ตอนที่ 2391 เธออย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย
เหมยเหมยไปหาพ่อหนุ่มคนนั้น เธอต้องการให้เขาช่วยอธิบายรูปลักษณ์ของหลิงหลิงให้ฟังโดยเธอจะเป็นคนวาดภาพเอง ซึ่งนี่ถือเป็นวิธีการที่เห็นได้โดยตรงที่สุดแล้ว
แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยู่ในระดับหกถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ การทำแบบนี้เพียงพอที่จะมองออกว่าใช่โม่เฉียวหลิงหรือไม่
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เหมยเหมยถึงได้รู้สึกว่าหลิงหลิงนี่ก็คือโม่เฉียวหลิง
ไม่งั้นเหยียนหมิงต๋าจะมาที่โรงพยาบาลทำไม?
บนโลกใบนี้ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุบังเอิญได้ขนาดนี้แน่นอน การที่เหยียนหมิงต๋ามาเยือนถึงโรงพยาบาลมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิง
เหยียนหมิงต๋ายังคงอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ดูท่าคงจะกำลังถามไถ่พูดคุยกันอยู่ พอเห็นเหมยเหมยบุกพรวดพราดเข้ามา เหยียนหมิงต๋าก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจแต่ก็กลับมาสงบได้อย่างรวดเร็ว
“พี่สะใภ้ใหญ่…”
เหยียนหมิงต๋าแสดงท่าทีนอบน้อม คนในครอบครัวของชายหนุ่มต่างพากันมองพวกเขาอย่างตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนครอบครัวเดียวกัน
“นายรู้จักกับพวกเขาด้วยเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยถาม
“ใช่ครับ เคยเจอหน้ากันอยู่หลายครั้ง” เหยียนหมิงต๋าตอบกลับเสียงเรียบ
เหมยเหมยสังเกตเห็นแววตาวูบไหวของแม่และน้องสามของชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาไม่กล้าสบตาเธอ
นี่คือท่าทีละอายใจสินะ
นี่เห็นได้ชัดว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังพูดโกหก แท้ที่จริงแล้วคือเขาไม่รู้จักกับครอบครัวนี้เลย
เหมยเหมยทอดถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายที่จะต้องสนใจเหยียนหมิงต๋าจึงหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า “นายช่วยบอกรูปลักษณ์ภายนอกของคู่รักนายมาหน่อยได้ไหม? ช่วยพูดให้ละเอียดหน่อยนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆบรรยายรูปลักษณ์ออกมา เหมยเหมยนำกระดาษและปากกาออกมาวาดตามลักษณะที่ชายหนุ่มบอก เพียงไม่นานก็วาดภาพเสมือนออกมาได้อย่างเสร็จสมบูรณ์
“นายลองดูสิว่าคู่รักของนายมีหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า?” เหมยเหมยยื่นภาพเสมือนไปให้ชายหนุ่ม
“ใกล้เคียงครับ แต่ว่าตาต้องโตกว่านี้อีกนิด ริมฝีปากหนาอีกหน่อย ช่วงคางมนกว่านี้เล็กน้อย ตรงหางตามีไฝอยู่เม็ดหนึ่ง…”
ชายหนุ่มชี้จุดที่ต้องแก้ไข เหมยเหมยขีด ๆเขียน ๆสักพักก็เสร็จ แม้จะดูธรรมดาแต่ก็พอมองออกว่ามีความคล้ายคลึงกับโม่เฉียวหลิงมาก
“ใช่ ประมาณนี้เลยครับ แต่หลิงหลิงตัวจริงสวยกว่านี้มาก” ชายหนุ่มพูด
เหมยเหมยแอบหัวเราะเยาะ เป็นโม่เฉียวหลิงจริง ๆด้วย
มิน่าทั้งตัวถึงมีแต่ของแบรนด์เนม ที่แท้ก็เลือกทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจให้อภัยได้นี่เอง
เมื่อเอ่ยลาครอบครัวของชายหนุ่มแล้วเหมยเหมยก็เตรียมตัวกลับไปคุยเรื่องนี้กับเหยียนหมิงซุ่นเพื่อให้เขาส่งคนไปตรวจสอบโม่เฉียวหลิง ไม่แน่ว่าอาจจะเจอเบาะแสที่เกี่ยวข้องจนตามหาองค์กรมืดที่น่ารังเกียจนั่นเจอ จะได้กวาดรวบทีเดียวไม่ให้เหลือ
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย…” เหยียนหมิงต๋าเรียกเธอไว้
เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “ทำไมฉันถึงยุ่งไม่ได้ หรือนายอยากจะให้ท้ายโม่เฉียวหลิง?”
เหยียนหมิงต๋ามีสีหน้าลำบากใจ เอ่ยว่า “ไม่ใช่แบบนั้นครับ สรุปคือเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ผมเคยพูดกับพี่ใหญ่แล้ว พี่อย่าเข้ามายุ่งอีกเลยนะ มันอันตรายเกินไป”
“มีพี่ใหญ่ของนายอยู่ทั้งคนฉันยังต้องกลัวอะไรอีก แต่ถึงอย่างไรนายก็ห้ามให้ท้ายโม่เฉียวหลิงเด็ดขาด ถ้าหากว่าหล่อนทำเรื่องที่ผิดกฎหมายจริงก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายสิ!”
เหมยเหมยไม่พอใจต่อท่าทีของเหยียนหมิงต๋าเป็นอย่างมาก ตอนแรกเธอแอบคิดว่าเหยียนหมิงต๋ามีความสัมพันธ์ลับ ๆกับโม่เฉียวหลิง แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงถูกยัยชั่วนี่อ่อยจนติดกับไปหมดแล้วมั้ง
หึ ก่อนหน้านี้ก็เป็นอู่เยวี่ย ต่อมาก็เป็นโม่เฉียวหลิง!
ทำไมผู้หญิงที่เจ้าหมอนี่ชอบถึงไม่ใช่คนดีสักคนเลยนะ น่าโมโหชะมัด!
เหมยเหมยหมุนตัวหนีด้วยความโมโหเพราะคร้านจะต้องพูดจาไร้สาระกับเหยียนหมิงต๋าอีก เธอต้องกลับไปหาเหยีนหมิงซุ่นและบอกให้เขาสั่งสอนน้องชายดีกว่า
“ขอโทษนะพี่สะใภ้…”
น้ำเสียงจนปัญญาของเหยียนหมิงต๋าแว่วดังมาทางด้านหลัง จากนั้นเธอก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งความมืดมิด
คลับคล้ายเหมือนกับได้ยินเสียงป้าฟางคุยกับเหยียนหมิงต๋าแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
เหมยเหมยฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่บ้านแล้ว นอกจากช่วงลำคอที่รู้สึกปวดเคล็ดก็ไม่มีตรงไหนผิดปกติ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหคือรูปเสมือนของโม่เฉียวเหลียงหายไปแล้ว
“หมิงต๋าเอารูปนั้นไปแล้ว เขาบอกว่าคุณหนูอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกเลย วันหลังเขาจะอธิบายให้คุณหนูฟังเอง” ป้าฟางกล่าว
……………………………………………………………
ตอนที่ 2392 ออดอ้อนเพื่อฟ้อง
เหมยเหมยบันดาลโทสะขึ้นมาในฉับพลันแล้วลุกพรวดอย่างโมโห โทรไปฟ้องเหยียนหมิงซุ่น
“เป็นอะไรไป? หรือว่าเล่อเล่อไม่ยอมเชื่อฟังจนทำเธอโกรธอีกแล้ว?”
พอเหยียนหมิงซุ่นได้รับสายจากเหมยเหมยก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ปกติแล้วหากไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้ายอะไร เหมยเหมยไม่มีทางโทรมาหาเขาอย่างแน่นอน เธอมักจะบอกเสมอว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการทำงานของเขา
“เปล่าค่ะ เหยียนหมิงต๋าต่างหาก เล่อเล่อว่านอนสอนง่ายจะตายไป!”
เหมยเหมยลูบท้ายทอยที่ปวดเคล็ดพร้อมทำเสียงออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวสักนิด
น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “หมิงต๋ามันทำอะไร?”
“เขาตีฉัน แถมยังแย่งภาพวาดของฉันไปด้วย…”
“ตีเธอ?”
เหยียนหมิงซุ่นตวาดเสียงสูงในทันที เสียงพลั่กดังเล็ดรอดผ่านมาจากปลายสายซึ่งบ่งบอกว่าเขานั้นตื่นตกใจมากแค่ไหน
คิดต่อต้านงั้นเหรอ?
กล้าทำร้ายแม้แต่พี่สะใภ้ กลับไปจะเอามันให้ตายเลย!
ป้าฟางที่เห็นเช่นนั้นก็พลันรู้สึกขบขันขึ้นมา คุณหนูเป็นถึงแม่คนแต่ยังคงทำตัวเหมือนเด็กเล็กอยู่เลย อย่างที่เหยียนหมิงต๋าทำไม่เรียกว่าตีหรอกเขาเรียกว่าแค่ตบเบา ๆเองไม่ใช่เหรอ แถมยังใช้วิธีการที่ฉลาดด้วย
อีกอย่างเธอเองก็ดูออกว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ ซึ่งภารกิจนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิงอย่างแน่นอน แถมยังอันตรายมากด้วย ด้วยเหตุนี้เหยียนหมิงต๋าจึงไม่อยากให้คุณหนูเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพราะคุณหนูเป็นคนในเหตุการณ์จึงมองจุดนี้ไม่ออก
เหมยเหมยตกใจกับเสียงที่ดังผ่านปลายสายมา ฉับพลันจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอพูดเกินเหตุไปหน่อยราวกับเป็นการยุให้รำตำให้รั่วอย่างไรอย่างนั้น!
“ก็ไม่ได้ตีฉันหรอก แค่ตบท้ายทอยของฉันไปทีหนึ่ง พี่คะ ฉันจะบอกอะไรพี่ให้นะ เหยียนหมิงต๋าเขา….”
เหมยเหมยรู้สึกละอายใจเล็กน้อยจึงพูดแก้ต่างไปทันที จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่ชายหนุ่มถูกขโมยไตไปและพูดถึงสิ่งที่เธอสงสัยออกไปด้วย
“ฉันคิดว่ายัยหลิงหลิงนั่นต้องเป็นโม่เฉียวหลิงแน่นอน บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นเชียวเหรอ อีกอย่างถ้าเหยียนหมิงต๋าไม่มีธุระอะไรทำไมถึงต้องไปที่โรงพยาบาลด้วย?”
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งเงียบไป เรื่องขโมยไตเขาพอจะได้ยินมาบ้าง ช่วงครึ่งปีหลังมีคดีลักษณะนี้แล้วอย่างน้อยหกครั้ง ส่วนใหญ่จะถูกขโมยไตไป และยังมีบางกรณีที่ถูกขโมยกระจกตาไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าร้ายแรงมากทีเดียว
เมื่อครู่เฮ่อเหลียนชิงเองก็โทรเข้ามาด้วยเรื่องนี้เช่นกัน บอกให้เขาหาเวลาไปสืบหาเบาะแส อย่าให้เมืองหลวงเกิดสถานการณ์ร้ายแรงขึ้นอีก ต้องทำให้เรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
นึกไม่ถึงเลยว่าเหยียนหมิงต๋าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย ครั้งก่อนที่เหยียนหมิงต๋าพาโม่เฉียวหลิงมาทานข้าวที่บ้าน เจ้าหมอนั่นบอกแค่ว่ากำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่แต่ไม่ได้บอกถึงรายละเอียดของภารกิจ ดูจากตอนนี้แล้วภารกิจที่เหยียนหมิงต๋ากำลังทำอยู่นั้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องขโมยไตแน่นอน
ถึงแม้จะไม่เข้าใจรายละเอียดสถานการณ์มากนัก แต่ถึงขนาดกล้าเหิมเกริมขนาดนี้แสดงว่าแก๊งอาชญากรกลุ่มนี้จะต้องเสียสติคลุ้มคลั่งไปแล้วแน่นอน ซ้ำยังใจกล้าไม่เบา และการที่เหยียนหมิงต๋าไม่ยอมให้เหมยเหมยมาข้องเกี่ยวนั้นก็ถูกต้องแล้ว
“ทางด้านหมิงต๋าพี่จะจัดการสั่งสอนเขาเอง เธออยู่บ้านดูแลเล่อเล่อไปเถอะ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ต้องเชื่อฟังนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดย้ำแล้วย้ำอีก เขากลัวว่าเหมยเหมยอยู่บ้านเบื่อ ๆแล้วจะไปจุ้นจ้านที่โรงพยาบาล
ศัตรูอยู่ในที่ลับแต่ตัวเขาอยู่ในที่แจ้ง มิหนำซ้ำพวกศัตรูยังคลุ้มคลั่งและพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขาไม่กล้ารับประกันเลยว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมย
เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ แม้เธอจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมรับปากแต่โดยดี
เหยียนหมิงซุ่นยังคงไม่วางใจจึงโทรหาลุงเหลาอีกครั้ง เขาสั่งให้ลุงเหลากับป้าฟางคอยจับตาดูเหมยเหมยไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องตามไปด้วย
คืนวันต่อมาเหยียนหมิงต๋ากลับมาทานข้าวที่บ้าน หางตาและปลายคางเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำอย่างเห็นได้ชัด
“หน้าหลานไปโดนอะไรมา? ใครต่อยเหรอ?” คุณย่าหยางถามด้วยความเป็นห่วง
“เดินชนโดยไม่ทันระวังน่ะครับ…”
เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงอ้อมแอ้ม แววตาสั่นระริก ในใจลอบร้องโอดครวญ
เขาแค่ทุบท้ายทอยพี่สะใภ้ใหญ่ไปครั้งเดียวเอง พี่ใหญ่อย่าโหดนักได้ไหม?
เกือบทำเอาเขากระดูกหักแล้วเชียว!
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้านิ่ง ‘กล้าแตะต้องผู้หญิงของเขา ต่อให้เป็นราชาแห่งสวรรค์ก็ต้องโดนสั่งสอนเหมือนกัน!’·
………………………………