ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2395 หาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮช + ตอนที่ 2396 หมู่เลือดโอบอมเบย์

บทที่ 2395 หาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮช + ตอนที่ 2396 หมู่เลือดโอบอมเบย์

ตอนที่ 2395 หาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮช

“เพราะพี่หมิงซุ่นปลีกตัวมาไม่ได้ถึงได้ย้ำให้ฉันมาเอง ต้องการอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ หากว่าช่วยเหลืออะไรได้พวกเราก็ยินดีที่จะช่วยเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้องชายแท้ ๆของเหยียนหมิงซุ่นแต่ก็นับว่าเป็นญาติกัน!”

เหมยเหมยยิ้มพลางพูดด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ

แต่ความหมายชัดเจนมาก ก็แค่ญาติกันเท่านั้น แถมยังเป็นความสัมพันธ์ญาติห่าง ๆกันอีกต่างหาก แวะเวียนมาเยี่ยมสักครั้งก็นับว่าดีมากแล้ว ยังจะเอาอะไรอีกเหรอ?

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของคุณลุงโม่และเธออยากรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่งั้นเธอคงไม่มีทางมาที่นี่เด็ดขาด

คราวนี้แม่ของหวงจื้อเหลียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงอ้าปากหมายจะตอกกลับ แต่คุณลุงโม่จ้องเธออย่างดุดัน เธอจึงค่อย ๆเงียบไปพร้อมแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

“หมิงซุ่นยุ่งแต่เรื่องสำคัญทั้งนั้น ไม่ต้องมาเองหรอก งานหลวงสำคัญที่สุด” คุณลุงโม่กล่าว

เหมยเหมยอมยิ้มเล็กน้อย “ต้องมาอยู่แล้วค่ะ อีกสักพักก็คงตามมา พี่หมิงซุ่นบอกว่าจะมาเยี่ยมคุณลุง”

คุณลุงโม่มีท่าทีพอใจต่อท่าทีเคารพนบน้อมของเหมยเหมยมาก นี่แสดงให้เห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นยังเห็นเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเรื่องทางบ้านของภรรยาไม่เกี่ยวอะไรกับหมิงซุ่นเลยสักนิด!

จัดการเรื่องหน้าที่การงานให้ไปแล้วยังไม่พอใจอีก ใจคนเรานี่ช่างไม่รู้จักพอเสมือนงูอยากกลืนกินช้างเลยจริง ๆ!

“โอ๊ย…”

หวงจื้อเการู้สึกตัวอย่างช้า ๆ แม่ของเขาและป้าสะใภ้โม่ล้อมเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่นานก็ร้องไห้กันอีกครั้ง

รอจนพวกเขาหยุดร้องไห้ เหมยเหมยถึงได้เข้าไปถามไถ่

“โม่เฉียวหลิงนัดนายไปที่สวนสาธารณะใช่ไหม?” เหมยเหมยถามออกไปตามตรง

หวงจื้อเกาหน้าถอดสี แม้ว่าจะส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วแต่สีหน้าของเขากลับบอกทุกอย่างชัดเจน

เป็นโม่เฉียวหลิงจริง ๆด้วย!

ป้าสะใภ้โม่เองก็มองคำโป้ปดของหลานชายตนออก เธอเข้าใจผิดคิดว่าหวงจื้อเกายังตัดโม่เฉียวหลิงไม่ขาดและไม่เชื่อฟังคำพูดของเธอ ไฟโทสะจึงปะทุขึ้นมาทันทีแล้วบ่นไปหลายประโยค

หวงจื้อเกาอ้ำ ๆอึ้ง ๆ ดวงตาฉายแววนึกเสียใจ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเสียไตไปหนึ่งข้าง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ควรโลภของสวย ๆงาม ๆอีก!

เฮ้อ!

บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง!

เหมยเหมยดูออกถึงความในใจของหวงจื้อเกาจึงยกยิ้มมุมปาก แม้ถูกขโมยไตไปข้างหนึ่งจะดูน่าสงสาร แต่หากว่าหวงจื้อเกามีคุณธรรมมากพอก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้

แต่ดูจากท่าทีของหวงจื้อเกาคงจะยังไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองเหลือไตข้างเดียวจะเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิง!

“ขอเตือนนายไว้เลย ต่อไปนี้ห้ามมีความสัมพันธ์ใดกับโม่เฉียวหลินอีก ถ้าหากว่านายยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ!”

เหมยเหมยเอ่ยย้ำไปประโยคหนึ่ง

แม้แต่กระต่ายยังไม่กินหญ้าข้างบ้านเลย[1] โม่เฉียวหลิงกล้าลงมือได้แม้กระทั่งหวงจื้อเกา นั่นแสดงว่าเธอจะต้องสติฟั่นเฟือนไปแล้ว!

แต่เธอค่อนข้างประหลาดใจ ต่อให้โม่เฉียวหลิงโลภเงินทองขนาดไหนแต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเดินทางสายนี้เลยนี่นา!

แต่สิ่งที่เธอมั่นใจก็คือปีก่อนโม่เฉียวหลิงน่าจะยังไม่เคยทำความผิดมาก่อนเพราะตอนนั้นเธอยังอาลัยอาวรณ์เหยียนหมิงซุ่นอยู่เลย!

เหมยเหมยไม่ชอบแม่ของหวงจื้อเกา เพราะงั้นพอวางอั่งเปาไว้ให้ซองหนึ่งแล้วเธอก็กลับไปเลย พวกหวงจื้อเกาที่อยู่ด้านหลังต่างมีท่าทีงงงวยไม่เข้าใจว่าทำไมเหมยเหมยถึงพูดจาแบบนี้

ตกค่ำโม่ซิวหย่วนมาหาก็พูดถึงเรื่องหวงจื้อเกา

“ฉันให้คนไปสืบมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะตามหาไตของหวงจื้อเกาเจอก็ได้” เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีเคร่งขรึมมาก เขาได้แวะไปเยี่ยมหวงจื้อเกามาแล้ว

แก๊งนี้เหิมเกริมขึ้นทุกวัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา มีหรือที่เขาจะยอม!

นอกจากเหยียนหมิงต๋าแล้ว เขายังได้ส่งคนอื่น ๆไปสืบเบาะแสเรื่องนี้ด้วย คงใกล้จะได้คำตอบแล้วล่ะ

เพียงแต่…

เหยียนหมิงซุ่นประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปหน่อย ผ่านไปสามวันก็ยังสืบหาร่องรอยอะไรไม่ได้เลย

วันนี้เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อไปเยี่ยมฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล ป้าฟางก็ไปพร้อมกับเธอด้วย

ฉีฉีเก๋อฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี อีกไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ส่วนทางฉางชิงซงยังติดต่อไม่ได้เลย

“เจ้าตัวเล็กของฉันมีกรุ๊ปเลือดที่ค่อนข้างพิเศษ หมอบอกว่าหาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮชเสียอีก!” ฉีฉีเก๋อมีสีหน้าอมทุกข์

……………………………………………

ตอนที่ 2396 หมู่เลือดโอบอมเบย์

“เห็นบอกว่าหมู่เลือดโอบอมเบย์หายากยิ่งกว่าหมู่เลือดอาร์เฮชเสียอีก…” ฉีฉีเก๋อเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเป็นทุกข์

เหมยเหมยสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิม “อะไรคือหมู่เลือดโอบอมเบย์?”

ทำไมหมู่เลือดถึงไปเกี่ยวข้องกับอินเดียได้ล่ะ?

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอบอกมาแบบนั้น เห็นบอกว่าเพราะเป็นหมู่เลือดแรกที่พบในมุมไบ[2] ดังนั้นจึงเรียกมันว่า โอบอมเบย์ ในประเทศเรามีแค่สามสิบกว่าคนเอง และเจ้าตัวเล็กของฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น…”

ฉีฉีเก๋อคิ้วขมวดเป็นปม หน้าตาอมทุกข์ หมู่เลือดหายากไม่ใช่เรื่องดีอะไร หลังจากที่ได้ฟังหมอพูดเธอก็ทุกข์ใจมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เหมยเหมยเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังกินนมอยู่ในอ้อมอกของแม่ฉีฉีเก๋อ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กินนมแม่แต่ลุงปาเกินก็ซื้อนมผงน้ำเข้าที่ดีที่สุดมาให้ เจ้าตัวเล็กกินจนตัวอ้วนป้อม ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ตัวกลมขึ้น น่ารักมาก ๆเลยล่ะ

ทำไมถึงเป็นหมู่เลือดโอบอมเบย์ไปได้ล่ะ?

“เธอกับฉางชิงซงมีหมู่เลือดปกติไม่ใช่เหรอ? เลือดไม่ได้มาจากพันธุกรรมของพ่อแม่หรอกเหรอ?” เหมยเหมยครุ่นคิดอย่างหนัก

เธอเข้าใจมาตลอดว่าถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือดอะไร ลูกก็จะมีหมู่เลือดนั้น ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงได้ล่ะ?

“ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉางชิงซงเลือดกรุ๊ปโอ ฉันกรุ๊ปบี ตามหลักแล้วเจ้าตัวเล็กของฉันจะต้องมีเลือดกรุ๊ปโอ หรือไม่ก็กรุ๊ปบี ทำไมถึงกลายเป็นโอบอมเบย์ไปได้ก็ไม่รู้ ทั้งประเทศมีอยู่แค่สามสิบกว่าคนเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะหาใครบริจาคสักคนยังไม่มีเลย…”

สิ่งที่ฉีฉีเก๋อกังวลที่สุดคือเรื่องนี้ กรุ๊ปเลือดไม่ใช่ของหายาก กรุ๊ปเลือดทั่วไปไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเกิดอะไร ในธนาคารเลือดมีพลาสม่าสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เลือดหายากคงต้องกลุ้มใจหน่อยแล้ว

ชั่วชีวิตของคนเราจะมีใครกล้ารับประกันบ้างว่าจะมีแต่ความสงบสุข เหมือนกับตัวเธอที่ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเป็นอะไรหนักหนาสาหัสเลย แต่พอคลอดลูกครั้งนี้กลับตกเลือดจนเสียเลือดไปตั้ง 1500 ซีซี!

เหมยเหมยขมวดคิ้วพลางถาม “ยืนยันแล้วใช่ไหมว่าเป็นหมู่เลือดโอบอมเบย์?”

“อืม สองสามวันนี้มีหมอผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูเจ้าตัวเล็ก แถมยังเจาะเลือดไปอีกตั้งหลายรอบ!” ฉีฉีเก๋อปวดใจมาก

“ยังมีอีกตั้งสามสิบกว่าคนไม่ใช่หรอ ในธนาคารเลือดจะต้องมีพลาสม่าสำรองแน่ ๆ เธอยังจำได้ไหมว่าในคลาสเรามีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมีเลือดหมู่อาร์เฮช ทุก ๆปีเขาจะไปบริจาคเลือดที่ธนาคารเลือดเพื่อเป็นการเก็บรักษาไว้

เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลเรื่องหมู่เลือดของเจ้าตัวเล็กเลย ธนาคารเลือดรอบคอบกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ พวกเขาต้องมีเก็บสำรองไว้อยู่แล้ว” เหมยเหมยปลอบใจ

ฉีฉีเก๋อรู้สึกวางใจไม่น้อย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ ฉันเองก็เพิ่งจะนึกได้ หมู่เลือดของเพื่อนผู้ชายคนนั้นก็เลือดหมู่อาร์เฮชนี่นา เขาพูดอยู่บ่อย ๆว่าไปบริจาคเลือดเอาไว้ช่วยตัวเอง ดูท่าแล้วอีกหน่อยถ้าเจ้าตัวเล็กโตขึ้นฉันก็จะให้เขาไปบริจาคเลือดด้วยเหมือนกัน”

“เอาน่า เรื่องของอนาคตเอาไว้ค่อยว่ากัน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ก็คือดูแลร่างกายให้แข็งแรง เลี้ยงลูกให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องไปนึกถึงมัน”

คุณลุงปาเกินเดินเข้ามา พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พ่อกับแม่ก็พูดแบบนี้แหละ แต่ฉีฉีเก๋อก็ไม่ยอมฟังเลย หนูช่วยพูดเกลี้ยกล่อมหน่อยนะ ช่วงอยู่เดือนไม่ควรคิดมากเพราะร่างกายจะรับไม่ไหวเอา”

“อาป๊า อาม้า ตอนนี้หนูคิดได้แล้ว อาป๊ากับอาม้าอย่าห่วงเลยนะคะ” ฉีฉีเก๋อรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก

เป็นเพราะเธอเองที่ไม่เอาไหนเลยทำให้พ่อแม่ของเธอต้องลำบากถึงเพียงนี้

“คิดได้ก็ดีแล้วล่ะ มีอาป๊ากับอาม้าอยู่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย กินให้อิ่มนอนให้อุ่น ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พวกเราก็วางใจแล้ว” คุณลุงปาเกินลูบหัวลูกสาว แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความทะนุถนอม

ลูกสาวที่เขาเลี้ยงมาอย่างไข่ในหินจนเติบใหญ่ วันนี้กลับต้องทุกข์ทรมานอย่างหนักก็เพราะเจ้าบ้าฉางชิงซงนั่น!

เรื่องนี้เขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆแน่!

เขาจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้ลูกสาวของเขา!

……………………………………………………………..

[1] สำนวนหมายถึง คนเราจะไม่ทำความชั่วในถิ่นของตนเองหรือคนรู้จัก

[2] ชื่อเมืองทางภาคตะวันตกของประเทศอินเดีย โดยมีชื่อเมืองเดิมว่า บอมเบย์

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท