ตอนที่ 2317 แผนการแยบยล
เหมยเหมยไม่อยากพูดไร้สาระกับเธอเลยชี้ไปที่เครื่องซักผ้าในกล่องแล้วถามฉีฉีเก๋อว่า “เครื่องซักผ้านี้ฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซื้อให้เธอใช้ เธอเก็บไว้มันหมายความว่าอย่างไร? รังเกียจเครื่องซักผ้าที่เราให้เหรอ?”
ฉีฉีเก๋อรีบอธิบาย “ไม่ใช่นะ ฉันจะรังเกียจได้อย่างไร…แม่บอกว่าเปลืองน้ำเปลืองไฟ แล้วเตรียมเก็บไว้ให้เป็นสินเดิมแต่งงานของน้องสามี…”
ประโยคสุดท้ายพูดเสียงเบาพร้อมขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ยามที่เธอได้ยินความคิดนี้ของคุณแม่ฉางครั้งแรกก็รู้สึกทึ่งอย่างมาก ตอนนี้น้องสามีเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง กว่าจะแต่งงานอย่างน้อยอีกตั้งสามสี่ปี เครื่องซักผ้าเก็บถึงตอนนั้นยังใช้ได้อยู่อีกหรือ?
เหมยเหมยเลิกคิ้วหันไปทางคุณแม่ฉางแล้วถามเสียงเย็น “คุณวางแผนได้แยบยลดีนี่ แต่เครื่องซักผ้านี่ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนรวมตังค์กันซื้อให้ฉีฉีเก๋อ ไม่ได้ซื้อให้ไว้ลูกคุณใช้ตอนแต่งงาน คุณมีสิทธิ์อะไรมาใช้เครื่องซักผ้านี้?”
คุณแม่ฉางตอบเสียงเบา “เอาให้บ้านฉันแล้วก็เป็นของของบ้านฉันสิ ทำไมฉันถึงจะไม่มีสิทธิ์กันล่ะ…”
“หูตึงหรือไง บอกว่าให้ฉีฉีเก๋อ ไม่ใช่ให้ลูกสาวป้า…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดเสียงใส่อย่างเดือดดาล มือคันยุบยิบอยากจะตบป้าคนนี้เสียจริง
แล้วก็ยัยโง่ฉีฉีเก๋อด้วย!
“เธอคุยง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ยอมปล่อยให้คนขึ้นมาขี่บนคอแล้วยังทำตัวอ่อนแออีก สมน้ำหน้าที่โดนรังแกจนตาย!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชี้นิ้วใส่ฉีฉีเก๋อที่ก้มหน้างุดไม่พูดอะไร สงสารในความโชคร้ายแต่โกรธกับความไม่เอาไหนมากกว่า!
เหมยเหมยถามเสียงเย็น “โทรเรียกฉางชิงซงกลับมา”
“รุ่นพี่ฉางไปสัมมนางานทางใต้ ไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว” ฉีฉีเก๋อตาแดง ยามฉางชิงซงอยู่บ้านคุณแม่ฉางยังพอเก็บอารมณ์อยู่บ้าง พอไม่อยู่บ้านคุณแม่ฉางก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
ตอนนี้เธอเสียใจเหลือเกินว่าทำไมถึงยอมตกลงให้คุณแม่ฉางมาดูแลตัวเองได้นะ
“เชี่ยนเชี่ยน เธอโทรหาฉางชิงซงบอกว่าเกิดเรื่องสำคัญถึงชีวิตขึ้นที่บ้าน ให้ลากลับมาเดี๋ยวนี้” เหมยเหมยเอ่ยต่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทันทีโดยไม่มองฉีฉีเก๋อ
“นี่…พวกเธออย่ามารบกวนงานของชิงซงสิ เดี๋ยวจะโดนหักโบนัสนะ…ที่บ้านสบายดีทุกอย่างจะโทรหาทำไม…” คุณแม่ฉางร้อนใจคิดจะไปห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน
เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางเอ่ยเย้ยหยัน “ถ้ายังห้าม ฉันทำให้ลูกชายของคุณเสียงานได้ด้วยเชื่อไหมล่ะ?”
คุณแม่ฉางหุบปากไม่กล้าห้ามอีกมีแต่ไฟโทสะสุมอยู่ในอก
เธอเชื่ออยู่แล้ว…จะไม่เชื่อได้หรือ?
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่งข้อความหาฉางชิงซงที่ไม่นานก็ตอบกลับมาทันที ฉางชิงซงน้ำเสียงร้อนใจอย่างมาก แต่คนแรกที่เขาถามถึงกลับไม่ใช่ฉีฉีเก๋อ “เกิดอะไรขึ้นกับแม่ฉันเหรอ?”
คุณแม่ฉางยิ้มอย่างได้ใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้เลี้ยงลูกชายเสียเปล่า กตัญญูใช้ได้เลย!
ฉีฉีเก๋อสายตาหม่นลงและรู้สึกขมขื่นในใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนด่า “แม่ของนายสบายดีจะตายจนกล้าจะฆ่าคนแล้ว ฉางชิงซง ถ้านายยังไม่กลับมาก็รอเก็บศพสองชีวิตของฉีฉีเก๋อเถอะ!”
สิ้นคำเธอก็วางสายแล้วตะโกนเรียกหาฉีฉีเก๋อ “มัวยืนบื้อทำไมอีกล่ะ? ยืนรอความตายหรือไง…”
ฉีฉีเก๋อมีสติมากขึ้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้ชีวิตหนึ่งเดือนที่ย่ำแย่นี้แบบนี้มาได้อย่างไร การมาเยือนของเพื่อนได้จุดไฟสว่างแก่ชีวิตเธอและปลุกนิสัยร่าเริงสดใสของเธอให้ฟื้นขึ้นมา
“ได้ ฉันไปเก็บของแป๊บหนึ่ง”
ฉีฉีเก๋อสดใสขึ้นเล็กน้อย ขาเดินกลับเข้าห้องนอนตัวสบายปลอดโปร่ง
คุณแม่ฉางรุดหน้าหมายจะห้ามเธอและตะโกนด่า “ห้ามไปไหนทั้งนั้น เธอแต่งเข้าบ้านฉางเราแล้วก็เป็นคนของตระกูลฉาง เธอคิดจะไปยั่วผู้ชายนอกบ้านหรือไง?”
……………………
ตอนที่ 2318 หนีออกจากบ้าน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดจะลุกไปช่วยฉีฉีเก๋อแต่ถูกเหมยเหมยกระชากแขนไว้พลางส่ายหน้าเบา ๆ
เรื่องภายในครอบครัวเช่นนี้สิ่งสำคัญคือต้องให้ฉีฉีเก๋อยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ในเมื่อพวกเธอเป็นคนนอกจะสอดมือเข้าไปยุ่งมากไม่ได้ อีกอย่างเป็นเหตุผลเดียวกับการให้ความช่วยเหลือได้ชั่วคราวแต่ช่วยตลอดไปไม่ได้ ช่วยครั้งสองครั้งไม่ใช่ปัญหาแต่จะช่วยไปเรื่อย ๆคงไม่ได้
เพื่อนดีแค่ไหนก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น สำคัญที่ต้องพึ่งตัวเอง
เหมยเหมยแค่อยากลองใจฉีฉีเก๋อว่าจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้ไหม?
ฉีฉีเก๋อสลัดแขนคุณแม่ฉางออก เมื่อก่อนเธอเคารพอีกฝ่ายเพราะเป็นผู้อาวุโสกว่าถึงได้ยอมทน แต่ตอนนี้เธอถูกเพื่อนด่าจนได้สติแล้ว ความอดทนของเธอมีแต่จะให้ผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้ทารุณตัวเองมากขึ้น แล้วทำไมเธอต้องทนอีกล่ะ?
“ฉันแค่แต่งงานกับฉางชิงซงไม่ได้แต่งกับคนทั้งตระกูลฉาง แม่ไม่มีสิทธิ์มากักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน หลีกไป!”
ฉีฉีเก๋อตาวาวโรจน์ ตัวเธอสูงกว่าคุณแม่กว่าคืบลำพังความน่าเกรงขามก็เอาชนะได้แล้ว คุณแม่ฉางชะงักและนึกโกรธกับความเปลี่ยนแปลงของฉีฉีเก๋อ ปั้นหน้าแล้วพูดเสียงดุดันว่า “เธอไม่ได้หาเงินแม้แต่หยวนเดียวมีแต่ชิงซงคอยเลี้ยง ยังกล้าไปหาผู้ชายคนอื่นนอกบ้าน ฉันจะตีคนสำส่อนอย่างเธอให้ตาย…”
เมื่อใช้เหตุผลเข้าสู้ไม่ไหวยายแก่ปีศาจก็เริ่มทำตัวไร้เหตุผล ถ้อยคำวาจาที่พ่นออกมาต่ำช้าไม่เข้าหู ฉีฉีเก๋อโกรธจนตัวสั่น โตมาขนาดนี้เธอยังไม่เคยถูกใครใส่ร้ายต่อหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย
แต่ตอนนี้คนที่ใส่ร้ายเธอกลับเป็นแม่สามีของเธอ ผู้อาวุโสที่เธออยากให้ความเคารพเยี่ยงแม่แท้ ๆอีกต่างหาก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินไปตะคอกด่า “ตอนนี้ฉันเป็นคนจะพาฉีฉีเก๋อไป ป้าตาบอดสินะที่แยกชายหญิงไม่ได้?”
“ใครจะรู้ว่าเธออาจเป็นแค่คนกลางมาหรือเปล่า…” คุณแม่ฉางไม่เชื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน นอกจากเหมยเหมยที่เธอไม่กล้ามีเรื่องด้วยแต่คนอื่นเธอไม่กลัวแม้แต่คนเดียว
ใครกล้าแตะต้องตัวเธอนิดเดียว เธอจะให้คนคนนั้นชดใช้จนสาสมเลย!
เหมยเหมยไม่เคยเจอผู้หญิงหน้าไม่อายเท่าคุณแม่ฉางมาก่อน เทียบกับเธอแล้วเหอปี้อวิ๋นกับถานซูฟางยังอ่อนกว่านัก อย่างน้อยสองคนนั้นยังรักษาหน้าอยู่บ้าง
แต่คุณแม่ฉางคนนี้กลับหน้าไม่อายอย่างไร้ขอบเขต อ้าปากก็ด่าคำหยาบที่น่ารังเกียจถึงขีดสุดแล้ว
“ฉันเชิญฉีฉีเก๋อไปพักบ้านฉัน คุณคิดว่าบ้านฉันมีผู้ชายเลว ๆอะไรงั้นเหรอ?” เหมยเหมยทำหน้าเย็นชา
ต่อหน้าเหมยเหมยคุณแม่ฉางไม่กล้าเหิมเกริมมากนักเลยได้ยิ้มแหย “ฉันไม่ได้ความว่าอย่างนั้น ฉีฉีเก๋อกำลังท้องอยู่นี่ วิ่งแจ้นออกไปข้างนอกคงดูไม่ดี”
“ต่อให้ออกไปยังไงก็ยังดีกว่าถูกคุณทารุณอยู่ที่บ้านแล้วกัน” เหมยเหมยไม่ได้ทำหน้าดี ๆใส่ ทั้งยังส่งสายตาให้ป้าฟางเพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้
ป้าฟางรีบเดินเข้ามาบังหน้าเหมยเหมย ปรายตามองคุณแม่ฉางด้วยสายตาเย็นชาแล้วชี้ไปที่มุมกำแพงว่า “อยู่ให้ห่างจากคุณหนูฉันสามเมตร ถ้าคุณหนูฉันเป็นอะไรไปละก็…”
คุณแม่ฉางเห็นป้าฟางก็นึกถึงความรู้สึกที่เคยถูกบีบคอ จากนั้นตัวก็สะท้านเฮือกถอยหลังกรูดแต่โดยดี ขณะที่ปากยังพึมพำไม่หยุด “ฉันยังไม่ทันแตะต้องตัวคุณหนูบ้านคุณเลยสักนิด…”
“ท่าทางของคุณน่ารังเกียจเกินไป คุณหนูของฉันเห็นแล้วจะรู้สึกพะอืดพะอมได้ ถอยไปอีก!” ป้าฟางตวาดเสียงเข้ม คุณแม่ฉางได้แต่ถอยกลับไปยืนอยู่ตรงมุมกำแพงอย่างหวาดกลัว
ฉีฉีเก๋อหิ้วกระเป๋าใบเล็กออกมา เหมยเหมยสังเกตเห็นว่ายังเป็นกระเป๋าใบที่เธอใช้เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกทั้งเสื้อผ้าบนตัวฉีฉีเก๋อก็ยังเป็นชุดเก่าตอนมหาวิทยาลัยอีกด้วย ดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูหนาว เสื้อผ้าตัวใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงพอจะสวมเป็นชุดคลุมท้องได้
แต่เทียบกับคุณแม่ฉางในเสื้อผ้าชุดใหม่ก็เห็นถึงการเสียดสีได้อย่างชัดเจน
เหมยเหมยผิดหวังต่อฉางชิงซงยิ่งกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำตามคำสัญญาเลยสักนิด
“ค้างไม่กี่วันก็กลับมานะ…” คุณแม่ฉางตะโกนบอกฉีฉีเก๋อด้วยสายตาดุดัน
ฉีฉีเก๋อยืดหลังตรงอย่างกล้าหาญแล้วแค่นเสียงตอบกลับ “ให้ฉางชิงซงมารับฉันแล้วกัน!”
เธอยิ้มให้เพื่อนน้อย ๆ “ไปกันเถอะ…”
………………………