ในขณะที่เทียนหลางกำลังคิดเกี่ยวกับตัวตนของด็อกเตอร์ พาเลร่า เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะกุมขมับพร้อมกับร้องออกมา
“ให้ตายสิ ฉันลืมเรื่องการไปดูงานที่ทะเลทรายได้ยังไงกัน”
ดูเหมือนว่าตารางงานของเขากับของทางมหาลัยจะตรงกันเสียแล้ว แน่นอนว่าลู่หมิงอยากจะไปสำรวจโบราณสถานที่ทะเลทรายโกบี เพราะเขาสนใจเรื่องโบราณสถานของโลกนี้อยู่อยากจะดูสักครั้ง
แต่ดันกลายเป็นว่าการเดินทางนั้นตรงกับวันเวลาในช่วงที่เขากำลังทำภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศพอดี ดังนั้นอาจทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางอยากจะไปทะเลทรายโกบีก็คงเพราะเขาได้จ่ายค่าสมัครเดินทางไปแล้วหนึ่งหมื่นหยวน และเขาก็ไม่อยากจะเสียเงินไปฟรีๆด้วย
เทียนหลางเกาหัวตัวเอง
“ดูเหมือนจะต้องรีบทำงานให้มันเสร็จเร็วๆสะแล้วสิ”
นอกจากการทำภารกิจสำเร็จโดยเร็วแล้วคงไม่มีวิธีอื่นที่จะสามารถทำให้เขากลับมาเข้าร่วมกับหน่วยสำรวจได้ทันแน่ๆ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังคงโทรไปหาเลขาไป๋ให้ช่วยพูดกับทางมหาลัยให้สักหน่อยว่าตัวเขานั้นอาจจะไปเข้าร่วมการสำรวจระหว่างทางเพราะติดภารกิจ
ซึ่งแน่นอนว่าทางเลขาไป๋ตอบรับว่าจะไปพูดกับทางมหาลัยให้และบอกกับเขาอีกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ให้โฟกัสไปที่ภารกิจแทน
“เรื่องทางมหาลัยก็เคลียร์แล้ว มีเรื่องไหนที่ต้องจัดการก่อนไปอีกไหมนะ ?”
เทียนหลางเคาะโต๊ะพลางครุ่นคิดเขาอยากจะจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทางไปทำภารกิจเพราะคาดว่า ภารกิจนี้คงจะใช้เวลานานและระหว่างนั้นอาจเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นได้ ทำให้เขาอยากจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน
แน่นอนว่าเขามีเฟิงหยวนคอยช่วย แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังคงอยากจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่ดี
ในที่สุดเทียนหลางก็นึกขึ้นได้ เขาหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรหาซ่านฉินบอกให้เขามาที่นี้ในทันที แน่นอนว่าเมื่อซ่านฉินได้รับสายของเทียนหลางต่อให้เขาอยู่ต่างประเทศก็ต้องรีบนั่งเครื่องกลับมา
ไม่ถึงชั่วโมงซ่านฉินก็มาถึงหน้าบ้านของเทียนหลางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้ามาผ่านประตูจากสวนด้านข้างที่พึ่งสร้างไว้ได้ไม่นานเนื่องจากมันคงไม่ดีนักถ้าหากจะให้ใช้ตัวบ้านเป็นเพียงทางผ่านที่จะเข้ามายังสวนด้านหลัง
เมื่อซ่านฉินมาถึงเขาก็รีบเข้ามาทักทายเทียนหลางทันที
“บอสครับผมมาแล้ว”
เนื่องจากซ่านฉินเห็นว่าเทียนหลางกำลังจดๆเขียนๆอะไรบางอย่างอยู่เขาจึงไม่ได้รบกวนและทำเพียงกล่าวทำความเคารพเท่านั้นและยืนรอเทียนหลางอย่างใจเย็น ไม่กี่นาทีต่อมาเทียนหลางก็ได้วางปากกาลงก่อนจะพลิกหน้ากระดาษไปมาและยื่นมันให้ซ่านฉิน
ซ่านฉินรับสมุดทั้งสองเล่มมาอย่างงุนงงก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“สมุดนี่คืออะไรงั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆว่า
“เล่มสีเหลืองนั่นนายเอาไปให้พวกลูกน้อยฝึกซะ ส่วนเล่มสีเขียวก็เป็นของนาย”
ซ่านฉินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเนื้อหาภายในสมุดทั้งสองเล่มนั้นคืออะไร มันคือเทคนิคการบ่มเพาะนั่นเอง เมื่อได้รู้แบบนั้นซ่านฉินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณเทียนหลาง
“ขอบคุณครับบอส !!”
เทียนหลางโบกมือก่อนจะพูดว่า
“ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นแค่พวกเทคนิคพื้นฐานที่พวกนายจำเป็นจะต้องรู้เท่านั้น”
“ครับบอส”
ซ่านฉินกล่าวก่อนจากเทียนหลางก็ได้ฝากให้ซ่านฉินดูแลธุรกิจทุกอย่างให้ดีและพยายามขยายอิทธิพลของศาลาไปยังจังหวัดอื่นๆหากเป็นไปได้ก็ขยายไปให้ทั่วประเทศ
ซ่านฉินตอบรับคำทันทีก่อนจะขอตัวกลับไปจัดการกับงานต่อ หลังจากซ่านฉินกลับไปเทียนหลางก็เริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆที่ควรจะจัดการให้เสร็จ
เมื่อคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องสะสางแล้วเขาก็จะเดินทางไปทำภารกิจได้อย่างสบายใจสักที
สามวันต่อมาที่สนามบิน JFK
เทียนหลางถือกระเป๋าเดินทางอย่างง่ายๆมาพร้อมกับพาสปอร์ตตรงมายังจุดตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คดูประวัติการเดินทางเล็กน้อยก่อนจะถามกับเทียนหลางออกมาว่า
“คุณเดินทางทำมาอะไรที่นี่งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษอันคล่องเคล่ว
“มาเที่ยวน่ะ”