เมื่องานประมูลเริ่มขึ้นทุกอย่างก็กลายเป็นคึกคักขึ้นมาทันที มีสินค้ามากมายถูกนำขึ้นมาประมูล แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นวัตถุโบราณ ผลงานศิลปะ และเครื่องประดับเพชรพลอย
ซึ่งของเหล่านี้ไม่ได้เรียกความสนใจให้กับเทียนหลางเลยสักนิด มีเพียงแอนเดียร์เท่านั้นที่ดูจะตื่นเต้นกับมันจนเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ทำไมคุณดูตื่นเต้นกับขยะพวกนี้จัง ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะหันมาถามกับเทียนหลางด้วยสายตาดูแคลนเล็กน้อย
“นี่คุณไม่รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ในสิ่งของพวกนั้นเลยงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าทันที
“ผมต้องรู้สึกด้วยเหรอ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาทันที
“เฮ้อ ~ คุณนี่น้า ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยวัตถุโบราณเหล่านั้นมีอายุมากกว่า 100ปี มันสามารถช่วยพวกเราในการศึกษาประวัติศาสตร์โลกได้เป็นอย่างมากเลยนะ”
“ในฐานะที่ฉันเลยเรียนเอกประวัติศาสตร์มาก่อนฉันยอมรับไม่ได้จริงๆที่สิ่งพวกนี้ต้องมาถูกประมูลไปโดยพวกคนรวยโง่เง่าที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน”
แอนเดียร์พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง ทางด้านเทียนหลางเองก็ทำได้เพียงแค่ยักไหล่เท่านั้น จากนั้นแอนเดียร์ก็หันมาถามกับเทียนหลาง
“คุณเองก็เรียนประวัติศาสตร์ ทำไมคุณถึงไม่สนใจในของพวกนี้กันล่ะ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเกาหัวตัวเองพร้อมกับบอกออกไปว่า
“ที่ผมเลือกเรียนเพราะมันดูจะเป็นสาขาที่มีเวลาว่างมากที่สุด เพื่อที่ผมจะได้ใช้ชีวิตสบายๆโดยไม่ต้องสนใจเรื่องเกรดมากนัก”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมาทันที และเลิกที่จะสนใจเทียนหลางและเฝ้าดูงานประมูลต่อไป
งานประมูลดำเนินไปจนถึงช่วงท้ายแล้วแต่เซรุ่มที่ทั้งคู่เฝ้ารอยังไม่ออกมาเลย เทียนหลางจึงคาดว่าเซรุ่มนั่นคงจะออกมาเป็นสินค้าชิ้นสุดท้ายอย่างแน่นอน
ในขณะนั้นเองพนักงานของโรงประมูลก็ได้นำรถเข็นที่ถูกคลุมผ้าเอาไว้ขึ้นมาบนเวที หญิงสาวยิ้มออกมาพร้อมกับพูดถึงสินค้าชิ้นต่อไป
“เอาล่ะค่ะ ในที่สุดเราก็มาถึงช่วงสุดท้ายของงานประมูลกันแล้ว ซึ่งงานประมูลช่วงนี้จะเป็นการประมูลสินค้าที่อยู่ในลิสสินค้าพิเศษที่ทางเราจัดขึ้น แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางประการทำให้สิ่งของชิ้นนี้ถูกนำเข้ามาร่วมประมูลในชั่วโมงสุดท้าย จึงทำให้มันไม่อยู่ในลิสรายชื่อสินค้า”
“ฉะนั้น ดิฉันจะขออธิบายรายละเอียดของสินค้าชิ้นนี้ให้แก่ทุกท่านได้ฟัง”
จากนั้นพนักงานก็ได้เปิดผ้าคลุมรถเข็นออกเผยให้เห็นกล่องไม้ลวดลายสวยงามใบหนึ่ง เมื่อทุกคนได้เห็นกล่องไม้ก็ต่างตีความกันไปต่างๆนาๆทันที
“สมบัติของราชวงค์หรือเปล่า ?”
“อาจจะเป็นเพชรระดับสูง”
“ไม่แน่อาจจะเป็นเครื่องประดับที่หายสาปสูญก็ได้นะ”
เมื่อกล่องใบนั้นถูกเปิดออกก็เผยให้เห็นยันต์สีทองประกายสองใบถูกบรรจุอยู่ในกล่อง ทุกคนต่างสับสนงงงวยเป็นอย่างมากเพราะทุกคนต่างคิดกันไปว่าของภายในกล่องไม้นั้นต้องเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน
แต่ไหงกลับกลายเป็นกระดาษที่เขียนด้วยตัวอักษรอะไรก็ไม่รู้เสียได้ หลายคนรู้สึกผิดหวังกับมัน แต่มีเพียงไม่กี่คนโรงประมูลเท่านั้นที่รู้สึกบางอย่างกับกระดาษยันต์ภายในกล่อง
ทางด้านแอนเดียร์เองก็ได้หันมามองเทียนหลางทันทีพร้อมกับถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณเอายันต์พวกนั้นไปขายงั้นเหรอ !?”
เทียนหลางยักไหล่
“อาห่ะ ทำไมเหรอ ?”
เทียนหลางถามกลับไปทันที แอนเดียร์ชะงักก่อนจะตอบกลับ
“ก็ไม่ใช่ไม่ได้หรอก แต่เราตกลงซื้อขายยันต์นั่นกันแล้วนี้ คุณจะผิดสัญญางั้นเหร ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างสบายๆว่า
“ถึงผมจะไม่ใช่คนดี แต่ผมก็รักษาสัญญาเสมอนะไอยันต์ระดับต่ำพวกนั้นผมจะเขียนออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมต้องกังวลกับมันด้วยล่ะ ถ้าหากมันสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าโล่งใจออกมาก่อนจะมองมาที่เทียนหลางด้วยความสงสัย
‘เขียนออกมาเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ ของแบบนั้นเนี้ยนะ ?’