ตอนที่ 1960 การกลับมาของเหยียนหมิงต๋า
เรื่องราวหลังจากนั้นสร้างความผิดหวังแก่เหมยเหมยอย่างมากเพราะทางอู่เยวี่ยหายเงียบไป หรือแม้กระทั่งโอหยางเซี่ยงหมิงก็เงียบกริบไปด้วยเพราะใช้ความเงียบเข้าสู้ไม่ยอมตอบโต้โจวจื่อหัว ในเมื่อเล่นละครคนเดียวมันจะสนุกได้อย่างไร ทางฝั่งโจวจื่อหัวเองจึงหายไปด้วยอีกคน
เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดหาวิธีไม่ได้ชั่วขณะจึงให้โจวจื่อหัวรอคำสั่งเงียบ ๆ เพราะจากนิสัยของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วคราวนี้เสียเปรียบไปตั้งมากเขาไม่มีทางยอมกล้ำกลืนความแค้นนี้หรอก เขาต้องแอบคิดแผนการใหญ่ลับหลังอยู่อย่างแน่นอน ส่วนพวกเขาก็รอรับมืออยู่นิ่ง ๆก็พอ
ไม่นานก็มาถึงคืนวันส่งท้ายปีเก่าของตรุษจีน ทุกบ้านกำลังเตรียมสำหรับการมาเยือนของวันตรุษจีนเลยไม่มีใครให้ความสนใจข่าวซุบซิบนินทาอีก สามพี่น้องโจวซิ่งเอ๋อร์ก็กลับไปฉลองตรุษจีนกับโจวจื่อหัวที่ฮ่องกง ความสงบจึงได้บังเกิดขึ้นชั่วคราว
คืนส่งท้ายปีเก่าเหมยเหมยได้กลับไปฉลองกับพวกคุณย่าหยางกับเหยียนหมิงซุ่น คนแก่สองคนใช้ชีวิตที่เมืองหลวงอย่างมีความสุขและคุ้นชินเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากมาย ชีวิตมีความสุขมากเชียวละ
พออารมณ์ดีก็เจริญอาหารจนทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นตามลำดับ หลังจากคุณปู่เหยียนอยู่ห่างจากลูกชายกับลูกสะใภ้ที่น่ารำคาญใจ แถมยังได้รับการบำรุงจากยาวิเศษอีกจึงทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่ต้องให้คุณย่าหยางคอยประคองแล้วเพราะคุณปู่เหยียนสามารถใช้ไม้เท้าก้าวเดินช้า ๆได้ ทุกเช้าเขาจะออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะตามลำพังอีกต่างหาก!
คุณย่าหยางซื้อของกลับมาฉลองตรุษจีนมากมายและเริ่มทำการเตรียมมื้อค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าตั้งแต่คืนก่อนหน้าเสียอีก วัตถุดิบอาหารอย่างเนื้อไก่เป็ดปลาหมูกุ้งรากบัวที่ต้องตระเตรียมไว้ เนื้อปลาจะสื่อถึงเหลือกินเหลือใช้ทุกปี รากบัวสื่อความหมายให้มีเส้นทางที่ราบรื่น…สิ่งเหล่านี้เป็นของที่ทุกบ้านในเมืองจินจะต้องทำในมื้อค่ำส่งท้ายปีไว้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวเพื่อเสริมความสิริมงคล
เพราะปีนี้เหยียนหมิงต๋าจะกลับมาฉลองวันตรุษจีนด้วย หลังจากเขาไปเกณฑ์ทหารก็ไม่เคยได้กลับมาอีกติดต่อกันสองปีแล้ว คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนต่างคิดถึงหลานชายคนเล็กกันมาก
“พี่ เหยียนหมิงต๋าตอนนี้ยังโง่เหมือนเดิมอยู่ไหมนะ? อย่าเผลอไปเจออู่เยวี่ยอีกเชียว!” เหมยเหมยค่อนข้างเป็นห่วง
อสรพิษอู่เยวี่ยมักหาทางหลอกล่อคนอื่นไปทั่ว คนไม่เกี่ยวข้องใด ๆอย่างเซียวเวยยังถูกใช้เป็นเครื่องมือได้ แล้วพ่อหนุ่มผู้ลุ่มหลงในความรักอย่างเหยียนหมิงต๋าหากอู่เยวี่ยตามตัวเจอเข้าคงต้องกลายเป็นเครื่องมือหลอกใช้อีกแน่นอน
“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้หมิงต๋าฉลาดขึ้นบ้างแล้วไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น อีกอย่างอู่เยวี่ยก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กังวลขนาดนั้น
เจ้าน้องชายโง่เขลาของเขาลุ่มหลงเพียงอู่เยวี่ยคนเดียวและไม่สนใจผู้หญิงคนอื่น หากอู่เยวี่ยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ลำพังใช้รูปลักษณ์ภายนอกของโอหยางซานซานก็ไม่มีทางมัดใจเหยียนหมิงต๋าได้หรอก
เหมยเหมยครุ่นคิดตามก็เห็นด้วยเลยค่อยสบายใจขึ้นบ้าง
คุณย่าหยางกำลังทอดปอเปี๊ยะตรงลานบ้าน กลิ่นหอมเย้ายวนลอดผ่านช่องประตูเข้ามาก่อนที่เหมยเหมยจะสูดกลิ่นสุดแรงพลันเอ่ยเสียงดีใจ “คุณย่าดีจังเลย รู้ว่าหนูชอบปอเปี๊ยะก็เลยทอดให้ทาน ไม่ได้ทานปอเปี๊ยะรสดั้งเดิมมานานแล้ว”
“ชอบก็ทานเยอะ ๆ ย่าห่อไว้เยอะเลย มีแต่ไส้ผักกาดขาวหมูสับของโปรดหนูทั้งนั้นด้วย แถมยังสดใหม่มากเลยละ” คุณย่าหยางหัวเราะเสียงใส หลังจากมาอยู่เมืองหลวงคุณย่าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากและแข็งแรงเป็นพิเศษ
“ขอบคุณค่ะคุณย่า เดี๋ยวหนูห่อกลับไปให้พ่อแม่กับพี่ชายหนูทานบ้าง พวกเขาชอบปอเปี๊ยะฝีมือคุณย่ามากเลยค่ะ” เหมยเหมยหยิบปอเปี๊ยะที่ถูกทอดสีเหลืองอร่ามขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่ปากพลางเอ่ยออดอ้อนปากหวานเหมือนปากเคลือบน้ำผึ้ง เอาอกเอาใจคุณย่าจนยิ้มหน้าบาน
“ส่วนของพ่อแม่หนูย่าห่อไว้หมดแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น อยากทานก็เอาออกมาทอดสักหน่อยก็ทานได้แล้ว” คุณย่าหยางยิ้มอย่างใจดีพลางใช้มือตักปอเปี๊ยะที่ทอดเสร็จขึ้นมาไม่มีหยุดพักพร้อมจัดเรียงเป็นแถวสวยงาม
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปลื้มใจแล้วเดินเข้าห้องไป เหยียนหมิงต๋ากำลังเล่นหมากรุกกับคุณปู่เหยียน พอเห็นเขาก็รีบลุกขึ้นตะเบะท่าทหารทำความเคารพ
“พี่ใหญ่!”
…………………..
ตอนที่ 1961 ยังโง่เหมือนเดิม
เหยียนหมิงต๋าที่ผ่านการฝึกในค่ายทหารมาสองปีดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมและสูงกว่าเหยียนหมิงซุ่นไปกว่าคืบ ผอมลงและผิวคล้ำขึ้น ใบหน้าที่แต่เดิมอ้วนกลมกลับซูบลงไม่น้อย ดวงตาก็ดูลึกซึ้งขึ้นด้วยเช่นกัน
จากเด็กผู้ชายก้าวกระโดดเป็นผู้ชายเต็มตัวในชั่วพริบตา
ความจริงตลอดสองปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงซุ่นเคยไปเยี่ยมเหยียนหมิงต๋าในค่ายทหารหลายครั้งแต่เขามักแอบสังเกตอีกฝ่ายอยู่ที่ลับโดยไม่ให้เหยียนหมิงต๋ารู้ตัว ซึ่งเขาค่อนข้างพึงพอใจกับความประพฤติของน้องชายตัวเองพอสมควร
“ไม่เลว พยายามต่อไป ตั้งใจทำดี ๆ เพื่อให้เข้าทีมเซวี่ยอิงให้ได้ในปีนี้”
เหยียนหมิงซุ่นตบบ่าน้องชายแรง ๆทีหนึ่งทำให้เหยียนหมิงต๋าตาเป็นประกาย ทีมเซวี่ยอิงถือเป็นความฝันของทหารทุกคน ได้ข่าวว่ามีเพียงทหารฝีมือเยี่ยมยอดถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในนั้นได้
ทหารที่ไม่อยากเข้าทีมเซวี่ยอิงไม่มีทางเป็นทหารที่ดีได้ แน่นอนว่าเขาก็อยากเข้าแต่–
“พี่ ผมเข้าได้จริงเหรอ?” เหยียนหมิงต๋ามองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความคาดหวัง
“เข้าได้หรือไม่ได้ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสิน นายต้องเป็นคนตัดสินเอง ในเมื่ออยากเข้าทีมเซวี่ยอิงก็ต้องตั้งใจฝึก พยายามให้เข้ารอบในครั้งเดียว” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงนิ่ง
ความจริงเหยียนหมิงต๋ามีศักยภาพด้านร่างกายที่ดีไม่หยอกซึ่งเหมาะกับการเป็นทหารแต่เกิด แต่เขาขาดความฉลาดไปสักหน่อยเลยต้องพยายามในเรื่องนี้ต่อไป ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นคิดจะให้เขาฝึกต่ออีกหนึ่งปีแล้วค่อยไปสอบเข้าทีมเซวี่ยอิง
เช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่เป็นการรับผิดชอบชีวิตสมาชิกทีมเซวี่ยอิงอื่น ๆ แต่เป็นการรับผิดชอบต่อตัวของเขาเอง
เหยียนหมิงต๋าพยักหน้าแรง ๆ ตอบเสียงดัง “พี่ใหญ่สบายใจได้ ผมจะพยายาม”
คุณปู่เหยียนเห็นสองพี่น้องรักใคร่กันดีเลยยิ้มด้วยความปลื้มใจ ซึ่งรูปปากยังคงเบี้ยวอยู่และขนาดองศาก็แคบเล็กน้อย รออีกไม่นานคงกลับมาเป็นปกติได้แล้ว
เหมยเหมยยกจานกับข้าวเข้ามาพร้อมตะโกนเอ่ย “พี่จัดโต๊ะที เตรียมทานข้าวแล้ว!”
เหยียนหมิงต๋าเห็นเหมยเหมยก็ชะงักแล้วถามเสียงเบา “พี่ใหญ่ ทำไมจ้าวเหมยถึงมาฉลองปีใหม่บ้านเราล่ะ? เธอไม่กลับบ้านตัวเองเหรอ?”
“เรียกพี่สะใภ้ใหญ่ ไร้มารยาทเสียจริง!” เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาใส่เขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งพลางก้าวขายาวไปรับจานกับข้าวจากมือเหมยเหมยมาพร้อมพูดเสียงตำหนิ “หยิบทีละจานไม่ได้เหรอ? ถ้าลวกโดนมือจะทำอย่างไร?”
เหยียนหมิงต๋ากะพริบตาปริบ ๆยังไม่ได้สติกลับคืนมา
พี่สะใภ้ใหญ่หรือ?
หมายความว่าอย่างไร?
ทำไมผ่านไปหลายปีพี่ใหญ่ของเขายังคงสองมาตรฐานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ตะโกนตะคอกเสียงใส่เขาแต่อ่อนโยนกับจ้าวเหมยขนาดนั้น…
เหยียนหมิงต๋าลูบจมูกปอย ๆแล้วกระแซะตัวไปถามคุณปู่เหยียนเสียงเบา “คุณปู่ พี่ชายผมกับจ้าวเหมยชิงสุกก่อนห่ามเหรอ? โอ้โฮ…จ้าวเหมยบรรลุนิติภาวะหรือยัง? พี่ชายผมทำได้ลงคอจริง ๆเลยนะ!”
โอ้โฮ…จ้าวเหมยบรรลุนิติภาวะหรือยัง? พี่ชาย
คุณปู่เหยียนยื่นมือสั่นเทาออกมาตบศีรษะเหยียนหมิงต๋าทีหนึ่งพร้อมปริปากด่า “เรียก…เรียกพี่…สะใภ้ เสีย…มารยาท!”
เหยียนหมิงต๋าลูบหลังศีรษะไปมาอย่างนึกข้องใจว่าเมื่อก่อนคุณปู่รำคาญจ้าวเหมยที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมสองปีผ่านไปถึงกลายเป็นฝ่ายปกป้องแทนแล้วล่ะ?
เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นยกจานกับข้าวที่คุณย่าหยางเตรียมเอาไว้มาจัดวางเต็มโต๊ะ ไก่ต้มสับเป็นชิ้น ปลาตุ๋นน้ำแดง ผัดรากบัว เคาหยก นึ่งรวมมิตร เนื้อเป็ดอบหน่อไม้ กุ้งลวก…เป็นต้น อาหารทุกจานส่งกลิ่นหอมสีสันสวยงามทำเอาคนมองน้ำลายแทบไหล
ห้าคนทั้งครอบครัวนั่งลงก่อนที่เหยียนหมิงซุ่นจะรินไวน์แดงให้ทุกคน เขารินแก้วเล็กให้เหมยเหมย รับชมรายการวันตรุษจีนไปด้วยก็ทานข้าวไปด้วยท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นสนุกสนาน
“คุณย่า ทำไมพ่อแม่ผมไม่มาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวงด้วยกันล่ะ?” จู่ๆ เหยียนหมิงต๋าก็ถามขึ้น
คุณย่ามือชะงักงันจนเผลอทำตะเกียบร่วงใส่จาน
……………………..