ตอนที่ 1962 ทางที่ดีคือเจ้าหญิงน้อย
เหมยเหมยก็ชะงักมือแล้วหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นอัตโนมัติ ในที่สุดก็ถามสักทีแล้วควรจะตอบกลับอย่างไรดี?
ตลอดสองปีมานี้เหยียนหมิงต๋าอยู่ในค่ายทหารที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก ไม่เคยติดต่อกับทางบ้านสักครั้งแม้จะเขียนจดหมายสักฉบับยังไม่ได้รับอนุญาต ถานซูฟางกับเหยียนโฮ่วเต๋อติดต่อเขาไม่ได้ เช่นเดียวกับเขาที่ติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้
ฉะนั้นเหยียนหมิงต๋าจึงไม่รู้เรื่องราวของสองสามีภรรยาคู่นี้ หลงคิดว่าพวกเขายังทำงานอยู่เมืองจินมาโดยตลอด!
เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งอย่างใจเย็นไม่ลนลาน แล้วเอาเนื้อกุ้งที่แกะเสร็จสรรพใส่ในถ้วยของคุณปู่เหยียนถึงตอบกลับ “พวกเขามีวันหยุดสั้นเกินไปเลยมาไม่ทัน”
“งั้นไว้เดี๋ยวผมจะกลับไปเยี่ยมพวกท่านที่เมืองจินแล้วกัน รอบนี้ผมได้หยุดตั้งหนึ่งเดือนเลยนะ!” เหยียนหมิงต๋ายิ้มเอ่ย
“ทานข้าวก่อน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เหยียนหมิงซุ่นคีบเนื้อเคาหยกใส่ถ้วยน้องชาย เนื่องด้วยความไม่อยากทำลายบรรยากาศปีใหม่เลยตัดสินใจรอคุยเรื่องนี้กับน้องชายให้รู้เรื่องในวันพรุ่งนี้
เหยียนหมิงต๋าไม่ได้คิดมาก เขาหัวเราะเหอะ ๆแล้วกัดเนื้อคำโตก่อนจะยกนิ้วโป้งพูดชม “เนื้อที่คุณย่าทำอร่อยที่สุดเลย เนื้อในค่ายมีแต่มัน ปุเลี่ยนไม่อร่อย”
คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง ขอแค่ได้ใช้เวลาปีใหม่อย่างสงบก็พอ คุณย่าหยางคีบเนื้อเคาหยกอีกหนึ่งชิ้นให้หลานชายคนเล็ก “อร่อยก็ทานเยอะ ๆ ดูสิเนื้อตรงแก้มหายไปหมดเลย”
เหยียนหมิงต๋าไม่เคยปฏิเสธน้ำใจใครเลยทานเนื้อคำโตที่ดูเจริญอาหารเหมือนอย่างเคยและดูท่าทางใสซื่อโง่เขลา
มื้อค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าใกล้จะจบลงแล้ว ทุกคนทานอิ่มท้องกันถ้วนหน้า เหมยเหมยเผอเรอติดต่อกันหลายที เธอทานปอเปี๊ยะมากเกินไปเลยอิ่มจุกเกือบถึงคอหอย
เธอช่วยคุณย่าหยางเก็บกวาดห้องครัว ขณะทำงานไปก็คุยกันไป พอคุยกันไปคุยกันมาก็โยงมาถึงเรื่องวัยเด็ก
“ย่าว่านะถ้าอนาคตหนูกับหมิงซุ่นมีลูกสาวคนหนึ่งก็ดีสิ ตัวเล็กหน้าตาน่ารักน่าชัง ถ้าคล้ายเหมยเหมยก็ยิ่งดีเลย ย่าจะทำเสื้อผ้าให้เหลนแต่งตัวให้เหมือนเจ้าหญิงน้อยทุกวัน อุ้มไปข้างนอกต้องได้หน้าได้ตามากแน่ ๆ”
คุณย่าหยางวาดฝันเพราะเธอมีลูกชายหนึ่งคนส่วนลูกชายก็มีหลานชายให้เธอสองคนจนสร้างความผิดหวังแก่คุณย่าอย่างมาก เธอจึงหวังเพียงว่าจะมีเหลนผู้หญิงสักคนมาเติมเต็มความต้องการของทั้งชีวิตเธอ
เหมยเหมยหน้าแดงก่ำทันทีแล้วก้มหน้างุดอย่างเขินอาย รู้สึกอบอุ่นถึงใจ
ลูกสาวของเธอกับพี่หมิงซุ่นจะหน้าตาอย่างไรกันนะ?
ต่างบอกว่าลูกสาวจะเกิดมาคล้ายพ่อคงต้องเหมือนพี่หมิงซุ่นสินะ แบบนั้นก็ดูดีเหมือนกัน ต้องเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยแสนงดงามแน่ ๆ!
คุณย่าหยางเองก็พึมพำไม่หยุด “ย่าไม่ว่าหรอกว่าเหลนจะหน้าตาเหมือนใครเพราะก็ดูดีทั้งนั้น แต่ทางที่ดีให้เหมือนแม่จะได้เหมือนนางฟ้าตัวน้อยไปเลย โอ๊ย…อยากมีแล้ว ทำไมเหมยเหมยยังต้องรออีกสองปีถึงจะเรียนจบกันนะ!”
เหมยเหมยเองก็เสียดาย นั่นสิ ทำไมต้องรออีกตั้งสองปีถึงจะเรียนจบกันล่ะ?
เวลาผ่านไปช้าจริง ๆ!
เวลาประมาณสามทุ่มเหยียนหมิงซุ่นก็พาเหมยเหมยกลับไปหาพวกจ้าวอิงหัว หากไม่กลับไปจ้าวอิงหัวต้องตามมาแหง เวลาเพิ่งผ่านไปได้สิบนาทีจ้าวอิงหัวก็โทรมาร่วมสามสายเหมือนเร่งให้ไปตายอย่างไรอย่างนั้น
“เอาปอเปี๊ยะกับเกี๊ยวไปด้วย แล้วก็กับข้าวพวกนี้ย่าทำไว้กึ่งสำเร็จรูป แม่เหมยเหมยงานยุ่งต้องไม่มีเวลาทำอาหารแน่ ๆ กับข้าวพวกนี้เพียงพอให้พวกเขาทานได้หลายวันแล้วละ”
คุณย่าหยางหิ้วถุงขนาดใหญ่ออกมาจากครัวสองถุง ถุงขนาดเล็กกว่าเป็นปอเปี๊ยะกับเกี๊ยวส่วนถุงขนาดใหญ่กว่าเป็นกับข้าวอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงกับฟองเต้าหู้ทอด ปลาดาบเงิน เนื้อวัวตุ๋น เมนูนึ่งรวมมิตร เกี๊ยวไข่ เคาหยกเป็นต้น ล้วนถูกคุณย่าแบ่งประเภทเก็บไว้อย่างดีสะอาดสะอ้าน
“ขอบคุณค่ะคุณย่า ลาภปากพ่อแม่หนูละทีนี้” เหมยเหมยรู้สึกขอบคุณอย่างมาก กับข้าวพวกนี้ไม่รู้ว่าต้องเสียเวลาคุณย่าไปมากแค่ไหน
คุณย่าหยางหัวเราะดังลั่น “ขอบคุณอะไร พวกเขายกลูกสาวที่ดีขนาดนี้ให้บ้านเรามา กับข้าวแค่นี้ไม่ใช่เรื่องหนักหนาเลย พวกหลานรีบไปเถอะ อย่าให้พวกเขาต้องรอนานเกินไป ขับรถก็ระมัดระวังด้วยนะ!”
………………………..
ตอนที่ 1963 คืนส่งท้ายปีเก่า
เมื่อเอ่ยลาคนแก่ตระกูลเหยียนทั้งสองแล้ว เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยก็จากไป
“พี่ พรุ่งนี้พี่จะบอกเรื่องพ่อแม่เหยียนหมิงต๋าให้เขารู้จริง ๆเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้ถานซูฟางเป็นนักข่าวภาคสนามที่เหมือนเอาชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกวัน ได้ยินว่าเจ็บตัวมาสองครั้งแล้ว ส่วนเหยียนโฮ่วเต๋อก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักในเมื่ออยู่ในเขตพื้นที่บนเขาไม่มีน้ำไฟใช้ คนที่เติบโตในเมืองไม่เคยลำบากตั้งแต่เด็กอย่างเหยียนโฮ่วเต๋ออยู่สุขสบายสิแปลก!
“แน่นอนว่าไม่บอก บอกแค่ว่าพวกเขาไปศึกษาชีวิตต่อที่ต่างประเทศ หมิงต๋าโง่ หลอกง่าย!” เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะบอกความจริงแต่แรกอยู่แล้ว
เหมยเหมยยังกังวลใจอยู่หน่อย ๆ “ถ้าเกิดอนาคตเขารู้เข้าล่ะจะทำอย่างไร?”
“ถ้ารู้ก็บอกความจริงเขาไป ปิดบังได้นานแค่ไหนก็นานแค่นั้น” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ระอาอยู่เหมือนกัน
เขายังอยากรักษาความสัมพันธ์พี่น้องกับเหยียนหมิงต๋าไว้เหมือนเดิมถึงได้เลือกหนีความจริงเป็นครั้งแรก ถึงจะหนีได้หนึ่งวันก็ยังดี จิตใต้สำนึกกลับฉายชัดว่าไม่อยากให้วันที่รู้ความจริงมาถึง
เพราะเขาก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าหากเหยียนหมิงต๋ารับรู้ความจริงแล้วจะยอมเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อยู่อีกหรือไม่
“เฮ้อ!”
เหมยเหมยถอนหายใจยาว เธอไม่เชื่อในตัวเหยียนหมิงต๋าเลยจริง ๆ!
และไม่อยากเห็นสองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นศัตรูกัน!
เพราะเธอรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ปากเขาพูด ความจริงเขาห่วงใยน้องชายมาก หากเหยียนหมิงต๋าแตกหักกับเขาจริง ๆ เหยียนหมิงซุ่นจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ ๆ!
ได้แต่หวังว่าเจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าจะไม่รู้ความจริงตลอดไป!
เหยียนหมิงซุ่นรู้ทันความพะวงใจของเหมยเหมยเลยหันมาหยิกแก้มเธอทีหนึ่ง ยิ้มปลอบใจเธอ “อย่ากังวลไป สามีของเธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
ถ้ารักษาความสัมพันธ์พี่น้องต่อไปไม่ได้จริง ๆ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงตัดขาดสายสัมพันธ์
เพียงแต่เขายังหวังอยู่ดีว่าจะไม่มีวันนั้น!
พวกจ้าวอิงหัวทานมื้อคืนส่งท้ายปีเก่าเสร็จนานแล้ว พวกเขาสามคนในครอบครัวกำลังนอนดูโทรทัศน์บนโซฟา รายการสนุกสนานมาก แต่เพราะไม่มีนักแสดงตลกสองท่านอย่างคุณเฉินกับคุณจูที่เป็นนักแสดงสุดโปรดของจ้าวอิงหัวร่วมรายการด้วย จ้าวอิงหัวเลยเริ่มหมดความสนใจ เขายิ่งโมโหขึ้นเรื่อย ๆตั้งแต่เริ่มทานข้าวมื้อค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าแล้ว
“ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านเขาเลยก็กลายเป็นคนตระกูลเหยียนเต็มตัวแล้วเหรอ? ไม่มีเหตุผลเลย!”
อดทนถึงสามทุ่มจ้าวอิงหัวก็เหลือบดูเวลาบนกำแพงแวบหนึ่งจนในที่สุดภูเขาไฟก็ระเบิดออกมา แต่อย่างน้อยเขายังจำได้ว่านี่เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าเลยลดระดับเสียงลงและพูดให้ช้าลง เดินวกไปวนมาอยู่ในห้องนั่งเล่น
จ้าวเสวียหลินก็กลับมาแล้ว เขาไม่ได้กลับบ้านมาสองปีเช่นเดียวกับเหยียนหมิงต๋าซึ่งปีนี้เขาขอลากลับมาโดยเฉพาะ แต่กว่าจะกลับมาได้สักครั้งมันไม่ง่ายเลย น้องสาวสุดที่รักกลับไม่อยู่บ้านเพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับผู้ชายเสียอย่างนั้น
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่พี่ชายภรรยาอย่างมาก
“ใช่ เจ้าเหยียนหมิงซุ่นจะทำเกินไปแล้ว นี่ยังไม่แต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมคืนส่งท้ายปีเก่าถึงไม่กลับบ้านแล้วล่ะ? อีกอย่างต่อให้แต่งเข้าบ้านนั้นจริง ๆ กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดนี่นาว่าห้ามกลับมาฉลองปีใหม่กับบ้านตัวเอง!”
จ้าวเสวียหลินไม่มีอารมณ์ดูรายการปีใหม่เพราะมัวแต่ราดน้ำมันใส่กองไฟให้พ่อตัวเองอยู่ โอ้…ไม่ได้การล่ะ
“ไม่ได้…ฉันต้องไปรับลูกสาวฉันกลับมา นี่มันมีเหตุผลเสียที่ไหนกัน จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
จ้าวอิงหัวถูกลูกชายกระตุ้นจึงเด้งตัวลุกขึ้น โชคดีที่เขาอายุปูนนี้แล้วแต่ยังแข็งแรงดีขนาดนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็คว้าเสื้อโค้ทผ้าพันคอกับหมวกบนชั้นเสื้อผ้าเตรียมออกไปรับเหมยเหมย
เหยียนซินหย่าที่แต่เดิมไม่คิดจะสนใจสองพ่อลูกจอมประสาทคู่นี้ เธอจึงทำได้แค่วางรีโมทลงอย่างเอือมระอาพร้อมโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก “นั่งดูทีวีนิ่ง ๆไปเถอะ คุณปู่คุณย่าหมิงซุ่นเพิ่งมาอยู่เมืองหลวง เพราะกลัวคนแก่จะเหงาเหมยเหมยถึงตั้งใจไปฉลองคืนส่งท้ายปีเก่ากับพวกท่านโดยเฉพาะ นี่จะเอะอะโวยวายอะไรกันนักหนา?”
……………………