ตอนที่ 2351 มีเขี้ยวเยอะจัง
เช้าวันรุ่งขึ้นก็คือวันส่งท้ายปีเก่า คุณย่าหยางตื่นมาวุ่นแต่เช้า คุณปู่เหยียนใช้ไม้เท้าเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านสิบกว่ารอบและแทบจะเดินไปชะเง้อเฝ้ารอคอยบางอย่างทุก ๆสิบนาที
เกือบสองปีที่ไม่ได้เจอหลานชายคนเล็ก ทั้งคู่ต่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งนานแล้ว พวกเขาถึงขั้นคาดเดาว่าคงเกิดอุบัติเหตุกับเหยียนหมิงต๋าจนบาดเจ็บหนักสาหัสอะไรหรือเปล่า
ส่วนเรื่องสละชีวิต พวกเขาไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ
กลัวก็แต่เรื่องดีไม่เป็นจริงเรื่องร้ายดันเป็นจริงเสียมากกว่า
แต่พวกเขากลับกังวลใจเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่กลับบ้านเป็นเวลานาน แถมไม่มีการโทรหาแม้แต่สายเดียว
พวกเขาก็ไม่กล้าถาม เหยียนหมิงซุ่นบอกว่ากำลังทำภารกิจอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ทำภารกิจอยู่แล้วกัน!
ในที่สุดตอนนี้เหยียนหมิงต๋าก็กลับมาสักที ทั้งคู่พอจะโล่งอกอยู่บ้าง ใจที่เอาแต่พะว้าพะวงก็เบาลงแล้ว
“ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วทำไมหมิงต๋ายังไม่กลับมาอีก? หมิงซุ่น หลานไม่ได้จำผิดวันใช่ไหม? วันนี้เหรอ?” คุณย่าหยางอดถามไม่ได้
“อยู่ระหว่างทางแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งโทรไปถามทางโรงพยาบาลมา
“งั้นก็ดี ย่าจะได้ไปทำกับข้าว” คุณย่าหยางเดินเข้าห้องครัวไปอย่างมีความสุข
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มีเสียงเคลื่อนไหวตรงประตู คุณปู่เหยียนหลุดร้องขึ้นมาอย่างดีใจจนไม่ใช้ไม้เท้าอีกต่อไป รีบสาวเท้าโถมตัวเข้าหาเหยียนหมิงต๋าที่เพิ่งก้าวลงจากรถมา
“คุณปู่ ผมกลับมาแล้ว”
เหยียนหมิงต๋ารีบสาวเท้าเข้ามาประคองคุณปู่เหยียนไว้พร้อมขอบตาที่ร้อนผ่าว
“กลับ…กลับมา…ก็ดีแล้ว…”
คุณปู่เหยียนพูดไม่ชัดเท่าไรพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเป็นระยะ ๆพลางกวาดตามองประเมินหลานชายคนเล็กตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์
แขนขายังอยู่ครบแถมยังขับรถได้ บ่งบอกว่าดวงตาหูไม่มีปัญหา สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี
“หมิงต๋ากลับมาแล้ว มาให้ย่ากอดหน่อย…โอ้ อ้วนขึ้นไม่น้อย ไม่เลว ๆ”
คุณย่าหยางวิ่งโผเข้ามากอดเหยียนหมิงต๋าไว้ ร่างกายผอมเล็กกอดกระชับร่างสูงใหญ่กำยำของเหยียนหมิงต๋าแน่น
เหยียนหมิงต๋าสูดจมูก แขนทั้งสองโอบกอดสองผู้เฒ่าคนละข้าง รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้กลิ่นอายอันคุ้นเคยจากตัวพวกเขา
เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ
กระทั่งตอนนี้เหยียนหมิงต๋าถึงมีความรู้สึกว่าเป็นความจริง ที่แท้เขาไม่ได้ฝันไปแต่ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ
เพราะการหวนกลับมาของเหยียนหมิงต๋าทำให้มื้ออาหารส่งท้ายปีเก่าของตระกูลเหยียนต้องเลื่อนมาทานตอนกลางวันที่อาหารอุดมสมบูรณ์วางเต็มโต๊ะ นอกจากของโปรดของเหมยเหมยส่วนมากก็เป็นของโปรดของเหยียนหมิงต๋าที่จัดวางอยู่เต็มโต๊ะ
“หมิงต๋ากลับมาแล้ว อีกครึ่งเดือนบ้านเราก็จะมีสมาชิกคนใหม่มาเพิ่ม สองเรื่องดี ๆเข้ามาพร้อมกันเลย ชนแก้ว!”
คุณย่าหยางยกแก้วขึ้นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มราวดอกไม้ผลิบาน
เหมยเหมยดื่มน้ำผลไม้ ทุกคนต่างชนแก้วกัน เสียงแก้วที่กระทบกันดังใสกังวานเต็มไปด้วยความสุข
ผู้ชายตระกูลเหยียนไม่ชอบดื่มเหล้า เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เองก็ไม่ค่อยดื่มทุกคนจึงจิบกันเพียงเล็กน้อย มื้ออาหารใช้เวลาไม่นานแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น เหยียนหมิงซุ่นช่วยคุณย่าหยางเก็บครัว เหยียนหมิงต๋าเดินไปตรงหน้าเหมยเหมยแล้วล้วงสร้อยเส้นหนึ่งมาจากกระเป๋า
“นี่เป็นเขี้ยวหมีที่ฉันได้มาจากภูเขาสือว่าน ไว้สวมให้หลานฉันแล้วกัน”
ของขวัญที่เหยียนหมิงต๋าล้วงออกมาเป็นด้ายแดงที่มีเขี้ยวซี่หนึ่งขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ที่แท้ก็เขี้ยวหมีนี่เอง ล้ำค่าเหลือเกิน แต่–
เหมยเหมยชั่งใจ หรือว่าบนคอสวมสร้อยเขี้ยวหมาป่าแต่สองขาสวมกำไลข้างละเส้นหรือ?
“สวมบนมือ”
เหยียนหมิงซุ่นรับสร้อยเขี้ยวหมีมา
เหมยเหมยมองไปทางเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่แวบหนึ่ง
สามคนนี้ปรึกษากันมาก่อนหรือเปล่า?
ทำไมล้วนให้แต่เขี้ยวสัตว์ใหญ่กันทั้งนั้นเลยล่ะ?
แม้ของขวัญนี้จะล้ำค่ามาก แต่…มันก็เยอะไปแล้ว!
คุณย่าหยางเองก็มาร่วมวงอีกคน “ย่าก็ไปขอหยกกวนอิมมาให้เหลนเหมือนกัน พระอาจารย์ปลุกเสกมาแล้วด้วย ให้เหลนใส่จะได้สุขภาพร่างกายแข็งแรงปลอดภัยนะ”
เหมยเหมย “…”
…………………………….
ตอนที่ 2352 แรงกระตุ้นสองทาง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วซึ่งไม่นานก็ล่วงเลยมาถึงวันที่แปดเดือนแรกตามปฏิทินจีน ตามถนนตรอกซอกซอยของเมืองหลวงเริ่มกลับมาคึกคักเช่นเคย หน่วยงานรัฐทั้งหลายก็เริ่มทำงานแล้วและบางบริษัทก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกัน คนทำงานต่างจังหวัดเองก็ทยอยกลับเข้าเมืองมาทำงานเหมือนกัน
โม่ซิวหย่วนกับเซียวเซียงกลับมาแล้ว บริษัทของเขาก็เริ่มทำงานวันที่แปดเหมือนกัน
เหยียนหมิงต๋าก็กลับไปทำงานแล้วเห็นว่าทำงานอยู่บริษัทโม่ซิวหย่วนซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย สำหรับเขาถือว่าเป็นเรื่องคุ้นเคยดี
เพราะเหยียนหมิงต๋าต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลทุกเดือน หลังรออาการนิ่งถึงจะกลับเข้าทีมได้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้
เหยียนหมิงซุ่นจึงให้เขาไปทำงานบริษัทก่อนเป็นการฆ่าเวลา เหยียนหมิงต๋าเลือกไปฝ่ายรักษาความปลอดภัยเอง
“งานเป็นอย่างไรบ้าง? ปรับตัวได้ไหม?”
หลังเริ่มทำงานไม่กี่วันเหยียนหมิงซุ่นก็เริ่มถามถึงเรื่องการทำงาน
“พอไหว สบายกว่าตอนทำภารกิจเยอะเลย” เหยียนหมิงต๋าสภาวะร่างกายไม่เลว เขาฝึกฝนที่ภูเขาสือว่านอย่างหนักมาสองปี ทั้งยังผ่านจุดเปลี่ยนชีวิตรอดพ้นความตายมาได้จนเจ้าตัวบุคลิกเปลี่ยนไปดูนิ่งสุขุมขึ้นกว่าเดิม
“ปรับตัวได้ก็ดี ทำงานไปก่อนสักระยะ รอร่างกายของนายกลับมาเป็นปกติค่อยไปรายงานตัวที่หน่วยแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นตบบ่าเขาโดยไม่ได้บอกข่าวดีอีกอย่างให้เขารับรู้
เหยียนหมิงต๋าคาดหวังว่าจะได้เข้าทีมเสวี่ยอิงแต่เพราะเขาได้ก่อความผิดเอาไว้ อย่าว่าแต่ทีมเสวี่ยอิงเลย แม้แต่หน่วยกองทัพทั่วไปยังอยู่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาสร้างคุณงามความดีเอาไว้นายใหญ่จึงบอกเองว่าอนุญาตให้เขาเข้าทีมเสวี่ยอิงได้
ถือว่าสมใจเหยียนหมิงต๋าแล้วล่ะ
ถึงตอนนั้นค่อยเซอร์ไพรส์เขาแล้วกัน!
“นายก็สังเกตหญิงสาวในบริษัทให้มากหน่อย ถ้าเห็นคนไหนเหมาะสมก็ไปตามจีบซะ นายก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว”
เหตุที่เหยียนหมิงซุ่นเองจัดสรรให้เหยียนหมิงต๋าไปทำงานที่บริษัทเพราะเขาเองก็มีแผนในใจอยู่ ในค่ายทหารมีโอกาสได้เจอผู้หญิงน้อยแต่บริษัทนั้นต่างกันไป ที่นั่นมีพนักงานหญิงเยอะจนละลานตา ไม่แน่อาจมีคนที่เข้าตาเหยียนหมิงต๋าก็ได้
เขาไม่ได้รีบร้อนเรื่องคู่ชีวิตของน้องชายเท่าไรหรอกแต่คุณย่าหยางกลับร้อนใจแทบแย่ วัน ๆเอาแต่เร่งเร้าให้เขาช่วยหาคู่ครองให้น้องชาย ซึ่งวิธีนี้เหมยเหมยเป็นคนเสนอเอง
เหยียนหมิงต๋าหัวเราะเย้ยตัวเอง “ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ ตอนนี้สุขภาพของผมยังไม่คงที่ ไม่แน่อาจมีอาการเรื้อรังตามมาภายหลังก็ได้ อย่าเอาไปทำร้ายผู้หญิงที่บริสุทธิ์เลย”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เหยียนหมิงต๋าคงยังลืมอู่เยวี่ยไม่ได้ เจ้าน้องชายจอมบื้อของเขาทุ่มใจให้หล่อนมากเกินไป เกรงว่ายังคงถอนตัวไม่ได้ชั่วขณะ
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนเทศกาลหยวนเซียวก็แล้ว วันกำหนดคลอดคือวันที่สิบแปดเดือนแรกตามปฏิทินจีน ขณะนี้เป็นวันที่สิบหกแล้ว แต่ท้องของเหมยเหมยกลับยังนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก? คงไม่ได้เป็นอะไรไปหรอกนะ?” เหมยเหมยกังวลใจอย่างมาก
“วางใจได้ กำหนดคลอดช้าไปครึ่งเดือนก็ปกติ ไม่แน่ลูกชายเราอาจจะแค่นิสัยเชื่องช้าเหมือนเธอถึงไม่รีบร้อนออกมาก็ได้” เหยียนหมิงซุ่นบอก
“นิสัยเชื่องช้าแย่ตรงไหน เต่าก็เพราะเชื่องช้าถึงได้มีอายุยืนยาวขนาดนั้นไงล่ะ” เหมยเหมยแค่นเสียงที
“งั้นวันหน้าก็ตั้งชื่อเล่นให้ลูกชายว่าเต่า” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวหยอกเอิน
“ไม่เอา ตะพาบพันปีเต่าแปดหมื่นปี[1] มีอย่างพี่ที่ไหนเอาตั้งชื่อเล่นแบบนี้” เหมยเหมยถลึงตาใส่ จู่ ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเธอจึงไม่ได้สนใจเหยียนหมิงซุ่นอีกแต่เลือกกดรับสายซึ่งฉีฉีเก๋อเป็นคนโทรมา
……
“ยังไงซะเธอต้องยืนกรานให้ถึงที่สุด จะให้ยายแก่ปีศาจย้ายเข้ามาอีกไม่ได้เด็ดขาด” เหมยเหมยพูดเสียงหนักแน่น
ป้าฟางที่ยืนอยู่ข้าง ๆทำหน้าแปลก ๆทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด พอเหมยเหมยวางสายไปเธอก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คุณหนู ยายแก่ปีศาจนั่นยังอยู่เมืองหลวง เธอไม่ได้กลับบ้านเกิด”
“พรวด”
เหมยเหมยเพิ่งดื่มน้ำเข้าไปก็พ่นออกมา เธอรู้สึกปวดท้องนิด ๆแต่เธอไม่ได้สนใจ
กำลังจะถามที่มาที่ไปของเรื่อง แต่ลุงเหลาที่ออกไปซื้อผักกลับถึงบ้านพอเข้าประตูมาก็เอ่ยว่า “หมิงต๋าหาคู่ได้แล้วใช่ไหม เมื่อกี้ผมเห็นเขาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง ผมถ่ายรูปมาให้ด้วย ดูสิ”
เหมยเหมยถูกดึงดูดความสนใจมาจนหมดและรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องอีกครั้ง เธอสูดปากทีหนึ่งแต่เพราะความอยากรู้เรื่องคนอื่นมีมากกว่าอาการปวดท้องจึงชะเง้อไปดูรูปถ่ายที่ลุงเหลาใช้กล้องโพลารอยด์ถ่ายเอาไว้
เหยียนหมิงต๋ากับหญิงสาวตัวสูงเพรียวเดินอยู่ด้วยกัน แต่หญิงสาวคนนี้เหมือนหลังโก่งอยู่นิด ๆคล้ายสุขภาพไม่ค่อยดี ลุงเหลาถ่ายมุมข้างของใบหน้ามา เหมยเหมยจ้องอยู่ครู่หนึ่งลูกตาก็แทบหลุดออกมาอยู่รอมร่อ
นี่มันโม่เฉี่ยวหลิงไม่ใช่หรือ?
ทำไมเธอถึงคบกับเหยียนหมิงต๋าได้ล่ะ?
“โอ๊ย…ฉันปวดท้อง…” เหมยเหมยกำลังจะพูดแต่เกิดอาการเจ็บแปลบที่ท้องอย่างรุนแรงขึ้นมาเลยเผลหลุดร้องเสียงดัง
………………….
[1] ตะพาบน้ำพันปีเต่าแปดหมื่นปี เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความยืนยาว สุภาษิตนี้จึงใช้แทนคนที่อยู่มานานเลยมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้น มีความหมายทางลบมากกว่าบวก