ตอนที่ 2315 ปีศาจยายแก่มาแล้ว
“ฉีฉีเก๋อ ทำไมเครื่องซักผ้าเครื่องนี้เธอไม่เอาออกมาใช้ล่ะ?”
เหมยเหมยหันมาถามฉีฉีเก๋อ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินเข้ามาก็เห็นเครื่องซักผ้าในลังก็ยิ่งโมโห ตอนเธอเอาเครื่องซักผ้ามาให้พนักงานก็ขนยกเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทำไมถึงโผล่มาอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ล่ะ?
“ถามเธออยู่นะ เป็นใบ้หรือไง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาด
ฉีฉีเก๋ออ้าปากหลายครั้ง กำลังจะพูดประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากข้างนอก คนที่ปรากฏตัวกลับเป็นแม่ของฉางชิงซง
ปีศาจยายแก่จอมยุนั่น!
“มีแขกเหรอ…ฉันไปซื้อกับข้าวมา…โอ้…ฉีฉีเก๋อทำไมเธอไม่ชงชาล่ะ ไม่มีมารยาท ขอโทษที่เสียมารยาทนะ…”
คุณแม่ฉางกลับดูอ่อนเยาว์ลงไม่น้อยและมีกำไลทองคำตรงข้อมืออีกต่างหาก แต่งตัวดูดีมีรสนิยมและดัดผมลอนสุดทันสมัยจึงขับให้ดูอ่อนเยาว์ลงสิบกว่าปี
เห็นได้ชัดว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงเหมือนร้ายขายของชำขนาดเล็กในชนบทมาเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองเลยทีเดียว
“โอ้โห…ไอ้สารเลวฉางชิงซง…”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่รู้ได้อย่างไรอีกว่าตนถูกฉางชงซงหลอกเข้าให้ ตอนไอ้สารเลวนี่เช่าบ้านก็คิดจะให้คุณแม่ของเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยแล้ว แต่ปากพร่ำพูดว่าจะเตรียมห้องนอนให้ลูก ทั้งที่เตรียมให้แม่ของเขาต่างหาก
“นี่…ยายหนูทำไมถึงด่ากันล่ะ? ชิงซงของฉัน…” คุณแม่ฉางไม่พอใจที่ด่าลูกชายเธอว่าสารเลวต่อหน้าเธอ แล้วเธอล่ะ?
กลายเป็นแม่ของคนสารเลวหรือ?
“ป้าอย่ามาคุยกับฉัน ระวังฉันจะถลกหนังหัวเอานะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นปีศาจยายแก่นี่ก็เดือดดาลขึ้นมา เธอบอกป้าฟางว่า “ป้า ป้ารีบพาเหมยเหมยกลับบ้าน เรื่องตรงนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง!”
ปีศาจยายแก่นี่จิตใจโหดเหี้ยม คราวก่อนจงใจผลักเหมยเหมย ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้คิดจะทำชั่ว ๆอะไรอีกหรือเปล่า!
ฉีฉีเก๋อทำหน้าลำบากใจอย่างมาก เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้สึกแย่ต่อคุณแม่ฉางขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่ชอบแม่สามีมากแต่ยอมทนเพราะเห็นแก่ฉางชิงซง
เหมยเหมยทำมือเป็นเชิงปรามป้าฟางแล้วกวาดตามองตะกร้าผักบนพื้น ผักขึ้นฉ่าย แคร์รอต ไข่ไก่ ผักกุยช่าย…แล้วก็รากหัวไชเท้าอีกกองหนึ่งที่ดูเละเทะไม่เป็นระเบียบ คาดว่าน่าจะเก็บมาจากตลาดสด
รากหัวไชเท้าตามตลาดสดไม่มีใครเอาเพราะคนแก่มากมายจะรอเก็บไปทำผักดองเค็ม คุณแม่ฉางเก็บมามากขนาดนี้จึงเห็นได้ชัดว่าจะเอามาดองผัก เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
กู้อี้หัวบอกแล้วว่าคนท้องต้องทานผักดองเค็มให้น้อย ๆเพราะไม่ดีต่อเด็กทารก อีกอย่างรากหัวไชเท้าเป็นของร้อน ปกติคนท้องจะมีสภาวะร้อนในเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิธีการทานของร้อนแบบนี้มีแต่จะเพิ่มความร้อนเป็นเท่าทวีคูณ มิน่าปากฉีฉีเก๋อถึงมีแต่ตุ่มใส ๆเต็มไปหมด
ประเด็นสำคัญคือมีแต่ผักเต็มตะกร้า นอกจากไข่ไก่ไม่กี่ฟองก็มีแต่ผัก ไม่มีเศษเนื้อเลยสักนิด
ผักมากมายขนาดนี้เห็นชัดว่าเป็นของสำหรับหลายวัน นี่คุณแม่ฉางคิดจะทานแต่ผักงั้นหรือ?
“ฉีฉีเก๋อ เธอไม่ได้ทานเนื้อมากี่วันแล้ว?” เหมยเหมยถามตรง ๆ
“ฉัน…ฉัน…ฉันไม่ได้ทานมาเดือนกว่าแล้ว…” ฉีฉีเก๋อตาแดง เธอหิวเนื้อแทบแย่ ถ้าคุณแม่ฉางไม่ทำผัดผักกุยช่ายก็ทำเกี๊ยวไส้กุยช่ายทุกวัน
ไม่อย่างนั้นก็บะหมี่น้ำใสหรือผักดองเค็ม…ทานติดต่อมาเดือนกว่าแล้ว เธอทานเบื่อจนใกล้จะอ้วกอยู่รอมร่อ
“ฉีฉีเก๋อเธออย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ อะไรคือไม่ได้ทานเนื้อมาหนึ่งเดือน สัปดาห์แล้วเพิ่งทำเนื้อไปไม่ใช่หรือไง แล้วก็สองสัปดาห์ก่อนก็ทำเนื้อเหมือนกันนี่ ทานแต่เนื้อตายไว ผักกับเต้าหู้สิแข็งแรง เนื้อน่ะทานสองสามวันมื้อหนึ่งก็พอ ทานทุกวันจะป่วยเอาได้…” คุณแม่ฉางทำท่าเหมือนกำลังสั่งสอน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนแทบหงายหลัง นึกอยากฟาดหน้าฉาดใหญ่สักที!
……………………..
ตอนที่ 2316 แม่สามีใจร้าย
เหมยเหมยเองก็โกรธไม่แพ้กัน เนื้อต้องทานน้อยก็จริงแต่ทานแต่ผักทุกวันก็ไม่ได้ โดยเฉพาะยังมีคนท้องอย่างฉีฉีเก๋ออยู่ในบ้านด้วย ช่วงเดือนหกเดือนเจ็ดเป็นช่วงที่ต้องเพิ่มสารอาหาร ทานแต่ผักทุกวันจะทนไหวได้อย่างไร?
มิน่าสีหน้าฉีฉีเก๋อถึงดูย่ำแย่!
ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเบา “เนื้อที่ทำหลายครั้งก่อนหน้าแม่ทานไปหมด ฉันไม่ค่อยได้ทานเท่าไรเลย”
ความจริงเธอทานไปแค่ชิ้นสองชิ้นเพราะคุณแม่ฉางมักทำเนื้อตามจำนวนชิ้นที่หั่นเท่า ๆลูกวอร์นัต จานหนึ่งจะมีแค่สิบห้าสิบหกชิ้นซึ่งจะจัดวางไว้ตรงกลางห้อมล้อมด้วยผักสดกับผักดองเค็มเหมือนเพิ่มสีสันให้ดูโดดเด่นสะดุดตาก็เท่านั้น
ฉีฉีเก๋อหิวมากจริง ๆจึงคีบไปทานหนึ่งชิ้น ต่อให้รสชาติไม่ดีเท่าไรแต่เธอก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทว่า–
พอเธอคีบชิ้นที่สองคุณแม่ฉางก็ตวัดตามองมาแล้วปั้นหน้าตึง ๆใส่ หันข้างไม่ให้ฉางชิงซงเห็นแล้วถลึงตาที่คมราวกับใบมีดใส่เธอ
หนำซ้ำขณะที่ตวัดตามองมาทางนั้นก็ฉีกยิ้มเหมือนแม่ผู้เมตตาใจดีให้ฉางชิงซงแล้วคีบเนื้อให้ลูกชายไม่หยุด พูดแต่คำพูดอบอุ่นใจทำนองว่าลำบากลูกชายแล้ว ช่วงนี้ผอมลงแล้ว…สองแม่ลูกรักใคร่กลมเกลียวกัน ฉีฉีเก๋อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกระยะห่างราวกับขั้วโลกเหนือกับแอฟริกา
เนื้อชิ้นสองจึงทำใจคีบไม่ลงอีกต่อไป…
แล้วทานผักดอกเค็มไปเงียบ ๆ
เพราะเวลาทานผักดองเค็มคุณแม่ฉางถึงทำท่าพึงพอใจต่อเธอและจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
คุณแม่ฉางตบต้นขาแรง ๆทีหนึ่งแล้วตะคอกใส่ “ทำเนื้อเธอไม่ทาน ไม่ทำก็บอกไม่ได้ทาน…โอ๊ย…แม่สามีอย่างฉันน่าสงสารยิ่งกว่าทำตัวเป็นหลานซะอีก…”
ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมไม่กล้าพูดอะไรอีก และเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ขอแค่เธอพูดอะไรกับฉางชิงซงสักประโยคสองประโยคคุณแม่ฉางก็จะพร่ำร้องคร่ำครวญเกินจริงอยู่เสมอ บอกว่าเธอเหมือนคนรับใช้ที่ต้องปรนนิบัติแล้วยังถูกด่าถูกบ่น ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณแล้วยังต้องโดนด่าอยู่เรื่อย…
เมื่อก่อนฉางชิงซงยังเข้าข้างเธออยู่บ้าง แต่นานวันเข้าก็บอกว่าเธอต้องยอมผู้อาวุโสกว่าอย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วอ้าปากจะด่าแต่เหมยเหมยกระชากแขนเธอไว้ เตะตะกร้าผักบนพื้นแล้วแค่นเสียงถาม “เนื้อของคุณล่ะ? หรือว่าคุณเก็บเนื้อไว้ในกระเป๋าเหรอ?”
คุณแม่ฉางหยุดร้องทันทีเหมือนถูกคนบีบคอก็ไม่ปาน เธอกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าเหมยเหมย ในเมื่อเป็นถึงคุณหนูใหญ่ที่ลูกชายเธอยังไม่กล้ามีเรื่องด้วย!
“ก็…เพิ่งทานเนื้อเมื่อสองวันก่อนนี่นา ทานเนื้อทุกวันจะป่วยเอาได้…ทานผักดีต่อสุขภาพนะ นี่ถือว่าเป็นบุญของลูกสะใภ้สมัยนี้แค่ไม่กี่วันก็ได้ทานเนื้อแล้ว พอนึกถึงสมัยรุ่นเราตั้งแต่ตั้งท้องยันคลอดได้ทานแป้งสักมื้อก็ดีมากแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เศษเนื้อด้วยซ้ำ…”
คุณแม่ฉางพูดพึมพำซึ่งเธอไม่ได้พูดโกหก เพราะคุณย่าของฉางชิงซงหรือแม่สามีของเธอที่มีชื่อเสียงร้ายกาจจนเลื่องลือ ใจร้ายกับบรรดาลูกสะใภ้ยิ่งกว่าถลกหนังหัวเสียอีก
แกเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้คุณแม่ฉางพอจะลำพองตัวขึ้นมาได้บ้าง รู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตใหม่และตั้งปณิธานว่าจะทำตัวให้สมกับเป็นแม่สามี
เธอถึงขั้นคิดว่าตัวเองใจดีกว่าคุณแม่ฉางมากแล้ว อย่างน้อยก็ให้ฉีฉีเก๋อได้ทานเนื้อบ้างบางมื้อ แถมไม่ได้ให้ฉีฉีเก๋อทำงานกลางนาด้วยซ้ำ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดพูดไม่ได้ “เมื่อก่อนโดนแม่สามีกดขี่มาเลยอยากเอาคืนฉีฉีเก๋อเป็นเท่าตัวงั้นสิ?”
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย…” คุณแม่ฉางเบะปาก ความในใจย่อมพูดออกมาไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่ได้โง่นี่นา
………………………