ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 1938 เจอตัวการที่อยู่เบื้องหลังแล้ว + ตอนที่ 1939 บุคคลที่คาดไม่ถึง

บทที่ 1938 เจอตัวการที่อยู่เบื้องหลังแล้ว + ตอนที่ 1939 บุคคลที่คาดไม่ถึง

ตอนที่ 1938 เจอตัวการที่อยู่เบื้องหลังแล้ว

เหยียนซินหย่าทำหน้านิ่งพูดเสียงเย็นชา “แม่ไม่ให้หนูกับเหยียนหมิงซุ่นจูบกันหรือไง? แม่หมายถึงให้ลูกดูสภาพแวดล้อมด้วย พวกเธอจะจูบก็เลือกหาที่ที่ไม่มีคนอยู่ไม่ได้หรือไง? รั้นแต่จะแสดงออกต่อหน้าคนมากมาย ตอนนี้เป็นยังไงล่ะถูกแอบถ่าย แล้วยังมาเจอเรื่องเป็นมือที่สามอีก ลูกดีใจงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยมุ่ยปากอย่างอัดอั้นใจ “แม่คะ เรื่องนี้จะโทษหนูได้เหรอ? หนูไม่ได้บอกให้ใครมาแอบถ่ายซะหน่อย เห็นได้ชัดเลยว่าลูกสาวของแม่สวยจนไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจ อีกอย่างมีคำพูดที่ว่าอะไรนะ หากไม่ดึงดูดผู้คนก็กลัวเป็นหมี[1] หรือว่าแม่อยากมีลูกสาวเป็นหมี?”

เหยียนซินหย่าหลุดขำ “แม่พูดประโยคเดียวลูกตอบกลับสิบประโยค? แม่เถียงสู้ลูกไม่ได้หรอก งั้นไม่พูดด้วยแล้ว ครั้งหน้าให้พ่อมาพูดกับลูกเองแล้วกัน”

เหมยเหมยตกใจจนแทบแย่ สองขารีบก้าวเข้าไปบีบนวดไหล่เหยียนซินหย่าแล้วพูดเกลี้ยกล่อมเธอ “แม่คะ พ่องานยุ่งขนาดนั้น แม่ก็อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปรบกวนท่านเลย แม่ไม่คิดจะสงสารสามีตัวเองบ้างเหรอ? หนูยังสงสารพ่อเลยนะ!”

ความจริงเหยียนซินหย่าหายโกรธนานแล้ว เรื่องนี้คงไม่อาจโทษลูกสาวเธอได้ เธอเองก็เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน ตอนที่คบหาดูใจกับจ้าวอิงหัว ถ้าไม่ใช่เพราะยุคสมัยนั้นเข้มงวด นิสัยชอบลวนลามอย่างจ้าวอิงหัว ไม่แน่ว่าอาจจะทำมากว่าเหยียนหมิงซุ่นด้วยซ้ำ

พอได้ฟังบทเพลงที่อบอวลด้วยความรัก เต้นรำในบรรยากาศสลัว การจูบจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

อีกอย่างเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นสามีภรรยากันอย่างชอบธรรม การจูบเป็นสิ่งที่ปกติเสียยิ่งกว่าอะไร

เธอโกรธที่พวกคนใจอกุศลนั้นใส่ร้ายลูกสาวเธอ และยังเอาเรื่องรูปมาก่อเรื่องอีก

“ถ้าหนูสงสารพ่อจริง ๆก็อย่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้มากนัก ต่อไปนี้ถ้าอยากจะจูบกับเหยียนหมิงซุ่นก็หาที่ลับตาคนหน่อย อย่าทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อเกินไป เราอยู่คือฮวาเซี่ยไม่ใช่ยุโรปหรืออเมริกา เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็สร้างข่าวให้ลูกได้ตลอด!”

เหยียนซินหย่ามองบนใส่ หลับตาลงรับสัมผัสการนวดจากลูกสาวพลางลอบถอนหายใจหลายครั้ง “ไหล่ซ้ายตรงนั้นแรงหน่อย อืม ตรงนั้นแหละ…”

ช่วงนี้วุ่นกับการจัดเตรียมงานนิทรรศการ มือทั้งสองข้างใช้วาดรูปจนแทบแข็ง จ้าวอิงหัวก็ไม่อยู่บ้าน แม้แต่คนนวดไหล่สักคนก็ไม่มี ไม่สบายตัวอยู่พอดีเลย!

“แม่คะ ไหล่แม่แข็งมาก พักผ่อนบ้างนะคะ ระวังพ่อกลับมาจะดุแม่เอานะ” เหมยเหมยพยายามอย่างสุดชีวิต เหนื่อยจนหอบแหก ๆ

เหยียนซินหย่ารู้สึกสงสาร “ช่างเถอะ ไม่ต้องนวดแล้ว เดี๋ยวแม่แช่น้ำอุ่นหน่อยก็ดีขึ้น”

“แม่คะ แม่ลองหาร้านนวดดูสักร้านสิ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพื่อนหนูแนะนำร้านนวดให้หนูมาร้านหนึ่ง เห็นบอกว่าแม่เธอมักจะไปนวดไหล่ที่นั่นบ่อย ๆ ผลลัพธ์ใช้ได้เลย ไม่งั้นแม่ลองไปดูไหม?” เหมยเหมยเกลี้ยกล่อม

เหยียนซินหย่านึกสนใจจึงให้เธอบอกชื่อร้าน พรุ่งนี้ต้องหาเวลาว่างไปนวดเพราะไหล่ตึงจนรู้สึกไม่สบายตัวแล้ว

“รอเดี๋ยวนะคะ หนูโทรถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อน ก่อนหน้านั้นเธอเคยบอกหนูแต่หนูลืมไปแล้ว”

เหมยเหมยรีบส่งข้อความเข้าเพจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่นานเธอก็โทรกลับมา

“ฉันกำลังจะโทรหาเธอพอดีเลย ฉันมีอะไรจะบอก ฉันหายัยชาติชั่วนั่นเจอแล้วนะ เธออยู่ไหนฉันจะได้พูดกับเธอต่อหน้า!” เสียงปรอทแตกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ต่อให้กั้นด้วยหูฟังก็ยังสามารถทำให้หูสั่นสะเทือนได้

เหมยเหมยดีใจมาก นึกไม่ถึงเลยว่าประสิทธิภาพของคุณหนูเหริ่นจะสูงขนาดนี้ ผ่านไปยังไม่ทันถึงสองชั่วโมงก็ได้เรื่องแล้ว

“แม่ให้ฉันกลับบ้านน่ะ ฉันถามอะไรเธอหน่อยสิ เธอบอกชื่อร้านนวดที่เธอเคยบอกฉันตอนนั้นมาให้หน่อยสิ ช่วงนี้แม่ฉันปวดไหล่”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบพูดว่า “วางใจได้ ฝีมือของอาจารย์ร้านนวดนั้นดีมาก ๆ อาการไหล่แข็งของแม่ฉันก็ได้รับการรักษาจากเขามาหลายปีแล้ว ฉันจะบอกชื่อร้านให้”

เหมยเหมยจดชื่อร้านไว้แล้วเตรียมตัวกลับมหาวิทยาลัย เหยียนซินหย่าได้ยินเช่นนั้นจึงถามขึ้นว่า “เจอตัวบงการที่อยู่เบื้องหลังแล้วเหรอ?”

…………………………………………….

ตอนที่ 1939 บุคคลที่คาดไม่ถึง

เหมยเหมยตอบไปตามตรง “เชี่ยนเชี่ยนบอกว่าเธอหาตัวยัยชั่วฮวาจิงหลิงเจอแล้ว แม่คะหนูต้องกลับมหาวิทยาลัยก่อน เรื่องนี้แม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะจัดการมันเอง”

เธอกำชับอีกว่า “พรุ่งนี้แม่อย่าลืมไปร้านนวดนะคะ เชี่ยนเชี่ยนบอกว่าอาการไหล่อักเสบของแม่เธอดีขึ้นเพราะการรักษาจากหมอนวดที่นั่น แม่บอกไปเลยว่าคุณนายเหริ่นเป็นคนแนะนำมา หมอนวดจะได้ดูแลแม่เป็นอย่างดี”

เหยียนซินหย่ากลอกตามองลูกสาวไปที “ฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงที่ต้องให้มาคอยกำชับ แล้วเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร? ให้แม่ติดต่อกับอาจารย์ทางมหาวิทยาลัยไหม?”

“หนูขอดูสถานการณ์ก่อน ดูว่าเธอถูกใครบงการมาหรืออิจฉาหนูจากใจจริง ถึงเวลานั้นถ้าต้องการความช่วยเหลือหนูจะบอกแม่นะคะ”

เหมยเหมยรู้สึกว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นถูกคนอื่นหลอกใช้ ไม่งั้นจะมาหาเรื่องเธอโดยไม่มีที่มาที่ไปได้อย่างไรกัน?

เหยียนซินหย่าเห็นเธอมีท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยมถึงทำให้เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอเติบโตแล้วจริง ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะจัดการกับทุกปัญหาด้วยลำแข้งของตัวเอง นอกเหนือจากความชื่นชมแล้วก็ยังมีความรู้สึกเสียดายอยู่

ช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับลูกสาวมันน้อยเกินไปจริง ๆ รู้สึกว่ายังไม่ทันได้อยู่ด้วยกันดี ๆเลย ลูกสาวก็โตขึ้นกลายเป็นนกอินทรีที่พร้อมโบยบินเสียแล้ว!

“มีเรื่องอะไรก็บอกแม่ได้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหน พ่อกับแม่จะคอยเป็นแรงหนุนที่แข็งแกร่งให้ลูกเอง ลูกไม่ได้แบกรับมันอยู่คนเดียวหรอกนะ”

เหยียนซินหย่ายิ้มพลางพูด เหมยเหมยเองก็อมยิ้มขอบตาพลันร้อนผ่าว

ความจริงหลายปีมานี้เธอมองข้ามพ่อแม่และพี่ชายไปเลย ไม่เชิงว่ามองข้ามแต่คงจะเป็นความรู้สึกลึก ๆที่เธอไม่ค่อยชอบพูดอะไรกับคนในครอบครัวมากกว่า บอกแต่เรื่องดี ๆแต่ไม่เคยบอกปัญหาหรือเรื่องทุกข์ใจ พอมีปัญหาส่วนใหญ่ก็แก้ไขด้วยตัวเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้จริง ๆก็จะให้เหยียนหมิงซุ่นช่วย ไม่เคยนึกถึงพ่อแม่มาก่อนเลย

เธอเข้าใจว่าทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว แต่ดูจากตอนนี้เธอคงคิดผิด

บางครั้งการเป็นที่ต้องการก็คือการแสดงความกตัญญูอย่างหนึ่ง!

“ค่ะ ถ้ามีปัญหาหนูจะบอกแม่นะคะ ไม่บอกแม่แล้วหนูจะบอกใครได้ล่ะ!”

เหมยเหมยเดินเข้าไปสวมกอดเหยียนซินหย่าอย่างอดไม่ได้ กอดอยู่สักพักถึงค่อยผละออกและขอตัวลาไปมหาวิทยาลัย

เหยียนซินหย่ายิ้มพลางส่ายหน้าแล้วไปที่สตูดิโอเพื่อทำงานต่อ เธอไม่ได้เก็บเอาเรื่องภาพถ่ายมาใส่ใจอีก ลูกสาวและลูกเขยมีความสามารถขนาดนี้ เธอคงไม่ต้องกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วล่ะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินวกไปวนมาอยู่ใต้ตึกอย่างร้อนใจ ฉีฉีเก๋อก็อยู่ด้วย และยังมีหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งการแต่งตัวดูทันสมัย น่าจะเป็นเพื่อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“เธอมาได้สักที ฉันมีอะไรจะบอก…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยก็พุ่งพรวดเข้ามาหา

เหมยเหมยมองไปรอบด้านเห็นมีคนพลุกพล่าน เธอจึงพูดว่า “เราไปหาที่นั่งกินข้าวกัน กินไปคุยไป ฉันเลี้ยงเอง”

พวกเธอไปที่ร้านอาหารที่อยู่หลังมหาวิทยาลัยที่มักจะไปอยู่บ่อยครั้ง สั่งให้เถ้าแก่ตั้งหม้อไฟเนื้อวัวและเลือกห้องอาหารส่วนตัว

“ขอแนะนำก่อนนะ นี่เพื่อนของฉันจางเหยา เธอคือรุ่นพี่ปีสี่คณะเรา”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคีบเนื้อเข้าปาก สีหน้าดูดีขึ้นมาก พร้อมแนะนำเด็กสาวแปลกหน้าข้าง ๆให้เธอรู้จัก

จางเหยาไม่ได้หน้าตาดีเท่าไรแต่รูปร่างผอมสูง บุคลิกดีมาก แถมยังรู้จักแต่งตัว แค่มองก็รู้ว่าเป็นสาวที่รักในแฟชั่น ผู้หญิงแบบนี้ฮอตในหมู่ผู้ชายมาก

“สวัสดีค่ะรุ่นพี่” เหมยเหมยส่งยิ้มให้เธอ ในใจพอจะเข้าใจคร่าว ๆ ดูทรงน่าจะเป็นจางเหยาที่รู้ว่าฮวาจิงหลิงนั่นอยู่ที่ไหน

แท้จริงแล้ว…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างเกินจริง “พวกเธอรู้ไหมว่ายัยชั่วฮวานั่นเป็นใคร? พวกเธอต้องคาดไม่ถึงแน่!”

ฉีฉีเก๋อเริ่มรู้สึกรำคาญ “ถ้าพวกเรารู้แล้วจะถามเธอไปทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามัวแต่ไร้สาระ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนใส่เธอ พูดชื่อคน ๆหนึ่งออกมา “เซียวเวย ดาวมหาวิทยาลัยคนเก่าของมหาวิทยาลัยเรารู้จักไหม?”

…………………………………………………………

[1] หมี หรือหมีดำ เป็นสัญลักษณ์ของความใคร่ในตัวมนุษย์ ซึ่งอยู่เหนือความตื่นเต้นของคนทั่วไป

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท