ตอนที่ 2327 กล้าได้กล้าเสีย
ฉางชิงซงไม่กล้าบอกว่าฉีฉีเก๋อไม่ยอมกลับมาเลยตอบกลับอ้ำ ๆอึ้ง ๆไปว่า “ตอนนี้ฉีฉีเก๋อท้องอยู่จะดูแลแม่อย่างไร? ผมจะส่งแม่กลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ”
คุณแม่ฉางจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าฉีฉีเก๋อไม่อยากกลับมาเลยด่าว่า “ยายสำส่อนนั่นยังกล้าไม่กลับมาอีก ลูกบอกเธอว่าถ้าไม่กลับมาก็หย่ากันไปเลย ดูสิว่าคนท้องอย่างเธอจะไปไหนได้!”
“แม่พูดบ้าอะไรน่ะ ฉีฉีเก๋อกำลังท้องหลานแม่อยู่นะ” ฉางชิงซ่งไม่ค่อยพอใจนัก แม่ของเขามักพูดอะไรไม่ผ่านสมองคัดกรองเสมอ มิน่าฉีฉีเก๋อถึงได้โกรธขนาดนั้น
ฉางชิงซงกลับไม่ทันสังเกตว่าแม่ของเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือท่าทางป่วยออด ๆแอด ๆอีกต่อไปแล้ว ดูมีเรี่ยวมีแรงขนาดตอนด่ายังไม่ติดขัดสักนิด
คุณแม่ฉางกลอกตาทีหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ “ลูกรัก แม่จะบอกให้นะ ลูกสาวรองผู้ว่าการระดับมณฑลถูกตาต้องใจลูกล่ะ ตอนนี้เธอสอนอยู่โรงเรียนมัธยมหนึ่งในเมืองหลวง แถมอีกฝ่ายบอกแล้วว่าถ้าแต่งงานเกี่ยวดองกันรับรองว่าน้องสาวของลูกจะได้เข้าไปทำงานที่ว่าการระดับมณฑลแน่นอน”
ฉางชิงซงแค่รู้สึกทึ่ง “แม่สติเลอะเลือนหรือเปล่า ผมแต่งงานกับฉีฉีเก๋อแล้วจะไปหาคู่ได้อย่างไรอีก!”
“ฉีฉีเก๋อมีอะไรดี บ้านเราไม่ได้ผลประโยชน์เลยสักนิด อย่างไรซะลูกก็ไม่ได้จัดงานแต่งที่บ้านเกิดอยู่แล้ว คนที่บ้านเกิดไม่รู้ว่าลูกแต่งงานแล้ว ลูกก็แอบหย่ากับยัยสำส่อนนั่นซะ เราไปเกี่ยวดองกับลูกสาวรองผู้ว่าการกัน ดีกว่าฉีฉีเก๋อตั้งร้อยเท่า”
คุณแม่ฉางพูดน้ำไหลไฟดับตาวาววับ อนาคตเธอจะได้เป็นครอบครัวเดียวกับรองผู้ว่าการแล้ว น่าเฉิดฉายจะตาย!
ฉางชิงซงส่ายศีรษะ “แม่รีบไปปฏิเสธเรื่องนี้ให้ผมเลย ทำอะไรบ้า ๆเนี่ย ผมไม่มีทางหย่ากับฉีฉีเก๋อหรอก…”
ขณะนี้เองเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณแม่ฉางยืนตัวตรงดูท่าทางแข็งแรงดีมากเลยอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ว่า “แม่หายป่วยแล้วเหรอ?”
“ยัง…รู้สึกไม่สบายทั้งตัวเลย…โอ๊ย…ปวดจะตายอยู่แล้ว…” คุณแม่ฉางสะดุ้งแล้วรีบนอนลงส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนคนใกล้ตายอย่างไรอย่างนั้น
ฉางชิงซงพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วจึงไม่สนใจแม่ของเขาอีก จากนั้นวิ่งไปซื้อตั๋วรถที่สถานีเป็นรถรอบเก้าโมงเช้าในวันพรุ่งนี้ เดิมทีเขายังคิดจะไปส่งแม่ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ได้พับเก็บความคิดนี้ไปแล้ว
“ผมโทรบอกพ่อแล้ว พ่อจะไปรับแม่ที่สถานีเอง ทางนี้ผมจะเป็นคนส่งแม่ขึ้นรถ นี่เงินสองร้อยนี้แม่เก็บไว้ใช้ระหว่างทางนะ”
เช้าตรู่ของอีกวันฉางชิงซงก็เตรียมตัวไปส่งแม่ของเขาที่สถานีรถไฟ คุณแม่ฉางต้านไม่ไหวเลยจำต้องถูกพาตัวไปยังสถานีโดยระหว่างทางก็ทำหน้าถมึงทึงแต่ในหัวกำลังทำงานอย่างหนัก
ต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่ต่อได้นะ?
เธอไม่อยากกลับเลยจริง ๆ!
ช่วงบ่ายฉางชิงซ่งก็มาพาฉีฉีเก๋อกลับไป ทั้งยังรับปากว่าจะเอาเงินเดือนให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องในบ้านเธอก็เป็นคนตัดสินใจ…
ฉีฉีเก๋อไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อเลยกลับไปพร้อมกับฉางชิงซง ฉางชิงซงกลับกองถ่ายภายในวันเดียวกันอย่างไม่รีรอ เหลือเพียงฉีฉีเก๋ออยู่บ้านคนเดียวที่แม้จะเงียบเหงาไปบ้างแต่สบายกว่ามากเมื่อเทียบกับชีวิตลำเค็ญก่อนหน้านี้
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะซื้ออาหารดี ๆมาส่งให้เป็นระยะ ๆซึ่งลุงปาเกินเป็นคนฝากเธอซื้อจึงทำให้ไม่เคยขาดเนื้อปลาเนื้อไก่เลยแม้แต่วันเดียว ฉีฉีเก๋อได้รับสารอาหารเต็มที่สุขภาพกายก็แข็งแรงตามลำดับ
มื้อเย็นวันหนึ่งเหมยเหมยจงใจเอ่ยถามต่อเหยียนหมิงซุ่นว่า “วันนั้นพี่พนันไม่ใช่เหรอ ของเดิมพันคืออะไร?”
เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว เห็นท่าทางได้ใจของเธอก็รู้แล้วว่าคุณแม่ฉางต้องกลับไปแล้วแน่นอนพลันรู้สึกว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง ยายแก่ปีศาจนั่นจะเชื่อฟังคำสั่งขนาดนั้นเชียวหรือ?
เขาถามด้วยท่าทางเรียบเฉย “กลับไปแล้วเหรอ?”
“ใช่…ส่งกลับไปเมื่อเช้านี้ พี่แพ้แล้ว ไม่ดีกว่า ของเดิมพันฉันจะติดไว้ก่อนค่อยขอจากพี่วันหลัง!” เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก
เหยียนหมิงซุ่นดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ เพิ่งทานข้าวได้ครู่เดียวก็ช้อนตัวเหมยเหมยขึ้นพร้อมพูดหยอกเอินว่า “จะให้ของเดิมพันเดี๋ยวนี้เลย…”
เขามอบของเดิมพันให้อย่างสุดกำลัง ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว…
“ไม่เอา…ไอ้บ้า…ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนี้สักหน่อย…”
………………………..
ตอนที่ 2328 ทารกในครรภ์ไม่กลับหัว
ไม่มียายแก่ปีศาจคอยป่วนชีวิตฉีฉีเก๋อก็กลับมาสงบสุขดังเดิม เหมยเหมยยังคงอยู่บ้านดูแลครรภ์อย่างสุขสบายเช่นเดิม ไม่นานก็ถึงสิ้นปีซึ่งท้องของเธอนูนสูงเหมือนกระบุง
“อีกสองเดือนก็จะคลอดแล้ว คุณต้องเดินเยอะ ๆ ตอนคลอดจะได้ง่ายหน่อย”
คุณหมอเน้นย้ำตอนเธอไปตรวจครรภ์ ทั้งยังบอกว่าลูกของเธอได้รับสารอาหารดีเกินไป
“ครรภ์ค่อนข้างใหญ่ อีกอย่างทารกในครรภ์ไม่กลับหัว เวลาคลอดธรรมชาติจะเสียพลังงานมาก คุณต้องเดินเยอะ ๆ เพื่อให้ทารกในครรภ์กลับหัว สองเดือนนี้พยายามควบคุมอาหารหน่อย เอาแต่พอดีจะดีกว่า”
คุณหมอยิ้มตาหยี เธอคือหัวหน้าแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลในเขตทหารซึ่งเป็นหมอสูตินรีเวชที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ครรภ์นี้ของเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นก็ได้จับจองตัวผู้เชี่ยวชาญคนนี้ไว้แล้ว มีเธอคอยจับตาดูอยู่ตลอดจึงสร้างความสบายใจขึ้นมาก
“ครรภ์ขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้คลอดยากหรือเปล่า? ต้องผ่าท้องคลอดไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นดันเป็นฝ่ายกังวลใจแทน การตรวจครรภ์ครั้งก่อน ๆเขาพลาดไปทั้งหมด วันนี้เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก
แค่เขาได้ยินว่าทารกในครรภ์ตำแหน่งยังไม่ถูกต้องนักก็เริ่มกังวลว่าเหมยเหมยจะคลอดยากหรือเปล่า เพราะสองเหตุผลตามตำราที่ทำให้คลอดยากเหมยเหมยล้วนมีทั้งสิ้น เขาจึงเริ่มประหม่าขึ้นมา
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เหลือเวลาจากกำหนดคลอดอีกสองเดือน ขอแค่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็สามารถปรับได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆฉันไม่แนะนำให้ผ่าคลอดเพราะการคลอดธรรมชาติจะดีต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก” คุณหมอกล่าว
เหมยเหมยเองก็ไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาผ่าท้องคลอด ฉันคลอดได้แน่ ๆ กลับไปฉันจะเล่นโยคะ”
มีรอยแผลเป็นบนหน้าท้องน่าเกลียดเกินไป อนาคตจะใส่กางเกงเอวต่ำก็ไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อก่อนเธอเคยได้ยินมาว่าเด็กที่มาจากการผ่าท้องคลอดสมองจะเติบโตได้ไม่เต็มที่ ไม่ฉลาดเท่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ
ไม่ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่นั้น อย่างไรเสียหากไม่ถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เธอจะขัดขวางทุกสาเหตุที่มีผลเสียต่อลูกทั้งหมด
นอกจากสารอาหารดีเกินไปกับทารกไม่กลับหัว ค่าอื่น ๆของเด็กทารกก็สมบูรณ์แบบมาก
เพิ่งกลับถึงบ้านเหมยเหมยก็เปิดดนตรีที่ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์เพื่อเตรียมเล่นโยคะสักชั่วโมงหนึ่ง
ช่วงนี้ในเมืองหลวงนิยมเล่นกันเห็นว่าช่วยยืดอายุให้อยู่นานขึ้น ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้คนอายุแปดสิบแต่มีพลังชีวิตเหมือนคนอายุยี่สิบเลยก็ว่าได้…
นี่ต้องพูดเกินจริงอยู่แล้วแต่การที่ผู้หญิงเล่นโยคะสามารถรักษาหุ่นได้ดีจริง ๆ ทั้งยังช่วยขับให้ดูอ่อนเยาว์ เพียงแต่เงื่อนไขก็คือ–
ยืนหยัด!
ต้องยืนหยัด!
การทำอะไรไม่ต่อเนื่องมักไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว
คุณแม่เซียวเซ่อคุณหนูใหญ่เฝิงเล่นอยู่เกือบยี่สิบปี ถึงทำให้ตอนนี้เธอเป็นคุณป้าอายุสี่สิบห้าสี่สิบหกปีแล้วแต่กลับยังดูเหมือนอายุสามสิบปีกว่า ๆเท่านั้น อีกทั้งหุ่นยังผอมเพรียวดูน่าเย้ายวน แถมยังคงเป็นสาวงามที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหลวงด้วย
และยังคงมีการนัดหมายกับเซียวจิ่งหมิง…ไม่เคยขาดสาย…
เฝิงไห่ถังเป็นผู้แนะนำให้เหมยเหมยลองเล่นโยคะดูโดยบอกให้เธอฝึกทุกวันตั้งแต่ช่วงท้องวันละหนึ่งชั่วโมง หากทำให้เป็นนิสัยรับรองว่าต้องมีเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่นอนอยู่บนเสื่อโยคะยิ้มพลางส่ายหน้า ผู้หญิงชอบหาเรื่องทรมานตัวเองจริง ๆ
เขาไปทำงานที่ห้องหนังสือเพราะเหมยเหมยได้เข้าสู่ช่วงตั้งสมาธิซึ่งเจ้าไม่รับรู้เรื่องรอบตัวอีกต่อไปเหมือนได้โบยบินอยู่กลางอากาศ รู้สึกดีเหลือเกิน
แต่–
โทรศัพท์ดังขึ้น
แม้ป้าฟางจะมารับสายทันท่วงทีแต่ก็ขัดสมาธิจนไม่สามารถกลับสู่สภาวะนั้นได้อีก เหมยเหมยถอนหายใจ
“คุณหนู คุณป้าสะใภ้ใหญ่ของคุณชายหมิงโทรมา” ป้าฟางพูดเสียงเบา
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ คุณป้าสะใภ้ใหญ่หรือ?
เธอโทรมาทำไมกันนะ?
……………………….