เทียนหลางจ้องมองดร.พาเลร่าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว และนั่งลงตรงข้ามเธอก่อนจะหยิบเส้นด้ายสีน้ำเงินเส้นหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ยื่นแขนข้างที่ถนัดออกมา”
ดร.พาเลร่าสับสนเล็กน้อยกับคำพูดของเทียนหลางแต่เธอก็ยังคงยื่นแขนซ้ายออกไป
เทียนหลางจ้องมองแขนอันขาวเนียนของเธอเล็กน้อยก่อนจะนำเส้นด้ายนั้นมาผูกที่ข้อมือของเธอ พร้อมกับถามเธอว่า
“เธอพูดภาษาจีนได้หรือเปล่า ?”
ดร.พาเลร่าพยักหน้า เทียนหลางจึงพูดต่อว่า
“ดูเหมือนว่าตัวเธอจะถูกพาไปที่วาติกันอะนะ”
ดร.พาเลร่าได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ
“นายทำงานให้กับวาติกันงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้า
“ฉันทำงานให้กับรัฐบาลจีน ถึงจะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวก็เถอะ”
“ลูกจ้างชั่วคราว ?”
ดร.พาเลร่าเอียงคอสงสัย แต่เทียนหลางก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรจากนั้นเทียนหลางก็พูดต่อว่า
“ถ้าหากเธอคิดว่าที่นั่นไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ ให้เธอทำลายด้ายนี่ซะมันจะพาเธอมาหาฉันเข้าใจนะ”
ดร.พาเลร่าได้ยินที่เทียนหลางพูดก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย แต่เธอก็ยังคงพยักหน้ารับฟังและมองด้ายที่สีน้ำเงินที่ผูกอยู่ที่ข้อมือของเธอ
“นาย…”
ดร.พาเลร่าเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่การสนทนานั้นก็ถูกขัดจังหวะเอาไว้โดยแอนเดียที่เดินเข้ามา
“นี่ฉันได้คุยกับทางวาติกันแล้ว ดูเหมือนว่าดร.พาเลร่าจะต้องมาอยู่ในการดูแลของทางเราสักพักเนื่องจากเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บุกโจมตีวาติกันเมื่อครั้งก่อน”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามกลับ
“แล้วจะเดินทางตอนไหนล่ะ ?”
แอนเดียคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“หลังจากเก็บข้าวของเสร็จก็ว่าจะเดินทางเลย คุณอยากจะให้ฉันแวะส่งคุณที่ประเทศจีนหรือเปล่า ?”
“ไม่ล่ะ คุณแวะส่งผมที่ศูนย์การค้าแถวๆนี้แล้วกัน เพราะผมคงจะต้องซื้อของฝากกลับไปที่บ้านเสียหน่อย”
“เข้าใจแล้ว”
แอนเดียพยักหน้าก่อนจะเดินกลับออกจากห้องครัวไป หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงแอนเดียและทีมงานก็ได้ทำการเก็บข้าวของของพวกเขาเสร็จ ดูเหมือนภารกิจลับของพวกเขาจะเสร็จก่อนที่จะทันได้เริ่มเสียอีกเพราะตลอดระยะเวลาของภารกิจพวกเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
แอนเดียมาส่งเทียนหลางที่ห้างสรรพสินค้า NY ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
เทียนหลางเดินวนอยู่ที่นั่นประมาณสองชั่วโมงเพื่อเลือกซื้อของฝากก่อนจะเดินออกมา และขึ้นไปที่ดาดฟ้าของตึกๆหนึ่งเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ในจังหวะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เทียนหลางเดินไปที่ริมระเบียงก่อนจะก้มหน้าลงไปมองด้านล่างก็พบกับเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังรุมทำร้ายเด็กหนุ่มผิวสีคนหนึ่งอยู่ ซึ่งเด็กหนุ่มผิวสีคนนั้นกำลังพยายามป้องเด็กผิวสีอีกคนที่ร่างกายเล็กกว่าดูเหมือนว่าเด็กผิวสีตัวเล็กคนนั้นคงจะเป็นน้องชายของเด็กที่กำลังโดนรุมทำร้าย
เทียนหลางเฝ้ามองเหตุการณ์นั้นอย่างสนอกสนใจ หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มพวกนั้นจะเริ่มหมดแรง เด็กหนุ่มผิวสีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหมดแรงเขาก็รีบพุ่งตัวเข้าต่อสู้กับอีกฝ่ายทันที แต่ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอมของเขาทำให้เขาแทบจะไม่มีเรี้ยวแรงจะสวนกลับเลย
เทียนหลางลูบคางของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะขยับนิ้วมือเบาๆ
กลุ่มเด็กหนุ่มอันธพาลพวกนั้นก็ล้มลงทันทีสร้างความงุนงงสับสนให้กับเด็กผิวสีทั้งสองคนเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นตัวของเทียนหลางก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของทั้งสองคน ทำเอาทั้งคู่ถึงกับตกใจล้มลงไปกับพื้น
เทียนหลางเดินเข้าไปใกล้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มพร้อมกับพูดออกมา
“แม้ตัวเองจะอ่อนแอ แต่เธอปกป้องน้องชายได้อย่างกล้าหาญ ช่างน่านับถือยิ่งนัก”
เมื่อเทียนหลางพูดจบเขาก็นำเม็ดยาสีฟ้าครามออกมาสองเม็ดและยื่นมันให้กับเด็กผิวสีทั้งสองคน ก่อนจะพูดออกมาว่า
“นี่คือของขวัญสำหรับบุคคลผู้กล้าหาญ ทานมันซะและมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเธอ”
เมื่อทั้งสองคนรับเม็ดยาสีฟ้าครามไปแล้ว เทียนหลางก็หายตัวไปจากตรงนั้นทันทีสร้างความประหลาดใจให้กับเด็กทั้งสองคนอีกครั้ง พวกเขามองหน้ากันพร้อมกับคำถามที่พรั่งพรูออกมา
เทียนหลางมาปรากฏตัวที่หน้าบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่ เมื่อทั้งสองคนเห็นเทียนหลางหอบถุงอะไรบางอย่างมาเต็มมือก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะน่ะลูก ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับตอบกลับ
“พอดีว่าผมได้ไปทำงานที่ต่างประเทศมานิดหน่อยก็เลยซื้อของฝากมาฝากครับ”
แม่ของเทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะรับของทั้งหมดมา
“ลูกคงเหนื่อยไปอาบน้ำและพักผ่อนเถอะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เทียนหลางพูดพร้อมกับยิ้มก่อนจะเดินไปที่เรือนด้านหลังเพื่อกลับไปพักผ่อน