที่เป็นตระกูลโบราณเช่นเดียวกัน”
คุณนายตงเสวียคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดถึงตระกูลหยูให้กับเทียนหลางได้ฟัง คุณนายตงเสวียเล่าว่าตระกูลหยูนั้นแม้จะถูกเรียกว่าตระกูลโบราณแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก หากเทียบระดับกันในบรรยาตระกูลโบราณทั่วประเทศแล้ว ตระกูลหยูถือว่าอยู่ในชั้นรองๆ
แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่ว่าจะสามารถดูถูกตระกูลหยูได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หากเทียบกับตระกูลตงเสวียและตระกูลโบราณอื่นๆ แต่พวกเขานั้นก็ยังมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีบริษัทและเงินทุนมากมาย ทั้งในและนอกประเทศ
และนอกจากนี้ตระกูลหยูนั้นยังรู้จักกับผู้บ่มเพาะจำนวนไม่น้อยอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกหากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหยู
เมื่อคุณนายตงเสวียเล่าจบเธอก็ยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะบอกว่า
“ที่ฉันรู้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ เดิมทีแล้วตระกูลหยูไม่ได้ตั้งอยู่ที่เมืองหลวง ดังนั้นทางตระกูลตงเสวียจึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่รู้สึกว่าเมื่อเร็วๆนี้ดูเหมือนจะมีข่าวว่าตระกูลหยูจะย้ายมาอยู่ในเมืองหลวง”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามคุณนายตงเสวียไปว่า
“พวกนั้นจะย้ายมา ? พวกเขาไม่เกรงว่าจะต้องมีปัญหากับตระกูลโบราณในเมืองหลวงงั้นเหรอ ?”
คุณนายตงเสวียส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่หากดูจากการกระทำของพวกนั้นแล้ว เกรงว่าตระกูลหยูคงมีตระกูลโบราณหนุนหลังอยู่ หรือหากมองอย่างเลวร้ายก็อาจจะมีตระกูลลึกลับช่วยเหลือ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามเกี่ยวกับตระกูลลึกลับ คุณนายตงเสวียจึงบอกว่า
“เรื่องของตระกูลลึกลับนั้นทางเราเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก รู้เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นเป็นคนของสำนักลึกลับ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลูบคางตัวเองเบาๆพร้อมกับคิดเกี่ยวกับสำนักลึกลับ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักลึกลับมากนัก รู้เพียงว่าพวกเขานั้นมีประวัติยาวนานมากกว่าสองร้อยปีเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก
แต่ถึงแม้เทียนหลางจะไม่รู้อะไรมากนัก แต่ที่เขารู้อย่างแน่นอนเลยก็คือหากคนพวกนั้นกล้ายุ่งกับครอบครัวของเขาแล้วละก็ ประวัติศาสตร์สองร้อยปีของพวกเขาคงต้องหยุดลงอย่างแน่นอน
หลังจากเลิกคิดเกี่ยวกับสำนักลึกลับแล้วก็หันไปคุยกับคุณนายตงเสวียต่อ
“เอาเป็นว่าคุณช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลหยู และก็บ้านของพวกเขามาให้ทีนะ”
“ได้เลยคะ”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะกล่าวขอบคุณ หลังจากคุณกันอยู่สักพักคุณหนูตงเสวียโหร่วก็เดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นเทียนหลางก็แสดงสีหน้าดีอกดีใจออกมาทันที
“ไม่คิดว่าคุณชายเทียนจะมาในวันนี้ ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้อยู่ต้อนรับ”
เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็โบกมือเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่มาดูอาการของคุณนาย กับมีเรื่องที่ปรึกษากันนิดหน่อยเท่านั้น”
เมื่อคุณหนูตงเสวียได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“เรื่องต้องปรึกษางั้นเหรอ ?”
“เรื่องเกี่ยวกับตระกูลฉวีนะ”
เทียนหลางเลือกที่จะไม่ปิดบังเธอเพราะยังไงเขาก็เป็นคนมาขอความช่วยเหลือ การจะปิดนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกสักเท่าไหร่
เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามคุณนายตงเสวียว่า
“แล้วได้ข้อสรุปหรือยังคะ ?”
คุณนายตงเสวียพยักหน้าเล็กเพื่อยืนยัน คุณหนูตงเสวียจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นตัวของเทียนหลางก็ลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาเป็นว่าผมตัวก่อนแล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องข้อมูลของตระกูลหยู คุณนายช่วยส่งมาให้ผมทางเมลทีนะครับ”
“ได้แน่นอนคะ”
คุณนายตงเสวียกล่าวพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัยว่า
“แล้วถ้าคุณได้ข้อมูลไปแล้ว คุณจะจัดการกับตระกูลหยูยังไงคะ ?”
เทียนหลางได้ยินคำถามก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มว่า
“พวกที่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกลงโทษเล็กน้อย”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์ไป