ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 1934 ไม่แยกแยะถูกผิด แต่กลับทำเรื่องย่ำแย่กว่าเดิม + ตอนที่ 1935 ตีสองหน้าแทงข้างหลัง

บทที่ 1934 ไม่แยกแยะถูกผิด แต่กลับทำเรื่องย่ำแย่กว่าเดิม + ตอนที่ 1935 ตีสองหน้าแทงข้างหลัง

ตอนที่ 1934 ไม่แยกแยะถูกผิด แต่กลับทำเรื่องย่ำแย่กว่าเดิม

จะว่าไปสีอันน่านี่ก็ฉลาดเป็นกรด คิดว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าหญิงอันน่าเป็นตัวเธองั้นเหรอ?

เหมยเหมยเหลือบหางตามองสีอันน่าที่ใจจดใจจ่อกับการเล่นคอมพิวเตอร์ แล้วก็เห็นว่าสองนาทีก่อนเจ้าหญิงอันน่าได้ตอบกลับคอมเมนต์อีกครั้ง และในตอนนั้นเธอก็กลับมาถึงหอพักแล้ว ยัยสีอันน่าเห็นว่าเธอโง่หรือไง!

พูดจาให้ร้ายเธอต่อหน้าเธองั้นเหรอ หึ!

ถ้าเธอไม่แสดงอะไรออกมาบ้างก็คงโง่จริง ๆแล้ว!

เหมยเหมยหยัดกายลุกขึ้นด้วยความเงียบแล้วเดินย่องไปอยู่ด้านหลังสีอันน่า พร้อมกลั้นลมหายใจพลางมองสีอันน่ากดคีบอร์ดอยู่เงียบ ๆ

“ทั้งหมดที่จ้าวเหมยเธอพูดเป็นความจริงเหรอ? ถ้าภูมิหลังครอบครัวของเธอดีขนาดนั้น แล้วทำไมยังคิดที่จะเป็นมือที่สามอีกล่ะ? นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ!”

สีอันน่ากดคีบอร์ดด้วยท่าทีกระปรี้กระเปร่าและคุยอย่างออกรสออกชาติ ความรู้สึกที่ได้ส่อเสียดคนอื่นบนอินเทอร์เน็ตมันช่างกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้สูบกัญชาเลยจริง ๆ

โลกโซเชียลได้สร้างหน้ากากที่สมบูรณ์แบบให้กับเธอ เธอสามารถใช้คำหยาบได้อย่างอิสระ ส่อเสียดเพื่อนรอบตัวเธอ โดยไม่รู้สึกถึงภาระทางจิตใจเลยสักนิด แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนจับได้ ความรู้สึกแบบนี้มันสนุกสุด ๆไปเลย!

สีอันน่ากำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุข โดยไม่ทันสังเกตเหมยเหมยที่อยู่ข้างตัว เธอยังคงพยายามกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป

ฮวาจิงหลิงที่พึ่งหายตัวไปก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาตอบกลับสีอันน่าโดยตรง “เป็นมือที่สามกับสถานภาพภูมิหลังของครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ผู้หญิงบางคนคิดทำชั่วมาตั้งแต่เกิด เธอมักชอบแย่งสามีของคนอื่น เสพสุขความสำเร็จที่อยู่ในนั้น บางทีจ้าวเหมยอาจจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้นก็ได้!”

สีอันน่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดรู้สึกสนุกขีดสุด เธอรีบตอบกลับ “เอ๊ะ ไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีผู้หญิงที่น่ากลัวขนาดนี้อยู่ หรือว่าเธอคึกคะนองปล่อย…ตัวจนเป็นนิสัย? ดูไม่ออกเลยจริง ๆนะ!”

ฮวาจิงหลิง “รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ บางคนภายนอกดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ความเป็นจริงกลับเป็นตัวสำส่อน!”

สีอันน่าหมายจะตอบกลับ ‘เธอพูดถูก’ เหมยเหมยที่โมโหสุดขีดค่อย ๆเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจตอนไหน? คำพูดพวกนี้ทำไมเธอไม่พูดต่อหน้าฉันล่ะ?”

“เพล้ง!”

สีอันน่าตกใจจนปัดแก้วชาบนโต๊ะหล่นตกพื้นแตกกระจาย น้ำชากระเซ็นไปทั่ว เธอรีบหันกลับมามองเหมยเหมยด้วยใบหน้าซีดเผือดเหมือนกับเห็นผี สมองพลันขาดออกซิเจน นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ

“เธอ…เธอ…เธอมาได้ไงเนี่ย…” พูดลิ้นพันกัน

“ถ้าฉันไม่เข้ามาดูคงไม่รู้เลยว่าข้างกายฉันมีเพื่อนที่ดีแบบเธออยู่!”

เหมยเหมยเน้นเสียงคำว่าเพื่อนที่ดี แววตาพลันเย็นชา แช่แข็งสีอันน่าจนฟันซี่บนล่างกระทบกันเสียงดังกึกๆ

“เธอ…เธอฟังฉันพูดก่อน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงอันน่านั่น ฉันแค่เข้าดูกระทู้เฉย ๆ…”

พูดจาให้ร้ายผู้อื่นลับหลังแต่กลับถูกจับได้ สีอันน่าลนลานเข้าให้แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ปากคอเราะรายเหมือนเมื่อก่อน พูดจาตะกุกตะกักสารภาพออกมาเองโดยไม่มีใครบังคับ อยากปกปิดแต่กลับกลายเป็นเผยไต๋เสียแล้ว

เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าหญิงอันน่าเป็นใคร? เขาพูดอะไรบ้างเหรอ?”

เธอแย่งเม้าส์ในมือของสีอันน่ามาแล้วคลิกขยับเลื่อนหน้าจอ คอมเมนต์ไม่กี่อันที่สีอันน่าเคยตอบกลับไปก่อนหน้านั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้สีอันน่าคอมเมนต์ถากถางสะใจมากเท่าไหนตอนนี้กลับรู้สึกอึดอัดใจมากเท่านั้น

เธอหวังอยากจะให้มีหลุมดำหนึ่งโผล่ขึ้นมาพอที่จะทำให้เธอมุดเขาไปได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับเหมยเหมยอีก

“จ้าวเหมย…เธอฟังฉันอธิบายนะ ฉันแค่อยากช่วยเธอหลอกล่อคำพูดของฮวาจิงหลิงเลยจงใจพูดออกไปแบบนั้น ฉันคือสายลับ จริง ๆนะ เธอต้องเชื่อฉันสิ ฉันกับเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันจะพูดจาแบบนั้นกับเธอได้ไงล่ะ? ฉันแค่จงใจพูดออกไปแบบนั้น…”

สีอันน่าดูสงบขึ้นมาบ้างแล้วรีบร้อนแก้ต่างให้ตัวเอง ดูมีเหตุมีผลแต่ถ้าเหมยเหมยเชื่อก็คงบ้าแล้ว!

…………………………………………………..

ตอนที่ 1935 ตีสองหน้าแทงข้างหลัง

เหมยเหมยมองสีอันน่าด้วยสายตาเหยียดหยาม “เธอช่างลำบากจริง ๆ ฉันจำเป็นต้องขอบคุณเธอด้วยหรือเปล่านะ?”

สีอันน่าคิดว่าเธอเชื่อคำพูดของตัวเองแล้วจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ๆ เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา ระหว่างคำว่าเพื่อนแล้วต้องคอยช่วยเหลือกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก!”

“จะไม่ให้ขอบคุณได้ไง ฉันต้องขอบคุณเธอหน่อยสิ!”

เหมยเหมยกัดฟันพูดออกมา สีอันน่ายังไม่ทันตั้งตัวใบหน้าก็ถูกตบเข้าอย่างจังจนหน้าหันไปอีกทาง ในหูมีเสียงดังวิ้ง ๆ เลือดซึมออกมาข้างมุมปาก เพียงแค่ครู่เดียวครึ่งหน้าของเธอก็บวมเปล่งจนเหมือนกับหัวหมู

“จ้าวเหมยเธอตบฉันทำไม?”

สีอันน่ากุมหน้าข้างหนึ่งไว้มองเหมยเหมยอย่างหวาดระแวง ทั้งหวาดกลัว แถมยังโกรธและโมโหด้วย

โตจนมาถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะเคยโดนตบหน้าเป็นครั้งแรก ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการโดนตบครั้งแรกของเธอจะเป็นจ้าวเหมยที่ได้ไป!

โหดร้ายจัง!

เหมยเหมยสะบัดมือที่เจ็บชาและร้อนที่ฝ่ามือ แต่เธอกลับคิดว่าตบเบาไป เธอขยับมืออีกข้างพลางพูดเสียงเย็นชาขึ้นว่า “นี่ฉันก็กำลังขอบคุณเธออยู่ไม่ใช่หรือไง?”

พอพูดจบเหมยเหมยก็สะบัดมือตบหน้าอีกฝั่งของสีอันน่าอย่างแรงอีกครั้งด้วยเสียงดังลั่น ใบหน้าทั้งสองข้างของสีอันน่าเท่ากันเสียที จากเดิมที่ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือตอนนี้กลับขยายใหญ่ขึ้นมาสามเท่า เห็นแล้วช่างตลกเหลือเกิน

“จ้าวเหมย…มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

สีอันน่าไม่ได้มีท่าทียินยอมให้ตบอย่างแน่นอน เธอเอื้อมมือคว้าอัลบั้มภาพขอบแข็งหนา ๆบนโต๊ะขึ้นมา ถ้าฟาดโดนตัวต้องเจ็บเหมือนก้อนอิฐแน่ เธอเหวี่ยงอัลบั้มภาพจนปลิวไปทางเหมยเหมย

เหมยเหมยปลีกตัวหลบอย่างรวดเร็ว ตอนแรกหมายจะตบแค่สองครั้งให้หายโมโห แต่ไม่นึกเลยว่ายัยนี่จะเอาคืน ถ้างั้นก็อย่าหาว่าเธอใจร้ายแล้วกัน!

“ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? ฉันกับเธอเป็นรูมเมทกัน ถึงปกติจะไม่ค่อยได้คุยกันแต่การที่ฉันเป็นมือที่สามหรือไม่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ? เธอพูดจาคลุมเครือแบบนั้นบนอินเทอร์เน็ตจิตใจทำด้วยอะไรฮะ? ทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่าเธอเป็นพวกหน้าไว้หลังหลอกกันนะ!”

เหมยเหมยเก็บอัลบั้มภาพบนพื้นขึ้นมาโยนใส่สีอันน่าโดยไม่แม้แต่จะคิด เธอโมโหแล้วจริง ๆ เธอเกลียดที่สุดคือพวกหมาลอบกัด

“โอ๊ย…จ้าวเหมยหยุดเดี๋ยวนี้นะ…หยุดตบตีฉันเถอะ…”

เหมยเหมยคว้าหมับเข้าที่ผมยาว ๆของสีอันน่าแล้วขึ้นคร่อมบนตัวเธอพร้อมกับยกอัลบั้มภาพทุบหน้าเธอโดยไม่เห็นใจเลยสักนิด จัดการกับพวกคนชั่วช้าแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ แค่พุ่งเข้าไปตบก็สิ้นเรื่องแล้ว!

“แกมันหน้าไหว้หลังหลอก ลอบกัดฉัน…ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองคือเจ้าหญิงอันน่า ถุย แกมันก็เป็นได้แค่พวกคนชั้นต่ำเท่านั้นแหละ…”

เหมยเหมยเอ่ยพลางตบตี ยัยชั่วฮวาจิงหลิงนั่นยังไม่เจอตัว งั้นขอระบายอารมณ์กับยัยสีอันน่านี่ก่อนแล้วกัน!

ฉีฉีเก๋อเพิ่งตอบคอมเมนต์เสร็จก็เห็นเหมยเหมยกับสีอันน่าตบตีกัน พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยเธอก็รีบเข้าไปดูหน้ากระทู้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าสีอันน่าพูดจาแบบนั้นความโมโหก็ปะทุขึ้นมาทันที

“สีอันน่าเธอยังเป็นคนอยู่ไหม พวกเราอยู่ห้องนอนเดียวกันนะ เหมยเหมยเป็นคนอย่างไรเธอยังไม่รู้อีกเหรอ? เธอจงใจพูดจาแบบนั้นมันน่าสะอิดสะเอียดเสียยิ่งกว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นอีก!”

ฉีฉีเก๋อโมโหจนยกเท้ากระทืบสะโพกของสีอันน่าอย่างแรง สีอันน่าไม่มีโอกาสได้เอาคืนเลย โดนเหมยเหมยตบตีจนต้องนอนหอบอยู่บนพื้น น้ำมูกน้ำตาเลือดผสมเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

เด็กห้องอื่นได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากทางฝั่งนี้ก็รีบวิ่งกรูเข้ามาห้ามทัพ พอได้ฟังฉีฉีเก๋อพูดที่มาที่ไปแล้วพวกเธอก็ต่างดูแคลนต่อการกระทำของสีอันน่า

คนที่หาเรื่องต่อหน้าไม่น่ากลัวเลยสักนิดจะกลัวก็แต่ประเภทเดียวกับสีอันน่า ต่อหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ลับหลังกลับเป็นพวกชั่วช้าแทงข้างหลัง น่ากลัวเสียยิ่งกว่างูเห่าอีก!

“จ้าวเหมย พวกเธอหยุดทะเลาะกันเถอะนะ ศาสตราจารย์เหยียนโพสต์ข้อความแล้ว!” มีคนตะโกนขึ้น

…………………………………………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท