เมื่อเทียนหลางกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเฟิงหยวน เธอทำอาหารเย็นรอเขาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากมื้อเย็นจบลงเทียนหลางก็มาคุยกับเฟิงหยวนเรื่องภารกิจที่อเมริกา
เนื่องจากตัวเทียนหลางไม่ได้กลัวว่าใครจะมีความสามารถมากพอในการล้วงข้อมูลจากเฟิงหยวนไปได้ และก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการดักฟังเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขานั้นกล้าที่เล่าเกี่ยวกับภารกิจลับทั้งหมดให้เฟิงหยวนได้ฟัง
อีกหนึ่งเหตุผลที่เทียนหลางเล่าให้เธอได้ฟังก็เพราะนั้นเฟิงหยวนเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดและเป็นคนที่ไว้ใจที่สุดสำหรับเทียนหลาง
หลังจากพูดคุยและดื่มชากันอยู่พักนึงเฟิงหยวนก็ได้เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนอัลคาทาร่าอะไรของคุณจะเป็นตัววุ่นวายน่าดูเลยนะ”
เทียนหลางวางถ้วยชาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ก็นั่นนะซี้ ~ ผมล่ะรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้เกี่ยวกับไอเจ้าองค์กรนี่”
เทียนหลางหยิบคุ้กกี้ขึ้นมากิน ก่อนจะตกใจและอดไม่ได้ที่จะชมออกมาด้วย
“โอ้ ~ อร่อยดีแหะเจ้าคุ้กกี้อันนี้ คุณทำเองงั้นเหรอ ?”
“แน่นอนสิ คุณแม่เป็นคนสอนฉันกับมือเลยนะ”
เทียนหลางพยักหน้าหงึกๆก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า
“ผมรู้สึกว่าไอเจ้าองค์กรนี่มันต้องมีเบื้องหลังอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพวกปีศาจแน่ๆ”
“เพราะรอยสักก่อนหน้านี้งั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนเอ่ยถาม เทียนหลางจึงพยักหน้า
“ใช่ และยังมีไอเจ้าพวกปีศาจที่ไปบุกวาติกันนั่นอีก ผมรู้ว่าอะไรๆในอนาคตจะต้องวุ่นวายแน่ๆเลย”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวกับเทียนหลางด้วยรอยยิ้มว่า
“ถ้างั้นคุณก็จัดการซะสิ คุณเคยเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์เชียวนะ จะมีบ่นอะไรกับเรื่องแค่นี้กัน”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะ
“ผมลาออกจากตำแหน่งแล้วนะ แถมมีคนมารับตำแหน่งแทนแล้วด้วย ฉะนั้นเรื่องทุกอย่างมันไม่ควรจะเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปจัดการสิ”
เฟิงหยวนหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า
“พึ่งลงมาอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน อย่าขี้เกียจนักเลย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับถอนหายใจออกมา
“จ้า จ้า”
เทียนหลางลุกขึ้นด้วยท่าทีห่อเหี่ยวก่อนจะเอาแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจออกมาและอ่านมันเล็กน้อย เพราะเขานั้นรู้สึกสนใจในตัวของแม่สาว อาเซีย ดีย์ พาเลร่า แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจหน้าตาของเธอ แต่สนใจเจ้าเซรุ่มที่เธอเป็นคนผลิตต่างหาก
แม้ว่าเทคโนโลยีของโลกใบนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกใบนี้เป็นที่ซ่อนของอะไรดีๆหลายต่อหลายอย่างมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรล้ำค่า แร่หายาก และเทียนหลางคาดว่าในอนาคตเขาคงจะต้องเจออะไรอย่างอื่นอีกแน่นอน มันทำให้เขานั้นเริ่มที่จะสงสัยขึ้นมานิดหน่อยแล้วว่า
ทำไมดวงดาวดวงเล็กๆที่อยู่ในระดับต่ำสูดดวงนี้ถึงได้มีทรัพยากรล้ำค่าพวกนี้ซ่อนเอาไว้อยู่ แต่ถึงเขาจะคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจึงเลิกที่จะสนใจมันและหันไปสนใจเซรุ่มที่ตัวด็อกเตอร์อาเซียพัฒนา
ดูเหมือนว่าเจ้าเซรุ่มสุดยอดทหารอะไรนี่จะขายได้ราคาดีมากในตลาดมืด ทางองค์กรอัลคาทาร่าจึงคิดจะขายมันเพื่อหาเงินทุนเข้าองค์กรสินะ
แต่เมื่อคิดแบบนั้นเทียนหลางก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีเหตุผลสักเท่าไหร่ แม้เซรุ่มนี่จะขายได้ราคาดีก็จริง แต่องค์กรใหญ่อย่างพวกมันน่าจะมีหนทางที่ดีกว่านี้ในการหาเงินเข้ากระเป๋า
ไม่น่าจะเอางานวิจัยลับแบบนี้มาขายกันได้ง่ายๆ เทียนหลางลูบคางครุ่นคิด
“หรือว่าจะมีคนทรยศในหมู่คนพวกนั้นกันนะ ?”
เทียนหลางคาดการณ์ก่อนจะตัดสินว่าข้อนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด และคนที่ทรยศองค์กรก็คงไม่พ้นตัวของ
ด็อกเตอร์ อาเซีย ดีย์ พาเลร่า เองนั่นแหละ
เพราะโดยปกติแล้วตัวนักวิจัยหรือเจ้าของผลงานคงจะไม่มาเข้าร่วมงานประมูลผลงานของตัวเองหรอก เพราะมันจะเสี่ยงต่อการถูกลักพาตัวหรือถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไปและถูกบังคับให้ทำงานวิจัย หรือหากเลวร้ายหน่อยก็โดยฆ่า
แต่นี่เจ้าตัวกลับมาที่งานเองเลย แม้จะมั่นใจระบบบอดี้การ์ดมากแค่ไหนก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องผิดพลาด
เทียนหลางที่คิดได้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองภารกิจครั้งนี้เปลี่ยนไป
“ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นสะแล้วสิ”