ตอนที่ 2067 ที่แท้ก็คนคุ้นเคยนี่เอง
เหยียนหมิงซุ่นมองไปตามมือของเสี่ยวกัวแล้วก็พบว่าบนหน้าจอมีรูปของสามคนซึ่งเป็นชายสองหญิงหนึ่งที่ต่างอายุน้อยกันทั้งหมด คนที่เด็กที่สุดคือผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุสิบแปดปีซึ่งตัดออกไปได้เลย
โอกาสที่เด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปีจะเป็นเพื่อนสนิทกับคุณชายน้อยบีเบอร์คงมีไม่มาก
ผู้ชายสองคนที่เหลือ คนหนึ่งมีอายุยี่สิบสองปีส่วนอีกคนหนึ่งมีอายุยี่สิบสี่ปี คนหนึ่งคือผู้สืบทอดตระกูลลี่ ส่วนอีกคนหนึ่งคือคุณชายตระกูลเสิ่นซึ่งต่างเป็นคุณชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
คนที่เสี่ยวกัวชี้กลับเป็นผู้สืบทอดตระกูลลี่ พอเหยียนหมิงซุ่นมองเพียงปราดเดียวก็จำได้ว่าเคยเจอเขามาก่อน อีกอย่างยังเคยร่วมมือกันด้วย
อีกฝ่ายก็คือลี่เมิ่งเฉินที่เคยออกรายการร่วมกับเหมยเหมยมาก่อนนั่นเอง
ผู้ชายที่ฉลาดปราดเปรื่องแต่กลับหลงตัวเองสุดขั้วคนนั้น!
สามปีก่อนหมอนี่เคยตามตื๊อขอยาวิเศษจากเขาไปหนึ่งขวด บอกว่าจะช่วยเขาดึงดูดความสนใจจากเฮ่อเหลียนเช่อไปบ้างเพราะเขาผสมยาได้ ขอแค่มียาวิเศษเขาก็สามารถลอกเลียนแบบได้
ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อหมอนี่สักเท่าไรนักและหลงคิดว่าเขาแค่โม้เท่านั้น แต่เห็นแก่บุญคุณที่ลี่เมิ่งเฉินช่วยชีวิตเอาไว้บวกกับหมอนี่ตามตื๊อจนน่ารำคาญเลยให้เขาไปหนึ่งขวด แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าหมอนี่จะลอกเลียนแบบได้
แต่ตอนนี้–
เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตุบตับ เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
คนฉลาดปราดเปรื่องหลงตัวเอง แล้วผลิตยาเองได้…
คุณสมบัติตรงกับลี่เมิ่งเฉินเป๊ะ หรือว่าวินซ์คนนั้นก็คือลี่เมิ่งเฉินงั้นเหรอ?
ความคิดของเสี่ยวกัวกับเขาตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้คุณชายตระกูลเสิ่นเองก็เก่งมากแต่ความเก่งกาจของเขาอยู่ในเรื่องธุรกิจการค้า คุณชายเสิ่นเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจการค้าตั้งแต่เด็ก ตระกูลเสิ่นจึงก้าวกระโดดจากตระกูลปลายแถวมาอยู่ระดับแถวหน้าเพราะเขา
ไม่เคยได้ยินว่าคุณชายเสิ่นรู้เรื่องการแพทย์เลยสักนิด ต่อให้เขาปิดบังความจริงที่ว่าเขารู้เรื่องการแพทย์แต่ปีที่แล้วคุณชายเสิ่นไม่เคยไปประเทศอเมริกาเลยตลอดทั้งปี เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาไปรักษาโรคมะเร็งให้ท่านผู้เฒ่าบีเบอร์
คนที่เหลือก็มีเพียงลี่เมิ่งเฉินแล้ว!
“หมอนี่แหละ เอ๊ะ หมอนี่เคยออกรายการกับภรรยาของคุณด้วย คุณลองถามคุณจ้าวสิว่ามีเบอร์โทรของเขาไหม โทรนัดเขามาดื่มน้ำชาสิ!”
เสี่ยวกัวมีข้อมูลละเอียดยิบ แม้แต่รายการโทรทัศน์ที่ลี่เมิ่งเฉินเคยออกก็มีบันทึกเอาไว้เพื่อสะดวกในการตามหา มิน่าหมอนี่ถึงได้หาใครเก่งขนาดนี้ หากในยามปกติต้องลำบากไม่น้อยแน่ ๆ
โลกนี้ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ นอกเสียจากเป็นลูกชายแท้ ๆของพระเจ้า!
เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “คุณไปนัดลี่เมิ่งเฉินมาดื่มชาสิ!”
เสี่ยวกัวไม่พอใจมาก “ทำไมถึงเป็นผมอีกแล้วล่ะ? ลูกน้องของคุณมีตั้งมากไว้กินข้าวฟรี ๆหรือไง!”
“ลูกน้องฉันไม่เครียดเรื่องลูกชาย” เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่บ่งบอกชัดเจนว่า–
อยากมีลูกไว้สืบตระกูลอีกไหมล่ะ?
เสี่ยวกัวถอนหายใจอย่างโอดครวญแวบหนึ่งแล้วยอมไปทำงานแต่โดยดี ใครให้เขาอยากมีลูกชายกันล่ะ!
ไว้กลับไปจะสั่งสอนไอ้สารเลวเฉินซานให้เข็ด ไอ้คนใจดำอำมหิต มีชีวิตอยู่ไปก็เปลืองอากาศเปล่า ๆ!
เสี่ยวกัวหลงคิดว่าการตามหาลี่เมิ่งเฉินเป็นเรื่องง่ายเพราะมีทั้งชื่อมีทั้งสกุลและมีที่อยู่ของตระกูล สำหรับเขามันคือเรื่องง่ายนิดเดียวเท่านั้น แต่ความจริงกลับเหมือนค้อนที่ทุบเขาอย่างหนัก!
หากลี่เมิ่งเฉินเป็นบุคคลที่ตามหาง่าย คงไม่มีทางที่ FBI ตามหามาสี่ห้าปีก็ไร้วี่แววหรอกมั้ง!
หมอนี่ไม่ค่อยอยู่บ้านเท่าไรตั้งแต่อายุสิบปี ทำตัวเร่ร่อนแวบไปแวบมาจนแม้แต่พ่อแม่เขายังไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองไปอยู่ไหนจึงตัดสินใจไม่สนใจเขา และไม่กังวลว่าจะถูกกลุ่มค้ามนุษย์จับตัวไปหรือมีคนร้ายรังแกลูกชายตนด้วย
พวกเขากลับเป็นห่วงกลุ่มค้ามนุษย์กับคนร้ายมากกว่า
เสี่ยวกัวแทบพลิกแผ่นดินตามหาทั่วเมืองหลวงแต่ก็ไม่เจอแม้แต่ปลายขนของลี่เมิ่งเฉินเลย!
เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาหยามเหยียดมาให้เขาแล้วส่งลูกน้องทั้งเมืองหลวงออกตามหา แผ่นดินเมืองหลวงถูกพลิกซ้ำไปซ้ำมาแต่ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม
เสี่ยวกัวส่งรอยยิ้มหยามเหยียดกลับไปเช่นเดียวกัน
…………………….
ตอนที่ 2068 ไม่สนใจความหิวของปากท้อง
“ไม่แน่อาจจะออกไปเที่ยวก็ได้ พ่อแม่ลี่เมิ่งเฉินบอกว่าเขามักจะออกไปเที่ยวบ่อย ๆ ปีหนึ่งไม่ค่อยเจอเงาหัวเท่าไรหรอก แม้แต่คืนทานข้าวก่อนปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวยังไม่กลับมาด้วยซ้ำ แล้วยังบอกให้ฉันช่วยตามหาลูกพวกเขาด้วยอีกต่างหาก!”
เสี่ยวกัวเอ่ยอย่างระอา เขาไปหาถึงที่ก็ไม่เจอเจ้าตัวแต่กลับถูกคนไหว้วานช่วยตามหาลูกชายแทน สองคนพ่อแม่นี่มัน…แม้แต่ลูกชายยังคุมไม่อยู่!
แต่ก็มิน่าละ ลูกชายอย่างลี่เมิ่งเฉินเกรงว่าคงมีเพียงคนอย่างเง็กเซียนฮ่องเต้กับราชินีมารดรถึงจะคุมอยู่!
คนทั่วไปคงคุมไม่อยู่หรอก!
เหยียนหมิงซุ่นจำต้องให้ลูกน้องออกตามหานอกเมือง โชคดีที่ลี่เมิ่งเฉินไม่มีประวัติออกนอกประเทศจึงน่าจะยังอยู่ในประเทศ
เสี่ยวกัวเหนื่อยแทบแย่เลยบอกว่าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย ความจริงก็คิดถึงภรรยาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจเลยปล่อยเขาไป
เหมยเหมยไม่รู้ว่าช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นกำลังวุ่นอะไรอยู่เลยคิดว่าเป็นเรื่องงาน วันนี้เลิกเรียนเร็วเหมยเหมยจึงเตรียมเข้าครัวทำอาหารที่เป็นของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นหลายอย่าง ช่วงนี้มีแต่เหยียนหมิงซุ่นที่ทำอาหารให้เธอทาน เธอไม่ได้เข้าครัวตั้งนานแล้ว
ของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นธรรมดามาก ล้วนเป็นอาหารบ้านเกิดของคุณยายโม่ ไซซีเต้าหู้ ผัดน้ำแดงปลาหางยาว หอยนึ่ง…
อาหารบ้านเกิดของคุณยายโม่รสชาติจะจืดชืดเสียเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับอาหารบ้านเกิดของเหยียนซินหย่า ทั้งยังมีอาหารหลากหลายชนิดที่ชอบเอาไปนึ่ง หอยหวานก็เช่นกัน ตัดปลายก้นออกแล้วใช้เกลือล้างให้สะอาด ใส่ขิงกระเทียมเครื่องปรุงรสอย่างซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูเป็นต้น และก็เช่นกันพอนึ่งข้าวจนสุกค่อยเอาน้ำมันหมูคลุกเคล้าอีกหน่อย รสชาติจะสดใหม่มาก
เสียดายที่บ้านไม่มีเตาถ่านเลยทำให้อาหารที่นึ่งออกมารสชาติแย่กว่าหน่อย อาหารที่ทำบนเตาถ่านในชนบทอร่อยที่สุด ต่อให้เป็นอาหารที่ธรรมดาที่สุดเวลาผัดออกมาก็อย่าให้สาธยายเลยว่าอร่อยมากแค่ไหน
เหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านก็ได้กลิ่นอาหารอันคุ้นเคยจึงอดสูดจมูกดมไม่ได้ พอเดินไปในครัวก็เห็นคนรักในชุดผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ เขาเลยอดยิ้มออกมาไม่ได้
“พี่กลับมาพอดี ฉันเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ พี่จะทานข้าวก่อนหรืออาบน้ำก่อน?” เหมยเหมยยิ้มหวาน ดวงหน้าสะสวยปัดเป่าความเหน็ดเหนื่อยของเหยียนหมิงซุ่นไปจนสิ้น
“ทานข้าวก่อน วันนี้นึกยังไงถึงทำกับข้าว?” เหยียนหมิงซุ่นยกจานอาหารออกไป ทั้งหมดล้วนเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น รอยยิ้มจึงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
เหมยเหมยยิ้มเอ่ย “ฉันอยากเอาใจพี่ไง!”
เหยียนหมิงซุ่นฟังแล้วรู้สึกขบขำเลยผุดความคิดซุกซนขึ้นมาพลางกระซิบข้างหูเธอ “ฉันไม่ค่อยอยากสนใจความหิวที่ท้องเท่าไร ฉันชอบสื่อสารผ่านร่างกายกับจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งมากกว่า…”
เหมยเหมยหน้าแดงทันทีแล้วถลึงตาใส่ พูดถึงเรื่องอาหารอยู่ดี ๆ นอกเรื่องไปไหนแล้ว?
“ทานข้าว!”
เหมยเหมยหน้าบึ้งคร้านจะสนใจเขา ตนคีบหอยตัวหนึ่งมาดูด หอยที่ผ่านการคลุกเคล้าน้ำมันหมูส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ต่อให้คลุกกับอาหารชนิดอื่นก็หอมเหมือนเดิม เหยียนซินหย่าก็ชอบใช้น้ำมันหมูคลุกกับข้าวที่ผ่านการนึ่งมาเช่นกัน
เพียงแต่ภายหลังมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยบอกว่าน้ำมันหมูไม่ดีต่อสุขภาพจึงทำเอาหลายคนตื่นกลัวจนไม่กล้าทานอีก เหมยเหมยคิดว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเจตนาพูดให้คนอื่นตกใจไปทั่ว ยุคสมัยนี้แต่ละบ้านล้วนทานน้ำมันหมูและไม่ค่อยมีคนเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมากขนาดนั้น เหตุผลที่ยุคหลังมีคนเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมาก เธอคิดว่าเป็นเพราะทานเนื้อชนิดอื่น ๆมากเกินไป ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อน้ำมันหมูเลย!
“เธอยังจำลี่เมิ่งเฉินได้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้
เหมยเหมยกะพริบตา ผ่านไปครู่หนึ่งถึงนึกขึ้นได้ว่าเป็นใคร เจ้าคนที่ชอบทำตัวอวดเก่งไม่ค่อยมีใครชอบนั่นเอง
“เขาทำไมเหรอ?”
“เปล่า แค่อยากตามหาเขาให้ช่วยอะไรหน่อย แต่หานานแล้วก็หาไม่เจอ” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายเรียบ ๆ
เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง “เรื่องสำคัญมากเหรอ?”
“ไม่ค่อยสำคัญหรอก ไม่มีอะไร เธอทานข้าวเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นตักไซซีเต้าหู้ให้เธอหนึ่งถ้วย
ไซซีเต้าหู้ที่เหมยเหมยทำใช้ซุปเป็ดเป็นหลัก เพิ่มเห็ดหูหนู เนื้อหมูสามชั้น ปลิงทะเล เห็ดเข็มทองเป็นต้น รสชาติสดใหม่และอุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วน
เหมยเหมยครุ่นคิด หากไม่ใช่เรื่องสำคัญเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางถามเธอแน่ ๆ บ่งบอกว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆถึงต้องตามหาตัวลี่เมิ่งเฉิน
เธอผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวค่อยถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แม่หญิงคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างในเมืองหลวง ไม่แน่อาจจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้!
…………………