POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) – ตอนที่ 199

ตอนที่ 199

EP 199 เกิดเหตุวิกฤติร้ายแรง! ความช่วยเหลือจากดงซูบิน

By loop

ณ บ้านพักคณะกรรมการของเมืองปักกิ่ง

วิลล่าหลังที่ 1

เสี่ยวห่าวนั้นไม่มีกุญแจเข้าวิลล่าและจำเป็นต้องกดออด เขากำลังคุยกับดงซูบิน เมื่อตอนที่เสี่ยวหลาน เปิดประตูให้พวกเขา เธอแต่งกายด้วยชุดสูทผู้หญิงสีดำรองเท้าส้นสูงและผมของเธอมัดอย่างสวยงาม มันนานมากแล้วที่ดงซูบินไม่ได้พบกันเธอ และเขาสังเกตเห็นว่าเสี่ยวหลานนั้นดูสวยขึ้น หัวใจของดงซูบินเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆและมองเธอจากบนจรดปลายเท้าโดยไม่รู้ตัว

เสี่ยวหลานยิ้มออกมาเมื่อพบกับดงซูบิน “คุณมาถึงแล้ว.”

“ เสี่ยวหลาน” ดงซูบินเปลี่ยนวิธีที่เขาพูดกับเธอ ท้ายที่สุดเขาควรจะเป็น ‘แฟน‘ ของเสี่ยวหลานและมันจะแปลกถ้าเขาเรียกเธอว่าพี่เสี่ยว

“ เข้ามาแม่ของฉันอยู่ชั้นบนอยู่เลย แต่อีกสักพักก็คงจะลงมา” เสี่ยวหลานพาดงซูบินเข้ามาในบ้าน

ดงซูบินก้าวเข้ามาในบ้านอย่างระมัดระวังและมองไปรอบ ๆ “ เอ่อ…เลขาธิการเสี่ยว ไม่อยู่เหรอ”

เสี่ยวหลานพยักหน้า “ คณะกรรมการพรรค กำลังมีการประชุมในขณะนี้ เขาอาจจะไม่กลับมาในคืนนี้ เสี่ยวห่าวไปเอาชามาถ้วยหนึ่งให้พี่ชายของนายเร็วเขา”

“ครับ!”เซี่ยวห่าววิ่งไปหากาต้มน้ำไฟฟ้าดงซูบินนั่งลงบนโซฟาและเสี่ยวหลาน ก็หัวเราะเยาะเขา “ อย่าทำตัวแข็งทื่ออย่างงั้นได้ไหม” ดงซูฐินพยักหน้าและพยายามผ่อนคลายร่างกายของเขา เขาถามเบา ๆ “ พี่สาวเซี่ยว ผมควรพูดยังไงดี” เซี่ยวหลาน มองไปที่เขาและหัวเราะ “ แค่พูดในสิ่งที่คุณต้องการพูด อย่าไปคิดมาก…ฮ่า ๆ ๆ คุณคิดถึงฉันไหม” “ฮะ?” ดงซูบินไม่คาดคิดว่าเธอจะถามเรื่องนี้อย่างกะทันหันและหน้าแดงขึ้นมาทันที “ครับ.”

เสี่ยวหลานจับมือดงซูบิน “ ฮ่าฮ่า…คุณคิดถึงฉันมากแค่ไหนกัน? ทำไมฉันมองไม่เห็นว่าคุณคิดถึงฉันเลย”

“ เอ่อ…ผมคิดถึงคุณมาก”

“จริงๆ?”

“ใช่!”

เสี่ยวหลานดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบและรอยยิ้มของดงซูบิน

ดงซูบินไม่สามารถบอกได้ว่าเสี่ยวหลาน กำลังคิดอะไรอยู่และไม่รู้ว่าเธอปฏิบัติต่อเขาในฐานะแฟนจริงๆของเธอ หรือแค่ใช้เขาในการหยุดครอบครัวไม่ให้บังคับให้เธอแต่งงาน แต่ถ้าเธอถือว่าดงซูบินเป็นโล่ให้กับเธอ ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้เมื่อแม่ของเธอไม่อยู่? ถ้าเธอคิดกับดงซูบินเป็นแฟนจริงๆทำไมน้ำเสียงและท่าทีของเธอออดอ้อนและดูเอาแต่ใจขนาดนี้? ดงซิบน ยังไม่รู้สึกถึงความตั้งใจของเธอที่ต้องการมีความสัมพันธ์กับเขา พี่สาวเสี่ยว …คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณช่วยบอกผมได้ไหม?

หลังจากนั้นไม่นานแม่ของเสี่ยวหลาน ก็ยังไม่ลงมาสักที่

เสี่ยวหลาน ขมวดคิ้วขณะที่เธอจิบชาช้าๆ

ดงซูบินรู้ว่าแม่ของเสี่ยวหลานอาจไม่เห็นด้วยที่เขาคบกับเสี่ยวหลานและตั้งใจให้เขารอ

หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีฮันจิงแม่ของเสี่ยวหลานก็ลงมาจากชั้นบนอย่างช้าๆ เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่ดูหน้าตาละม้ายคล้ายกับเสี่ยวหลานมาก เธอสวมชุดเดรสยาวและนิสัยของเธอคล้ายกับเสี่ยวหลาน แต่เธอดูอ่อนโยนกว่า ซึ่งต่างจากเสี่ยวหลานที่มีความเอาแต่ใจ และใบหน้าของเธอดูคมกว่ามาก

เสี่ยวห่าวที่กำลังดูเกมฟุตบอลวางรีโมทคอนโทรลและทักทายแม่ของเสี่ยหลานทันที “ สวัสดีครับคุณน้า”

ดงซูบินรีบวางถ้วยชาและลุกขึ้นยืน “ สวัสดีครับคุณน้า”

เสี่ยวหลานหัวเราะ “ เขาคือดงซูบิน”

หานจิงยิ้มและพยักหน้า “นั่งก่อน. ฉันเองก็อยากขอบคุณ คุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวของฉันไว้”

ดงซูบินยิ้มอย่างเชื่องช้า “ อย่าพูดถึงมัน”

“ คุณชินกับสภาพแวดล้อมการทำงานในระดับรากหญ้าสินะ” หานจิงมองไปที่เขาและถาม

“ขอบคุณสำหรับคำถาม. ทุกอย่างปกติดีครับ.”

ทุกอย่างดูดีเมื่อพวกเขาคุยกันสักพัก แต่ดงซูบินรู้ว่านี่เป็นเพียงพื้นผิวเท่านั้น หานจิงทำเหมือนว่าเธอต้อนรับ แต่ดงซูบิน สามารถบอกได้จากสายตาของเธอว่าเธอกำลังตัดสินเขาและเธอดูไม่ชอบเขาเลย

ดงซูบินเดาถูก หานจิงไม่พอใจเขาเหว่ยหนานเช่นกันนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเสี่ยวหลาน ในแง่ของรูปลักษณ์และภูมิหลังของครอบครัว ดงซูบินไม่สามารถเทียบกับเขาได้ หานจิงรู้สึกว่าดงซูบินไม่คู่ควรกับลูกสาวของเธอเลยและทั้งสองก็อยู่กันคนละระดับ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ดงซูบินได้ช่วยเสี่ยวหลาน และ หานจิงก็รู้สึกขอบคุณเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่แสดงความไม่พอใจบนใบหน้าของเธอ

เสี่ยวห่าวไม่สามารถบอกได้ว่าหานจิงกำลังคิดและพูดอะไร “ คุณน้า ไม่รู้หรอกว่าพี่เขยของผมมีความสามารถแค่ไหน มันเกือบจะเหมือนนิทานจากหนังสือนิทานเมื่อตอนที่เขาช่วยพี่สาวจากการจมน้ำ….” เขายังคงพูดกับดงซูบินในฐานะพี่เขย

หานจิงหยุดยิ้ม “ อย่าเรียกเขาว่าพี่เขย”

เสี่ยวห่าว ไม่สนใจและตอบกลับ “ มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”

หานจิงไม่สามารถทำอะไรหลานชายของเธอได้และไม่ได้ตำหนิเขาเพราะเธอรู้ว่าเสี่ยวห่าวฟัง เสี่ยวหลานเท่านั้น

ดงซูบินรู้สึกลำบากใจและเปลี่ยนหัวข้อ “ โอ้ คุณน้าครับพอดีผมเอาของฝากมาให้ด้วย” เขาหยิบถุงกระดาษข้างตัวแล้วส่งให้หานจิง “ ผมขอให้คุณน้ามีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว”

หานจิงมองไปที่เสี่ยวหลานนี่คือ ‘ของขวัญจากลูกเขยในอนาคต” ใช่ไหม เสี่ยวหลานอยากอยู่กับดงซูบินจริงหรือ? “ ซูบินฉันขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณมาก แต่ฉันขอไม่รับมันไว้ คอยเอามาให้ฉันหลังจากนี้ล่ะกัน” หานจิงยังไม่ได้ตกลงในความสัมพันธ์ของพวกเขาและจะไม่รับของขวัญใด ๆ จากดงซูบิน

ดงซูบินกล่าว “ คุณน้านี่เป็นเพียงของขวัญชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น…”

หานจิงโบกมือและปฏิเสธที่จะยอมรับมันไว้

เสี่ยวห่าว กล่าวอย่างตื่นเต้น “ น้าครับพี่ซูบินก็ไม่ใช่คนนอกทำไมถึงรับไม่ได้? ผมขอดูหน่อยว่าของขวัญนั้นคืออะไร” เสี่ยวห่าว รู้ว่า พี่สาวเรียกเขาว่าอะไรในวันนี้ เสี่ยวหลานต้องการให้เขาทำให้สถานการณ์นี้มีชีวิตชีวาขึ้น เสี่ยวห่าวรีบหยิบกล่องออกจากถุงกระดาษและตะลึง “ โสมป่า?”

เสี่ยวหลานรู้สึกประหลาดใจและหัวเราะ “ คุณนี้เลือกซื้อของฝากได้ดีจริงๆเลย”

ดงซูบินมองไปที่พวกเขาอย่างงงงวย

เสี่ยวหลานอธิบาย “ แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีหมอแนะนำให้เธอกินโสมป่าเพื่อปรับสภาพร่างกาย มันจะดีกว่าถ้าโสมป่ามีอายุมากกว่า 30 ปี แต่โสมป่านั้นหายากและส่วนใหญ่เป็นโสมที่ปลูกขึ้นมาเอง แม้จะมีโสมป่าขายอายุราว ๆ 10 ปี จะไม่มีใครขายโสมป่ารุ่นที่มีอายุมากๆเช่นนี้ ฮ่าฮ่า…สองสามวันนี้ฉันกำลังตามหาโสมป่าอยู่เลย”

เสี่ยวห่าวถาม “ พี่ซูบินครับโสมป่านี้มีอายุเท่าไหร่แล้ว”

ดงซูบินตอบ “ อายุ 50 ปี”

ตาของหานจิงกระตุก อายุ 50 ปี? กล่องนี้ควรมีราคาอย่างน้อย 100,000 หยวน

เสี่ยวหลานเองก็รู้ว่าดงซูบินร่ำรวยและไม่แปลกใจ

หานจิงถูกล่อลวง แต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับมัน “มันแพงเกินไป.”

เสี่ยวหลานตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น “ น้าครับ พี่ซูบินคือลูกเขยในอนาคตของคุณ น่าไม่ต้องสนใจหรอกว่าราคามันจะแพงขนาดไหน”

เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะ “ถูกตัอง. เงินจำนวนนี้ไม่ใช้เรื่องน่ากังวลสำหรับซูบิน ก่อนหน้านี้เราไปงานวัดที่หลิวฉาง ซูบินซื้อชามโบราณใบเล็กซึ่งหนูคิดว่าเป็นของปลอม แต่เมื่อเราไปที่หรงเป่าฉีเพื่อขายมันพวกพ่อค้าเสนอเงินหลายแสนสำหรับชามนั้น ตอนนี้เขามีเงินมากกว่าหนูเสียอีก”

ดงซูบินผลักกล่องโสมป่าไปข้างหน้า “ คุณน้าโปรดยอมรับของชิ้นนี้ไว้เถอะ”

หานจิงลังเลอยู่พักหนึ่ง โสมป่าอายุ 50 ปีหายากซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ในขณะที่เธอต้องการโสมป่าเพื่อปรับปรุงสุขภาพของเธอในที่สุดเธอก็ยอมรับมันในที่สุด “ ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณนะซูบิน” ความประทับใจของเธอที่มีต่อดงซูบินดีขึ้น ไม่มีใครสามารถแจกของขวัญมูลค่ามากกว่า 100,000 หยวนได้

แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด … โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นเริ่มดังขึ้น

หานจิงเดินมาและแล้วตอบด้วยถ้อยสง่างาม เธอพูดโทรศัพท์สักพักแล้วหันไปหาเสี่ยวหลานหลังจากที่เธอวางสาย “ พ่อของลูกประชุมวันนี้อาจจะกลับดึกและอาจจะไม่กลับมาทานอาหารเย็น อย่ารอเขาเลย” หลังจากนั้นเธอก็หันไปหาดงซูบิน “ซูบินวันนี้เธอก็ทานอาหารเย็นที่นี้ด้วยกันเลยสิ”

ดงซูบินตอบกลับอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรขอบคุณครับ. ผมคิดว่ามันจะเป็นการรบกวนคุณ”

หานจิงหัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ฝีมือการทำอาหารของฉันคงจะแย่มากเลยสินะจนเธอปฏิเสธ”

“ ไม่เลยครับ…ผมกลัวว่าจะทำให้คุณน้าลำบาก”

“ทุกอย่างปกติดี.” หานจิงมองนาฬิกาของเธอแล้วพูด “ ฉันจะเตรียมอาหารเย็นเดี๋ยวนี้ เธอและพวกเด็ก ๆ รออยู่ที่นี้ล่ะกันนะ”

เสี่ยวหลานยิ้มและยืนขึ้น “ให้หนูช่วยแม่นะ.”

หานจิงมองไปที่ลูกสาวของเธอ “ โอ้วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกเหรอ” เธอพูดก่อนจะเดินเข้าไปในครัว

เสี่ยวหลานเดินตามแม่ของเธอเข้าไปในครัวและถาม “ แม่ประทับใจอะไรในตัวของซูบินหรอ?”

“แล้วลูกคิดว่ายังไงล่ะ?” หานจิงเหลือบมองเซียวหลานและหยิบผักออกมาจากตู้เย็น เธอบ่นในขณะที่เธอกำลังล้างผัก “ แม่ไม่รู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็คงไม่ใช่แค่การคบกับเขาเพราะว่าเขาช่วยชีวิตลูกใช่ไหม? บอกตามตรงว่าลูกกับเขานั้นไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย ทั้งหน้าตาสถานะอายุ ฯลฯ มันช่างแตกต่างจากเขาเหลือเกินเสี่ยวหลานลูกแม่ แม่บอกตรงๆว่า ลูกอยากคบกับซูบินจริงๆเหรอ?”

เสี่ยวหลานหรี่ตาและถามแม่ของเธอกลับ “แล้วแม่คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

หานจิงถอนหายใจ “ แม่ต้องคุยกับพ่อของลูกก่อนนะ”

เสี่ยวหลานรับทราบและไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ โอ้ลูกเป็นคนซื้อโสมป่านั่นให้ซูบินเอามาให้แม่สินะ?”

เสี่ยวหลาน หัวเราะ “ ไม่ หนูไม่รู้ด้วยว่าซูบินเอาโซมป่านั้นมาจากไหน”

“อ๋ออย่างงั้นหรอ.” หานจินตอบ “ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ แน่นอนเขาไม่ใช่คนธรรมดา อีกทั้งเขายังมีความสามารถอีกด้วย”

ในระหว่างอาหารค่ำเสี่ยวหลานกล่าว “ แม่ เรื่องที่แม่จะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ พอดีว่าพรุ่งนี้หนู่ มีการประชุมในตอนเช้าและหนูไปกับแม่ไม่ได้” เธอหันไปหาดงซูบินและยิ้ม “ซูบินจะไปเป็นเพื่อนแม่เอง” ภรรยาของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคของเมืองกำลังไปโรงพยาบาลและไม่ควรให้ดงซูบินไปกับเธอ แต่ดงซูบินรู้ว่าพี่สาวเสี่ยวพยายายาม สร้างโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดกับแม่ของเธอมากขึ้น

ดงซูบินเองก็ตอบรับทันที “ตกลง. ผมจะไปกับคุณน้าในวันพรุ่งนี้เช้า”

หานจิงเองก็ยิ้ม “ไม่จำเป็น.บอกให้พ่อของลูกรับเสี่ยวเซินไปส่งแม่” เสี่ยวเซินน่าจะเป็นผู้ช่วยของเลขาธิการพรรคเสี่ยว

เสี่ยวหลานตอบ “ มีคนรู้จักเลขาเซินมากกว่าแม่เสียวอีก หาก เสี่ยวเซินไปกับแม่น่าจะวุ่นวายพอควร นอกจากนี้ถ้าเขาแจ้งโรงพยาบาลก่อนถึงที่นั่นจะมีคนกลุ่มหนึ่งมาต้อนรับแม่อย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า…มันจะกลายเป็นการตรวจร่างกายที่ไม่ส่วนตัวอีกต่อไป”

หานจิงเองก็ต้องพยายามปิดบังสถาณะของตนเอาไว้และรู้สึกว่าสิ่งที่เสี่ยวหลานพูดนั้นถูกต้อง “ ลูกควรถามด้วยว่าซูบินว่างหรือเปล่าสำหรับวันพรุ่งนี้”

ดงซูบินเองก็คิดในใจ ‘แม้ว่าฉันจะยุ่ง แต่ฉันก็ต้องเผื่อเวลาไว้ให้คุณด้วย สิ่งที่สำคัญไปกว่าการพาคุณไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ’ เขาบอกหานจิงทันทีว่าพรุ่งนี้เขาว่าง

หานจิงพยักหน้า “ขอโทษที่รบกวนเธอนะซูบิน.”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ทุกอย่างปกติดี.”

เสี่ยวหลานเตือนเขา “ พรุ่งนี้อย่าเอารถของเพื่อนคุณมาล่ะ”

ดงซูบินเองก็กลัวว่ารถเอ็มพีวีของเขาจะลดสถานะของหางจิง “ เอ่อ…ผมจะเอารถเอ็มพีวีมา จะมีปัญหาอะไรไหม”

เสี่ยวหลานหัวเราะขึ้นมาทันที “ ตราบใดที่ไม่ใช่จักรยานเท่านั้นก็พอ รถคันนั้นเป็นรถสำนักงานหรอ? หมายเลขทะเบียนคืออะไร? ฉันจะช่วยให้คุณได้รับใบอนุญาตเข้าเมืองนี้ วิธีนี้คุณจะไม่ต้องหยุดตรวจทุกครั้งที่คุณมา

หานจิงมองไปที่ลูกสาวของเธอและไม่พูดอะไรสักคำ

ฮะ? ใบอนุญาตเข้า? ดงซูบินให้หมายเลขทะเบียนรถของเสี่ยวหลาน ทันที

ในเช้าวันรุ่งขึ้น.

ดงซูบินขับรถเอ็มพีวี ของเขาไปยังเขต ซิงฉานวิลล่า และเข้าไปในวิลล่าหมายเลข1 ยามที่ทางเข้ามองไปที่ใบอนุญาตที่แปะอยู่บนกระจกหน้ารถและอนุญาตให้เขาเข้าไปได้ หานจิงและผู้ช่วยเป็นคนเดียวในวิลล่าหมายเลข 1 หลังจากโทรหาหานจิงแล้วดงซูบินขับรถไปที่โรงพยาบาล 305 อย่างระมัดระวัง เขากลัวว่าจะทำให้หานจิงไม่พอใจถ้าหากเขาเกิดเบรครถกระทันหันขึ้นมา

โรงพยาบาล 305 เป็นโรงพยาบาลทหาร แต่ยังรับผู้ป่วยปกติ

หลังจากลงจากรถดงซูบินก็รีบเดินทางเปิดประตูให้กับมาดามหาน.

“ขอบคุณมาก.” หานจิงยิ้มออกมาทันที่ “ ไปหารองผู้อำนวยการฉินที่อาคารตะวันออกกันเถอะ”

ดงซูบินรู้ว่าหานจิงไม่จำเป็นต้องขอหมายเลขคิวใด ๆ ที่โรงพยาบาล เธอควรจะไปพบรองผู้อำนวยการฉิน เพื่อตรวจสุขภาพ รองผู้อำนวยการฉินเป็นหนึ่งในแพทย์ชั้นนำในโรงพยาบาลแห่งนี้และแพทย์ที่ดีที่สุดที่คนทั่วไปจะได้พบคือหัวหน้าแผนกเท่านั้น รองผู้อำนวยการฉัน เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากในประเทศจีนและจะรักษาเฉพาะผู้ป่วยที่มีวีไอพีเช่นมาดามหานเพียงเท่านั้น.

รองผู้อำนวยการสำนักฉิน

หานจินยิ้ม “ ผู้อำนวยการฉิน วันนี้ฉันต้องขอมารบกวนคุณอีกแล้ว”

รองผู้อำนวยการฉินไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการมาเยือนของหานจิงและรีบยืนขึ้นเพื่อรับเธอ “มาดามหานทำไมคุณมาที่นี้ด้วยตัวเองล่ะ? หากคุณต้องการอะไรคุณสามารถโทรหาผมได้เลย ผมจะนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปที่บ้านของคุณเอง ” เขาเองเคยเป็นอดีคผู้อำนวยการโรงพยาบาล 305 และรองผู้อำนวยการฉิน ได้รับตำแหน่งเนื่องจากผู้อาวุโสเสี่ยวได้ช่วยเขาไว้ ตัวเขาเองเป็นสาวกที่ภักดีต่อตระกูลเสี่ยวมาก และค่อนข้างให้บริการกับตระกูลเสี่ยวเป็นอย่างดี

หานจิงโบกมือให้เธอ “ มันเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องลำบากหรอก ฉันมาที่นี่เพื่อตรวจสุขภาพเท่านั้น”

รองผู้อำนวยการฉิน มองไปที่ดงซูบิน“ ชายคนนี้คือ…”

“ เขาหรอ ชื่อซูบิน” หานจิงหยุดชั่ววินาที “ รุ่นน้องคนหนึ่งของฉัน”

“ ผู้อำนวยการฉิน” ดงซูบินทักทายรองผู้อำนวยการฉิน และรองผู้อำนวยการฉิน รู้สถานะของดงซูบินหากบุคคลที่มาพร้อมกับมาดามหานถูกส่งโดยเลขาธิการพรรคเสี่ยว, มาดามหานจะไม่แนะนำเขาเช่นนี้ ซูบินเองคนเป็นคนที่ต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเสี่ยวมากแน่ๆ

หานจิงกล่าวขึ้นมา “ ซูบินการตรวจสุขภาพของฉันน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง เธอไปรอฉันอยู่ชั้นล่างก็ได้”

“ตกลงครับ. ผมจะไปรออยู่ที่ล็อบบี้ โทรหาผมถ้าต้องการอะไร” ดงซูบินรู้ว่าเขาไม่ควรอยู่แถวนี้ เกี่ยวกับการตรวจร่างกายของเธอ

ในชั้นล็อบบี้

ล็อบบี้เต็มไปด้วยผู้คนเข้าคิวเพื่อพบแพทย์และรับยา คนหนาแน่นมากจนไม่มีที่นั่งว่างเลย ดงซูบิน หาที่นั่งไม่ได้เขาเดินออกไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล เพื่อหนีออกมาสูบบุหรี่ระบบการรักษาพยาบาลในปักกิ่งเป็นเช่นนั้น คลินิกในละแวกใกล้เคียงและโรงพยาบาลขนาดเล็กแทบจะว่างเปล่า แต่โรงพยาบาลทริปเปิลเอทั้งหมดเต็มไปหมด ครั้งหนึ่งแม่ของดงซูบินมีปัญหาด้านสายตาและเขาไปโรงพยาบาลถงเหริน ตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปขอคิวรักษา แต่เธอไม่สามารถขอหมายเลขคิวเพื่อไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาได้ เธอถามคนที่อยู่ด้านหน้าของคิวและพบว่าพวกเขาเริ่มเข้ารับคิวตอนตี 3! โรงพยาบาลถงเหรินถือว่าไม่แออัดมากเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอื่น ๆ เช่นโรงพยาบาลฟู่หวาย ผู้ป่วยต้องเข้าคิวก่อนหนึ่งวันเพื่อพบผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด!

โรงพยาบาล 305 ก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่จะไม่ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญหรือหัวหน้าแผนก

“ เอ๊ะหัวหน้าซูบินหรอ”

ดงซูบินได้ยินใครบางคนเรียกเขาและหันกลับมา “ หัวหน้าเหลียง?”

ที่ยืนอยู่ด้านหลังดงซูบินคือเหลียงเฉินเผิง หัวหน้าสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเมืองหยางไถ่ และภรรยาของเขา “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”

ดงซูบินโยนบุหรี่ทิ้งอย่างรวดเร็ว “ ฉันพาใครบางคนไปพบแพทย์ แล้วคุณล่ะ?”

เหลียงเฉิงเผิงดูเหนื่อยล้าและหงุดหงิดมาก เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “ ฉันพาแม่มาพบหมอที่นี่ เมื่อคืนที่ผ่านมาแม่ของฉันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกอย่างกะทันหัน ฉันจึงพาเธอมาตรวจที่โรงพยาบาลประชาชน ระดับเอนไซม์หัวใจของเธอพุ่งสูงขึ้นและแพทย์ทำการสแกนอย่างรวดเร็วและพบว่าหลอดเลือดแดงของเธอถูกปิดกั้นและการอุดตันระหว่างหลอดเลือดแดงหลักสองเส้น เป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงเกินไป มาตรฐานทางการแพทย์ในเขตของเราไม่สูงนักและแพทย์ที่นั่นไม่กล้าทำการผ่าตัด พวกเขาไม่มั่นใจและฉันต้องรีบมาที่นี่ในตอนกลางคืน

“ หลอดเลือดแดงอุดตัน?” ดงซูบินถาม “ ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง”

ภรรยาของหัวหน้าเหลียงถอนหายใจ “ เราได้ยินมาว่าโรงพยาบาล 305 เก่งเรื่องการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดและเรามาที่นี่ แต่ใครจะรู้หมอที่นี่ก็ไม่กล้าผ่าตัดเธอเพราะอายุมากและตำแหน่งที่อุดตันมันยากเกินจะรักษา”

ดงซูบินได้แต่ขมวดคิ้ว “ แต่กาผ่าตัดนั้นมันก็สำคัญ สิ่งนี้อันตรายมากและไม่สามารถล่าช้าได้

ภรรยาของเหลียงเฉินเผิง กล่าว “ถูกแล้ว. แต่หมอบอกว่าอัตราการผ่าตัดสำเร็จนั้นไม่สูงนักและมีโอกาส 60% ที่ผู้ป่วยอาจ…เขาบอกให้เราเตรียมพร้อม” หลังจากพูดคำนี้ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แม่ของเหลียงเฉิงเผิงเป็นผู้หญิงใจดีและดีกับลูกสะใภ้เอามากๆ

ดงซูบินถาม “ ถ้าอย่างนั้น…”

เหลียงเฉิงเผิงลูบหน้าด้วยความหงุดหงิด “ แม่ของฉันยังอยู่ในห้องไอซียู เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการนี้หรือไม่”

ภรรยาของเหลียงเฉินเผิง กล่าว “ พี่เหลียงบอกว่าน่าจะไปหาความช่วยครั้งที่สองจากโรงพยาบาลอื่น แต่… แต่เธอเจ็บปวดและใครจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ถ้าเราไปโรงพยาบาลอื่นฉันกลัวว่า…”

เหลียงเฉิงเผิงไม่ได้คุยกับดงซูบินต่อและเริ่มโทรหาเพื่อน ๆ ในปักกิ่งเพื่อถามว่ามีโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้หรือไม่ แต่คำตอบที่เขาได้รับคือโรงพยาบาล 305 แห่งมีอัตราความสำเร็จที่ดีที่สุดสำหรับการผ่าตัดดังกล่าว หากแม้แต่โรงพยาบาล 305 คิดว่าอัตราความสำเร็จไม่สูงนักก็จะเท่ากับโรงพยาบาลอื่น ๆ ทางออกเดียวคือให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำการผ่าตัดเป็นการส่วนตัว แต่เหลียงเฉิงเผิงเป็นเพียงหัวหน้าสำนักของมณฑล เขาไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการประจำตำแหน่งและไม่ใช่ใครในปักกิ่ง โรงพยาบาลในปักกิ่งจะไม่ให้การรักษาพิเศษกับเขานับประสาอะไรกับโรงพยาบาลทหาร

แอ๊ดแอ๊ดแอ๊ด…โทรศัพท์ภรรยาของเหลียงเฉิงเผิงดังขึ้น

เธอรับโทรศัพท์ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที “ พี่เหลียง! ขึ้นไปชั้นบนเดี๋ยวนี้! แม่ไม่สามารถทนได้แล้ว!”

เหลียงเฉิงเผิงตื่นตระหนกและวิ่งขึ้นไปชั้นบนกับภรรยาของเขา ดงซูบินเองก็ตามไปด้วย

แม่ของเหลียงเฉิงเผิงถูกผลักเข้าไปในห้องผ่าตัด เธออยู่ในอาการวิกฤต

แพทย์ยืนอยู่นอกห้องผ่าตัดบอกกับเหลียงเฉิงเผิงและภรรยาของเขา “ กล้ามเนื้อหัวใจตายไม่สามารถรอได้ ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจวายอีกครั้งและอยู่ในภาวะวิกฤต บางทีที่เรากำลังพูดตอนนี้เธออาจจะไม่รอด คุณตัดสินใจแล้วหรือยังว่าต้องการให้คนไข้เข้ารับการผ่าตัด”

ภรรยาของเหลียงเฉิงเผิงร้องไห้ “ คุณหมอคุณต้องช่วยแม่ของฉันนะ!”

คุณหมอตอบกลับ “ ฉันทำได้ดีที่สุดเท่านี้”

เหลียงเฉิงเผิงเดินขึ้นลงอย่างกระวนกระวายทันใดนั้นเขาก็บอกหมอ “อย่างงั้นเริ่มผ่าตัดได้เลย!”

คุณหมอกล่าว. “ เราจะเริ่มการเตรียมการสำหรับปฏิบัติการ และเตรียมเรียกเก็บเงินไว้แล้วให้ไปชำระเงินเดี๋ยวนี้”

ดงซูบินมองไปที่หัวหน้าเหลียงและภรรยาของเขาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยแล้วเดินออกไปเรียกหานจิงอย่างเงียบ ๆ มาดาม. โทรศัพท์ดังขึ้นชั่วขณะก่อนที่หานจิงจะรับสาย “ สวัสดีคุณน้าคุณแม่ของเพื่อนของผมคนหนึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล 305 เป็นเรื่องฉุกเฉินและแม่ของเขาแก่มากแล้วและจะทนไม่ไหวแล้ว คุณน้าสามารถ…” หา

หานนจิงหยุดชั่ววินาที “พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

“ ที่ห้องผ่าตัด. การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้น แต่แพทย์บอกว่าโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย”

“ อย่าตกใจและรอฉันอยู่ที่นั่น ฉันจะจัดการให้เอง”

หลังจากนั้นไม่นาน เหลียงเฉินเผิงก็จ่ายเงินสำหรับการผ่าตัดและวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อส่งใบเสร็จให้กับแพทย์

ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นและรองผู้อำนวยการฉิน ปรากฏตัวในชุดศัลยแพทย์สีขาว

คุณหมอต้องตะลึง “ ผู้อำนวยการฉิน!”

รองผู้อำนวยการฉิน ไม่สนใจหมอและหันไปหาดงซูบิน “ คนไข้อยู่ที่ไหน”

ดงซูบินตอบ “ เธออยู่ในห้องผ่าตัด”

รองผู้อำนวยการฉินบอกหมอหนุ่ม “ เรียกหัวหน้าหลิว และ หัวหน้าเฉิง มาตอนนี้ ฉันจะทำการผ่าตัดเอง!”

หมอหนุ่มตกใจ “ …ครับ”

ก่อนที่เหลียงเฉิงเผิงและภรรยาจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรองผู้อำนวยการฉินก็เข้าห้องผ่าตัดพร้อมกับหมอหนุ่มเหลียงเฉินเผิง มองไปที่ดงซูบินด้วยความตกใจ “ หัวหน้าซูบินนี้มันอะไร…”

ดงซูบินตอบ “ ผู้อำนวยการฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ เมื่อเขาดำเนินการผ่าตัดด้วยตัวเองแม่ของคุณก็น่าจะดีขึ้น “

หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าหลิวและหัวหน้าเฉิงก็วิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัด

หลังจากพวกเขาเข้าไปหมอหนุ่มก็ออกมาจากห้องผ่าตัด “ ผู้อำนวยการฉิน ขอให้ฉันบอกคุณว่าเขาได้อ่านรายงานของผู้ป่วยและสแกนแล้ว เขาบอกว่าอัตราความสำเร็จสูงกว่า 90% และคุณทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวล”

ดงซูบินรู้สึกโล่งใจ “ขอบคุณครับ.”

เหลียงเฉิงเผิงและภรรยาของเขารู้ดีว่าเป็นหัวหน้าซูบินที่ใช้เส้นสายเพื่อช่วยเหลือพวกเขา อัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 40% เป็น 90%? ภรรยาของเหลียงเฉินเผิงรู้สึกขอบคุณจนพูดไม่ออก เธอจับมือของดงซูฐิน “ ขอบคุณซูบิน ขอบคุณมาก.”

เหลียงเฉินเผิงมองไปที่ดงซูบินอย่างซาบซึ้ง “ หัวหน้าซูบินขอบคุณมาก”

ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการผ่าตัดและผู้เชี่ยวชาญยังเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล!

ภรรยาของเหลียงเฉินเผิงอาจไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร แต่เหลียงเฉินเผิง รู้ดี

อาจจะมีเพียงเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจังหวัดหรือข้าราชการที่มีตำแหน่งเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้นที่จะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง)

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง)

AUTHOR(S): CHANG YU – 尝谕

ดงซูบินชายผู้รับพลังพิเศษจากการเกิดอุบัติเหตุจากการโดนรถบรรทุกพุ่งชน จนทำให้ทั้งเขาและเพื่อนบ้านสาวสวยที่เขาแอบชอบมาเป็นเวลานานอย่างฉูยวนเสียชีวิต ก่อนที่จะตายด้วยแรงปรารถณาของเขาในการอยากมีชีวิต ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เขาได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายและรับรู้ว่าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่มันเป็นการย้อนเวลาได้เพียง 1 นาทีเท่านัน ดงซูบินจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรกับพลังพิเศษที่เขาได้รับมา และที่มาของพลังพิเศษของเขามาที่ไหน นั้นคือปริศนาที่เขาต้องพยายามแก้มันต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท