ตอนที่ 2239 อย่าวาดรูปที่ไร้จิตวิญญาณ
“รูปที่วางขายในพิพิธภัณฑ์แม่หนูต้องมีคุณสมบัติที่ดีพอสมควร ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆนะคะว่าสวีจื่อเซวียนไม่ใช่คนมีฝีมือ เกรงว่าผลงานจะขายออกได้ยาก”
เหมยเหมยพูดตามความจริงที่ไม่ได้เจาะจงเล่นงานสองคนนี้
ผลงานที่วางขายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเหยียนซินหย่าล้วนแต่เป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งเรียกว่ากลไกทางตลาด หากเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงลูกค้าถึงจะยอมจ่ายเงินซื้อ โดยปกติแล้วไม่มีคนยอมเสียเงินซื้อผลงานศิลปะของศิลปินไร้ชื่อหรอก
นอกจากว่าจะวาดได้ดีเยี่ยมจนเข้าตาเห็นศักยภาพของศิลปินคนนี้ถึงจะยอมเสียเงินซื้อ
แต่…ลูกค้าประเภทนี้นานทีปีหนยังไม่เจอสักคนเลย
เดิมทีสวีจื่อเซวียนยังนับว่ามีชีวิตชีวาพอสมควรแต่สภาวะของเธอในตอนนี้แข้งขาพิการ ร่างกายทรุดโทรม อีกทั้งยังคอยกังวลเรื่องเงินประทังชีวิตอยู่ทุกวันเลยทำให้สภาวะย่ำแย่ถึงขีดสุด เหมยเหมยไม่คิดว่าเธอจะวาดผลงานที่มีชีวิตชีวาอะไรออกมาได้
เจียงจื้อหรู่ยิ้มเก้อแล้วถูมือเร็วถี่กว่าเดิม ตัวเขาเคยบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเหมยเหมยกำลังพูดความจริง ศิลปินอย่างสวีจื่อเซวียนในเมืองหลวงมีถมเถไป คนที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงกว่าเธอก็มากจนนับไม่ถ้วน
ก่อนจะมาหาเหมยเหมยเจียงจื้อหรู่ก็เคยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่มีกิจการพิพิธภัณฑ์ศิลปะมาบ้างแล้ว เพียงแต่เพื่อนกลุ่มนั้นต่างปฏิเสธอ้อม ๆ ด้วยความระอาเขาจึงคิดจะมาหาเหมยเหมย หวังว่าเธอจะเห็นแก่เยื่อใยสัมพันธ์อันน้อยนิดในวันวานไว้หน้าเขาสักนิด
แต่—ก็ถูกปฏิเสธอยู่ดี!
เจียงจื้อหรู่ใจหายวาบ ชีวิตที่หนักอึ้งทำให้ความเย่อหยิ่งความถือตัวในวันวางพังทลายไม่เป็นท่า ในเมื่อแทบจะใช้ชีวิตต่อไม่ได้แล้วยังจะมีสิทธิ์ถือตัวอะไรอีก!
เหมยเหมยขมวดคิ้วพลางกล่าว “ถ้าสวีจื่อเซวียนอยากหาเงินจริง ๆ หนูแนะนำให้เธอวาดรูปเชิงพาณิชย์ ถ้าเธอยินดีก็ไปหาผู้จัดการหลิวที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย กฎเหมือนคนอื่นบอกไปว่าหนูเป็นคนให้พวกอาจารย์ไปหา”
เจียงจื้อหรู่เผยสีหน้ายินดี “ขอบคุณนะ…”
เขาเข้าใจดีถึงรูปเชิงพาณิชย์ แม้การวาดรูปประเภทนี้จะเป็นเรื่องสุดเอือมระอาสำหรับศิลปินคนหนึ่ง แต่ตอนนี้การหาเงินสำคัญกว่า ต่อให้ระอาแค่ไหนก็ต้องวาด
บรรดาเพื่อนพ้องเหล่านั้นของเขาไม่ยอมแม้กระทั่งให้สวีจื่อเซวียนวาดรูปเชิงพาณิชย์ขาย เดิมทีเจียงจื้อหรู่สิ้นหวังแล้วแต่กลับไม่คิดว่าจะมีความหวังรออยู่ข้างหน้า ใบหน้าเผยยิ้มอย่างดีใจในฉับพลันและขอบคุณเหมยเหมยซ้ำ ๆไม่หยุด
เหมยเหมยอมยิ้มแล้วขอตัวลากลับ
พิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่ากิจการรุ่งเรืองซึ่งล้วนแต่เป็นลูกค้าจากทางตอนใต้และต่างประเทศโดยให้ราคาดีไม่หยอก แน่นอนว่าก็มีเงื่อนไขค่อนข้างสูง ศิลปินฝีมืออ่อนหัดยากจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ ฉะนั้นระยะนี้เหยียนซินหย่าจึงตระเวนหาศิลปินวัยรุ่นมาร่วมงานด้วย หากสวีจื่อเซวียนมีฝีมือก็ปล่อยให้เธอวาดไป ทั้งช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของเธอกับเจียงจื้อหรู่ได้ และยังช่วยงานพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
แล้วเหตุใดเธอถึงไม่ทำล่ะ?
เพียงแต่–
“ฉันไม่อยากวาด…รูปพวกนั้นไม่มีจิตวิญญาณ…”
หลังจากเจียงจื้อหรู่กลับถึงบ้านก็ได้บอกเรื่องวาดรูปเชิงพาณิชย์ให้สวีจื่อเซวียนทราบแต่กลับถูกคัดค้านอย่างรุนแรง
สวีจื่อเซวียนมีปฏิกิริยาต่อต้านเรื่องนี้อย่างหนัก เธอไม่ยอมวาดรูปเชิงพาณิชย์ที่ไร้จิตวิญญาณพวกนั้น เธอคิดว่านี่เป็นการเหยียดหยามเธออย่างหนึ่ง
เจียงจื้อหรู่ไม่คิดว่าชีวิตลำบากถึงขั้นนี้แล้วสวีจื่อเซวียนกลับยังทำตัวเหมือนเด็กน้อยอีก คนที่อารมณ์ดีเสมอมาอย่างเขาก็บันดาลโทสะตีหน้าขรึมเอ่ยตำหนิ “ไม่วาดก็ได้ ฉันก็มีเงินเดือนแค่เดือนละพันกว่าหยวน ซื้อเสื้อผ้ามียี่ห้อกับเครื่องสำอางราคาแพงของเธอไม่ไหว หลังจากนี้เราก็ทานแต่ข้าวต้มจืด ๆกับเครื่องเคียงทั่วไปแล้วกัน เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซื้อแล้ว!”
……
สามวันหลังจากนั้นผู้จัดการหลิวของพิพิธภัณฑ์ก็ได้โทรมาปรึกษาเหมยเหมยว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับสวีจื่อเซวียนดี
“ไม่ต้องปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษหรอก ทำเหมือนศิลปินคนอื่น ๆ ถ้าวาดไม่ดีก็ไล่กลับไปซะ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา
………………………….
ตอนที่ 2240 อยู่ตลอดกาล
เหมยเหมยถามถึงสถานการณ์ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะต่ออีกสักหน่อย จากนั้นก็พบว่ามีแนวโน้มไปในทางที่ดีและดีขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงวางสายไปอย่างพึงพอใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนวิ่งแจ้นมาทานผลไม้ฟรีอีกแล้ว อิงจวี้กังเก่งกาจขึ้นทุกวันจนเธอทำเพียงรับลูกค้ากับบริหารเงินก็พอ ปกติถ้าไม่มีอะไรทำพอว่างจากงานหากไม่กลับบ้านตัวเองก็จะมาหาเหมยเหมย
เหมยเหมยดูแลบำรุงตัวเองอยู่บ้านอย่างเบื่อหน่ายย่อมต้องการให้เพื่อนมาหาบ่อย ๆอยู่แล้วเพราะจะได้ฆ่าเวลา
“เธอแนะนำงานให้สวีจื่อเซวียนเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานน้ำแข็งไสผลไม้คำโตแล้วถามด้วยความสงสัย
“อืม…เจียงจื้อหรู่มาขอร้องฉันเอง ฉันก็ให้โอกาสเธอสักครั้งแล้วกัน แต่ถ้าเธอวาดได้ไม่ดีฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” เหมยเหมยยกรังนกที่ป้าฟางตุ๋นให้มาทานตักคำเล็กคำน้อย
ป้าฟางจะตุ๋นรังนกให้เธอวันละหม้อบอกว่าเป็นรังนกชั้นดีที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ได้ข่าวว่าหญิงตั้งครรภ์ทานรังนกระหว่างตั้งครรภ์ประจำลูกจะมีผิวพรรณดีซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จเช่นใด แต่ไม่ว่าอย่างไรป้าฟางก็เชื่อสนิทใจเลยตุ๋นให้เธอทุกวัน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ฉันว่าเธอไม่ผ่านหรอก ท่าทางหยิ่งยโสได้ใจของเธอจะยอมลดตัวไปวาดรูปเชิงพาณิชย์ที่ไร้จิตวิญญาณอย่างนั้นได้อย่างไรกัน? ต้องไม่ทำแน่นอน!”
“งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสเลย สมควรที่จะหิวตาย!”
เหมยเหมยทำหน้าเรียบนิ่ง เธอให้โอกาสแล้วแต่จะคว้าโอกาสไว้หรือเปล่าเป็นเรื่องของสวีจื่อเซวียน เธอคงไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง!
ทั้งคู่ไม่ได้สนใจเรื่องราวของสวีจื่อเซวียนมากนัก คนที่ถลำลึกทำเรื่องไม่ดีไม่คู่ควรได้รับความเห็นใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าเรื่องของฉีฉีเก๋ออีกสักหน่อยบอกว่าคู่นี้ใช้ชีวิตดีไม่หยอก ฉางชิงซงได้ลิ้มรสถึงความลำบากในชีวิต ไหนยังต้องเลี้ยงลูกก็ยอมวาดรูปเชิงพาณิชย์แสนน่าเบื่อพวกนั้นแต่โดยดี
ฉางชิงซงเป็นนักศึกษาดีเด่นที่มีฝีมือการวาดรูปนั้นไม่เป็นข้อกังขาอยู่แล้ว ทั้งยังตั้งใจวาดรูปและทำได้มีประสิทธิภาพมากจนสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าที่มักขอจองตัวให้ฉางชิงซงวาดเป็นประจำ ฉะนั้นตอนนี้ฉางชิงซงงานล้นมือรับแทบไม่หวาดไม่ไหว สถานะทางการเงินก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“คิดได้ก็ดี ลุงปาเกินก็คงวางใจลงได้บ้าง”
เหมยเหมยปลื้มใจอย่างมากที่ฉางชิงซงคิดได้แต่ไม่ได้หัวรั้นจะเดินต่อบนทางตันอย่างเดิม แบบนี้ถึงจะปรับตัวเข้ากับสังคมได้เร็วกว่าเดิม และจะมอบชีวิตที่ดีให้แก่สองแม่ลูกฉีฉีเก๋อได้
“เธอกับอิงจวี้กังจะจัดงานแต่งงานเมื่อไรล่ะ?” เหมยเหมยถามด้วยความสนใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เราไม่รีบ ตอนนี้บริษัทเพิ่งจะได้ไปดี เอาเวลาที่ไหนไปแต่งงาน รอว่างก่อนค่อยว่ากันอีกที”
“งั้นเธอก็รีบหน่อย รีบแต่งงานซะให้แม่ของเธอสบายใจ”
เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อมหลายประโยคแต่ไม่ได้กังวลใจมากนัก คุณหนูใหญ่เหริ่นมีสติแยกแยะเรื่องครอบครัวกับเรื่องงานชัดเจนดี หนำซ้ำอิงจวี้กังยังเชื่อฟังคำพูดเธอทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“ตอนนี้แม่ฉันไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก เธอคิดถึงแต่ผู้ชายของเธอเท่านั้นแหละ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
พ่อของเธอดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวันแล้วยังเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าแต่แม่ของเธอกลับยังรักผู้ชายแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้วิ่งเอาของไปให้พ่อของเธอในเรือนจำวันเว้นวัน ตัวติดหนึบยิ่งกว่าสมัยรักกันใหม่ ๆเสียอีก
จนทำเอาเธอโมโหแทบตาย!
เหมยเหมยตบหน้าผากทีหนึ่งเพราะเพิ่งนึกถึงเถ้าแก่เหริ่นที่เธอหลงลืมไป จะว่าไปอยู่สำนึกผิดที่เรือนจำมาสามปีกว่าแล้วสินะ?
“ตอนนี้พ่อเธอเป็นยังไงบ้าง?” เหมยเหมยสงสัยอย่างมาก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาลุกวาวแล้วพูดอย่างได้ใจ “อย่าพูดถึงเลย หลังจากพ่อฉันเข้าไปอยู่ในนั้นสุขภาพก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ปวดเอวไม่เจ็บขา มีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนไม่รู้ตั้งเท่าไร”
เหมยเหมยเคยกำชับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำไว้โดยเฉพาะจึงไม่มีใครกล้ารังแกพ่อของเธอ อีกทั้งอาหารสามมื้อมีรสชาติจืดชืดแล้วยังต้องออกแรงทำงานทุกวัน แถมยังไม่มียัยสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนไหนมาสูบเอาพลังชีวิตจากเขาไปอีก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดจากใจจริงว่าพ่อของเธอน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้ตลอดกาล!
………………………