ตอนที่ 2251 รังสีคืออะไร
ป้าฟางหยิบเอาถ้วยประจำของฉิวฉิวมา เหมยเหมยคีบน่องเป็ดสองชิ้น กุ้งอีกหลายตัว และคีบเอาหมูนึ่งข้าวคั่วอีกจำนวนหนึ่งใส่ให้วางลงตรงหน้ามัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของโปรดฉิวฉิวทั้งนั้น จากนั้นก็ปล่อยฉาฉาออกมา ปล่อยให้สองพี่น้องทานไปด้วยกัน
“ทานหมดแล้วพี่ค่อยหยิบให้ใหม่ แกจะหยิบเองไม่ได้นะ”
ฉิวฉิวกรอกตามองบนแล้วกัดน่องเป็ดเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนอีกน่องหนึ่งยกให้ฉาฉาไป
“สรุปแล้วเจ้าซื่อบื้อนั่นเป็นอะไรกันแน่?” ฉิวฉิวถามขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค ความอยากรู้อยากเห็นของมันมีมากพอสมควร
“ติดเชื้อจากรังสี อาการหนักมาก พึ่งพายาวิเศษอยู่จึงทำให้ยื้อชีวิตมาได้” เหมยเหมยอธิบายสั้น ๆกระชับ
ฉาฉาที่ตั้งอกตั้งใจแทะน่องเป็ดอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่า “พี่ฉิว ติดเชื้อจากรังสีคืออะไรเหรอ?”
ฉิวฉิวรู้เสียที่ไหนล่ะ มันใช้อุ้งมือบีบลงไป “เวลาทานอาหารห้ามพูด เสียมารยาท!”
มันอัดอั้นอยู่นาน จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงโพล่งถามเหมยเหมยว่า “รังสีคือพิษอะไรหรือ?”
เหมยเหมยไม่รู้เลยว่าควรจะอธิบายเช่นไรดี เวลาเจอปัญหาต้องเรียกสามีสิ เธอผลักเหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นว่า “ฉิวฉิวถามว่ารังสีคืออะไร? พี่บอกมันไปสิ”
เหยียนหมิงซุ่นผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา ฉิวฉิวไม่ธรรมดา เหมยเหมยบอกว่ายาวิเศษมันก็เป็นคนให้มา บางทีมันอาจจะหาของดี ๆ อย่างอื่นได้อีกก็ได้!
“ฉันไม่รู้จะบอกแกอย่างไร พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปหาหมิงต๋า แกลองไปดูเองแล้วกัน…” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้กระรอกตัวหนึ่งฟังอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องรังสี
ใบหน้าของฉิวฉิวจริงจังขึ้นมา พอผ่านไปสักพักจึงพยักหน้า “ก็ดี มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเธอเจอโลกมาน้อยเกินไป ของที่ไม่รู้จักมีอยู่มาก ต้องสืบหาสาเหตุได้แน่นอน”
เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็พลันรู้สึกขบขำเลยเอาตะเกียบเคาะไปทีหนึ่ง “กินเนื้อของแกไปเลย!”
ฉิวฉิวกลอกตาใส่ด้วยความระอา คร้านจะสนใจนายผู้หญิงที่นับวันก็ยิ่งไม่น่ารักเอาเสียเลย แถมยังลอบมองหน้าท้องของเหมยเหมยอยู่บ่อย ๆ วัฏจักรการตั้งครรภ์ของมนุษย์คือสิบเดือน ตอนนี้สามเดือน ยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงเจ็ดเดือน…
ฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าก็จะมีเจ้าตัวเล็กมาเล่นด้วยแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็มองไปยังท้องของเหมยเหมยที่นูนขึ้นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง ในนั้นคือลูกของเขา หลั่งจากสายเลือดของเขา…
เป็นความรู้สึกที่แสนมหัศจรรย์เหลือเกิน!
เหมยเหมยก้มหน้ามองตามสายตาของเขา ลูบท้องเบา ๆ พูดพลางหัวเราะว่า “ป้าฟางบอกว่าอีกเดือนเดียวเจ้าตัวเล็กก็ดิ้นได้แล้ว แถมยังอัลตร้าซาวด์ดูเพศได้ด้วย พี่คะ พี่อยากได้ลูกชายหรือลูกสาวเหรอ?”
“ได้หมดเลย”
ในความคิดเห็นส่วนตัวของเหยียนหมิงซุ่นนั้นรู้สึกว่าลูกชายดีกว่า ไม่ใช่ว่าเห็นผู้ชายเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง แต่หวังว่าจะมีอีกสักคนมาคอยช่วยปกป้องดูแลเหมยเหมยต่างหาก
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ฉันชอบหมดเลย แล้วฉันก็จะคอยปกป้องดูแลพวกเขาไปจนโต ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดที่จะมารังแกพวกเขาเด็ดขาด” สีหน้าแววตาของเหมยเหมยเปี่ยมล้นด้วยความเป็นแม่
ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอแต่พอเป็นแม่คนกลับเข้มแข็ง นี่คือความสามารถที่วิเศษที่สุดที่พระเจ้าประทานให้กับสตรีผู้อ่อนแอ
เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือคลึงหว่างคิ้วของเหมยเหมยเพื่อผ่อนคลาย “มีพี่อยู่ จะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเธอกับลูกได้หรอก”
เช้าวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นพาฉิวฉิวไปโรงพยาบาลด้วย ฉาฉาเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตากับรังสีในตำนาน เหยียนหมิงซุ่นจึงต้องยัดพวกมันไว้ในถุงกระเป๋าแล้วพาไปด้วย
เหยียนหมิงต๋ายังคงนอนอยู่ในตู้กักตัว ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก ไม่เจ็บปวดแล้วเพียงแต่ยังคงสลบอยู่
เหยียนหมิงซุ่นหยิบกาเทยาวิเศษเข้าไป ท่าทีของเหยียนหมิงต๋าดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่สิ่งที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นกังวลก็คือประสิทธิภาพของยาวิเศษที่ใช้รักษาเหยียนหมิงต๋านั้นลดน้อยลง ไม่ได้ผลเหมือนกับช่วงแรกเริ่มอีกต่อไปแล้ว
นี่คือสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นกังวลใจมากที่สุด
หากว่ายาวิเศษใช้ไม่ได้ผลแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องชายด้วยวิธีการใดได้อีก!
ฉิวฉิวทนอยู่ในหน้ากากมองอะไรไม่เห็นสักอย่างอยู่นานจึงปีนขึ้นไปยืนบนหัวของเหยียนหมิงซุ่นอย่างโมโห มองทะลุผ่านแผ่นกระจกครอบแต่กลับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย
“ปล่อยฉันออกไป!”
ฉิวฉิวเอะอะโวยวายอยู่ในหน้ากาก มือไม้ปัดป่ายไม่หยุด
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 2252 พลังงานพิเศษ
เหยียนหมิงซุ่นถูกฉิวฉิวดึงทึ้งผมจนหนังศีรษะตึงเจ็บไปหมด เขาสวมใส่ชุดป้องกันอย่างหนาแน่นจึงขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ อีกอย่างทำได้แค่ปิดตู้กักตัวแล้วจึงจะสามารถถอดหน้ากากได้
“แกคิดจะทำอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่กำลังมุดเข้าไปอยู่ด้านบนตู้กักตัวอย่างจนปัญญา
ฉิวฉิวไม่สนใจเขา มันยื่นมือคิดที่จะผลักประตูเข้าไป ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นตกใจจนรีบคว้าหางของมันไว้ “ผลักเปิดไม่ได้นะ ไม่งั้นพวกเราก็ต้องติดเชื้อไปด้วย!”
“คนธรรมดาอย่างพวกนายสิที่กลัว ฉันเป็นถึงสัตว์เทวะ กลัวก็บ้าแล้ว!”
ฉิวฉิวส่งเสียงร้องไม่หยุด กระโดดโลดเต้นขึ้นลงไปมา
แต่เหยียนหมิงซุ่นมีหรือที่จะเข้าใจภาษาของกระรอก สีหน้างวยงง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกคงพาเหมยเหมยมาช่วยแปลให้แล้ว
“พี่ฉิว นายผู้ชายฟังไม่ออก…” ฉาฉาโผล่หัวอันแสนน่ารักของมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเหยียนหมิงซุ่น แลบลิ้นฟ่อ ๆ
“แย่ล่ะ ฉันก็ลืมไปเลย…ไม่พูดละ…”
ฉิวฉิวใช้อุ้งเท้าตบท้ายทอยตัวเอง มันคร้านจะพูดจาไร้สาระต่อแล้วพุ่งตัวหมายจะเข้าไปข้างใน เหยียนหมิงซุ่นถึงได้เข้าใจความหมายของมัน เขาจึงทำได้แค่ลากฉิวฉิวเอาไว้
“มันอันตรายจริง ๆ แกอยากจะติดเชื้อไปด้วยหรือไง?” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเอือมระอาเหลือเกิน
ไม่ใช่แค่ว่าฉิวฉิวเป็นสิ่งล้ำค่าของเหมยเหมย แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกผูกพันกับเจ้าตัวแสบนี่เลย เขาจะทนมองดูฉิวฉิวเป็นอะไรไปเฉย ๆได้เหรอ?
ฉิวฉิวยกอุ้งเท้าขึ้นอย่างรีบร้อน ส่งเสียงร้องจี๊ด ๆ เนิ่นนานกว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะเข้าใจความหมายของมัน จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “แกไม่กลัวรังสี?”
เจ้าตัวแสบพยักหน้ารับ
เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยจะเชื่อนัก ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตก็จะสามารถติดเชื้อจากรังสีได้หมด ฉิวฉิวไม่รู้จักแม้กระทั่งว่ารังสีคืออะไร มันจะต้องเข้าใจว่ารังสีเป็นเพียงยาพิษที่ไม่มีอะไรแน่ ๆ
“แกไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารังสีคืออะไร ไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้ว่ามันไม่อันตราย ฉันจะให้แกไปเผชิญอันตรายไม่ได้ กลับบ้านกันเถอะ!”
เหยียนหมิงซุ่นดึงฉิวฉิวเอาไว้ พร้อมกับจับตัวฉาฉาที่เตรียมจะปีนเข้าไปในตู้กักตัวมายัดกลับเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม สัตว์เลี้ยงที่เหมยเหมยเลี้ยงไม่เชื่อฟังขึ้นทุกวัน ต้องรีบพากลับบ้านแล้ว หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าจะสารภาพต่อเหมยเหมยว่าอย่างไร!
ฉิวฉิวดิ้นพล่านไปมาบนฝ่ามือของเหยียนหมิงซุ่นด้วยความโกรธ มันก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นไร ทำไมนายผู้ชายถึงไม่เข้าใจอะไรเสียเลย!
พอสัมผัสไม่ได้ว่ารังสีบ้านั่นคืออะไร ความอยากรู้อยากเห็นของฉิวฉิวก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นดั่งเปลวไฟที่ร้อนระอุจนแผดเผา
หากว่ายังไม่เข้าใจ ต่อให้มีแม่กระรอกสาวสวยยอมพลีกายอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สนใจหรอก
ฉิวฉิวผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา มันพลิกตัวปีนขึ้นมาด้านบนแล้วกัดเข้าตรงบริเวณจุดอ่อนของเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นเจ็บจนต้องรีบผละมือออก ฉิวฉิวจึงรีบมุดเข้าไปในห้อง เปิดประตูเองและเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“ฉิวฉิวแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะสนใจบาดแผลบนมือแล้วรีบตามไปติด ๆ
ฉิวฉิวไม่สนใจเขา เอี้ยวตัวพุ่งไปยังตู้กักตัว ฝีเท้าอันแผ่วเบามุดตัวเข้าไปตรงประตูตู้กักตัว แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะตามมาทัน แต่เพราะจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันจึงช้าไปนิดเดียว เขาทำได้แค่มองฉิวฉิวเปิดประตูตู้กักตัวเต็มสองตาอย่างสิ้นหวัง เขาจะสารภาพกับเหมยเหมยอย่างไรดี?
ฉิวฉิวจ้องมองเหยียนหมิงต๋าด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางเคร่งขรึมอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก
มันสัมผัสได้ถึงพลังงานพิเศษบนร่างของเหยียนหมิงต๋า ไม่แปลกเลยที่คนธรรมดาจะทนไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะยาวิเศษของมัน เหยียนหมิงต๋าคงได้กลายเป็นเศษเนื้อไปนานแล้ว
พลังงานเหล่านี้มันใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของที่นี่
เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดจะไปจับตัวฉิวฉิวกลับมา แต่พอเห็นว่ามันไม่เป็นอะไรจึงเบาใจลงเปราะหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยืนอยู่เงียบ ๆรอให้ฉิวฉิวออกมาเอง
ไม่นานฉิวฉิวก็เดินออกมาแล้วปิดประตูตู้กักตัวลงพร้อมกับชี้ออกไปนอกประตู เหยียนหมิงซุ่นคล้ายจะเข้าใจจึงพามันออกไป
พอเดินมาถึงด้านนอก ฉิวฉิวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆกับเหยียนหมิงซุ่น มันดึงตัวฉาฉาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกลับเขาไปในห้องอีกครั้ง
……………………………………………………………….