ตอนที่ 2471 เด็ก
เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้ป้าฟางทำอาหารตะวันตกเพราะเพื่อนของซังเฟยเป็นชาวอเมริกัน เขาต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี
ซังเฟยเอ่ยห้าม “ไม่ต้องเตรียมอาหารตะวันตกหรอก บิลชอบอาหารฮวาเซี่ยมากที่สุด แค่ทำเมนูบ้าน ๆก็พอแล้ว”
ป้าฟางกับคุณย่าหยางไปเตรียมมื้อเย็นในครัว เหยียนหมิงซุ่นให้ลุงเหลาไปรับบิลที่สนามบินด้วยตัวเอง
เหมยเหมยสงสัยสถานะของบิลอย่างมากเลยอดถามไม่ได้ว่า “เพื่อนของคุณเขาทำงานอะไรเหรอคะ?”
“บิลเป็นนักข่าวเหมือนฉันนี่แหละแต่บิลเป็นรุ่นพี่ฉัน เขาเป็นนักข่าวที่สุดยอดมาก เคยได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วยนะ” ซังเฟยดูท่าทางเคารพยกย่องบิลมากทีเดียว ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
เฝิงไห่ถังยิ้มเอ่ย “เฟยเอ๋อร์เธอไม่ใช่นักข่าวธรรมดาหรอกนะแต่เป็นนักข่าวภาคสนาม ในเวลาหนึ่งปีน่าจะใช้เวลากว่าครึ่งปีอยู่ตามจุดอันตรายต่าง ๆทั่วโลก ฉะนั้นตอนนั้นเธอถึงไม่สามารถดูแลลูกได้”
เหมยเหมยลุกขึ้นทำความเคารพทันที
มิน่าซังเฟยถึงมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ นักข่าวภาคสนามไม่ใช่ใคร ๆก็เป็นได้โดยเฉพาะผู้หญิง ลำพังแค่มีความกล้าไปเป็นนักข่าวภาคสนามก็น่ายกย่องมากพอแล้ว!
“แล้วหลังจากนี้ไปคุณเตรียมจะทำงานอะไรต่อ?”
หากซังเฟยคิดจะดูแลลูกด้วยตัวเองคงไม่สามารถทำงานนักข่าวภาคสนามต่อได้อีกแล้ว
“ฉันติดต่อช่องนกยูงทางฮ่องกงไว้แล้ว จัดการเรื่องทางนี้เสร็จก็จะไปทำงานที่นั่น ยังคงทำงานเป็นนักข่าวเหมือนเดิมแต่เป็นนักข่าวโทรทัศน์ ไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่าเมื่อก่อน” ซังเฟยเผยรอยยิ้มที่ดูขมขื่นหน่อย ๆ
เพื่อลูกชายเธอจำเป็นต้องเสียสละเลิกทำอาชีพที่รักที่สุด แม้จะไม่มีอะไรให้ไม่พอใจแต่ก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง!
เฝิงไห่ถังกวาดตามองรอบ ๆแล้วถามด้วยความแปลกใจ “เล่อเล่อล่ะ…ทำไมไม่เจอหลานเลย?”
เหมยเหมยเจ็บแปลบที่หัวใจเลยฝืนยิ้มตอบ “เล่อเล่อออกไปเที่ยวข้างนอกกับคุณอาค่ะ อีกหลายวันเลยกว่าจะกลับมา”
เฝิงไห่ถังกับซังเฟยต่างเป็นคนที่รู้จักขอบเขต พวกเขาดูก็รู้ว่ามีเงื่อนงำบางอย่างแต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมบอก พวกเธอในฐานะแขกก็คงไม่เหมาะที่จะถามต่อเช่นกัน
บิลเพื่อนของซังเฟยมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว เพียงสี่ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว ฟังจากเขาเล่าว่าทุกอย่างราบรื่นดี พอมาถึงสนามบินก็เจอจุดคืนตั๋วพอดีเลยไม่ได้เสียเวลารอแม้แต่นาทีเดียว
บิลอายุสี่สิบกว่าปีสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบาย ๆเหมือนซังเฟย แต่กลับเป็นคุณลุงที่หน้าตาหล่อเหลาไม่ได้มีหนวดยาวเฟิ้มอย่างที่เหมยเหมยคิดเอาไว้ สะอาดสะอ้านและหุ่นดีระดับยอดเยี่ยม
เหมยเหมยมองปราดเดียวก็รู้ว่าทำไมบิลถึงได้รีบร้อนมานัก ต้องมีสาเหตุมาจากซังเฟยแน่ ๆ เจ้าหมอนี่ตั้งแต่มาถึงก็ไม่เคยละสายจากซังเฟยเลย คนโง่ยังดูออกถึงอารมณ์ที่สื่อออกทางสายตาซึ่งมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกตัวใด ๆ
บิลพูดภาษาฮวาเซี่ยได้นิดหน่อยในระดับเบื้องต้นอย่างการทักทายแต่การสื่อสารทั่วไปยังต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทว่าดันใช้ตะเกียบได้ดี หากไม่ได้มีหน้าตาอย่างคนผิวขาวก็คงรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนชาวตะวันตกเลยสักนิด
“เฟยเอ๋อร์บอกว่าคุณเป็นข้าราชการใหญ่โตของฮวาเซี่ยที่เก่งกาจมาก บางทีคุณอาจจะช่วยกลุ่มคนน่าสงสารเหล่านั้นได้…”
หลังมื้อเย็นบิลก็เอาโน้ตบุ๊ตจากกระเป๋าออกมาแล้วเอ่ยต่อเหยียนหมิงซุ่น
“คุณหมายถึงหัตถ์พระเจ้าเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างตรงไปตรงมา
บิลชะงักไปทีสายตาดูตกใจชั่ววูบ เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดต่อ “อันนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ผมพอจะรู้เรื่องอื่นอยู่บ้าง บางทีอาจจะมีประโยชน์ต่อคุณ”
โน้ตบุ๊คเปิดการใช้งานขึ้น บิลป้อนรหัสใส่เข้าไป กดอยู่หลายทีแล้วเปิดเอกสารที่ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดขึ้นมา พอคลิกสองที…ก็ปรากฏรูปถ่ายมากมายขึ้น
เหมยเหมยชะเง้อคอเข้าไปดูก็พบว่าในนั้นเป็นรูปตุ๊กตาใบหน้างดงามมีทั้งชายและหญิงที่อายุคละ ๆกันไป แต่น่ารักงดงามกันทุกคนแถมดูเหมือนมีชีวิตราวกับคนจริง ๆก็ไม่ปาน
………………………
ตอนที่ 2472 ตุ๊กตา
รูปภาพเหล่านี้น่าจะถูกแอบถ่ายมาซึ่งมีหลายภาพถ่ายในมุมที่ไม่ดีนักแต่ก็เห็นได้อย่างชัดมาก เหมยเหมยลองนับดูพบว่ามีทั้งหมดสิบห้ารูป โดยแบ่งออกเป็นรูปตุ๊กตาสิบสี่รูป รูปสุดท้ายเป็นรูปตุ๊กตาถ่ายหมู่สิบกว่าตัว
เหมยเหมยนับอีกทีก็พบว่ารูปสุดท้ายมีตุ๊กตาทั้งหมดยี่สิบตัว ตุ๊กตาเหล่านี้ล้วนถูกวางอยู่บนชั้นราวกับสินค้าที่จัดแสดง หนำซ้ำยังถูกกั้นไว้ด้วยกระจกอีกชั้นโดยแบ่งเป็นช่อง ๆวางเรียงไว้อย่างระมัดระวัง
เธอยังสังเกตเห็นว่าตุ๊กตาเหล่านี้มีสีผิวต่างกันโดยหลายตัวมีผิวสีเหลืองดวงตาสีดำผมสีดำ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต่างคือความสวยงาม ทั้งยังสวมชุดที่งดงามมากเช่นเดียวกันถูกจัดท่านอน นั่ง ยืน เต้นรำ…หรือทานข้าว…
ท่วงท่าแตกต่างกันออกไป…หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน แต่มีจุดหนึ่งที่คล้ายกันคือ–
ดูมีชีวิตชีวา!
ตุ๊กตาพวกนี้ทำได้สมจริงเกินไป สมจริงเสียจนเหมยเหมยรู้สึกเสียวสันหลังวาบ…ความเย็นยะเยือนที่แผ่มาจากเท้าเรียกให้ตัวสะท้านเฮือก!
“ตุ๊กตาสวยจัง…เหมือนของจริงเลย!” เฝิงไห่ถังเอ่ยพึมพำด้วยสายตาที่ดูหลงใหล
เธอเป็นคนคลั่งตุ๊กตา สิ่งที่รักที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตก็คือตุ๊กตาในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เธอถึงขั้นทำห้องไว้สำหรับตุ๊กตาที่เธอสะสมมาตลอดหลายสิบปีโดยเฉพาะ เซียวจิ่งหมิงจะสั่งทำตุ๊กตาสุดพิเศษไว้เป็นของขวัญวันเกิดเธอทุกปี ทั้งคู่จึงยังมีสายสัมพันธ์หลงเหลืออยู่…
ครั้นเห็นตุ๊กตาแสนน่ารักคล้ายคนแบบนี้เฝิงไห่ถังก็หักห้ามความรู้สึกชื่นชอบไว้ไม่ได้เลย ถามบิลว่า “นี่สั่งทำจากบริษัทไหนเหรอ? ฉันอยากซื้อ!”
“ไม่ใช่สินค้าแต่สั่งทำเอง” สายตาของบิลดูแปลก ๆไปแถมยังดูแปลกพิกล “คุณผู้หญิง…ผมแนะนำคุณเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ต่อไปเถอะ พวกนี้น่ะ…ไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดาหรอกนะ!”
ประโยคสุดท้ายเสียงเบาหวิวจนเหมยเหมยมองเขาแวบหนึ่งพร้อมใจที่เต้นระส่ำ รู้สึกเหมือนคำพูดของบิลมีนัยยะบางอย่าง
“หรือว่าตุ๊กตาพวกนี้ราคาแพงมาก? ไม่เป็นไร ฉันน่าจะรับไหว!” เฝิงไห่ถังเป็นคนนิสัยดื้อรั้น เธอเชื่อว่าไม่มีสิ่งไหนบนโลกใบนี้ที่เธอซื้อไม่ได้
มีเพียงแค่ราคาไม่สูงมากพอเท่านั้น!
เหยียนหมิงซุ่นพ่นลมหายใจออกมาเนือย ๆแล้วพูดเสียงเย็นเฉียบว่า “ตุ๊กตาพวกนี้คือคนจริง ๆสินะ!”
เหมยเหมยกับเฝิงไห่ถังสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดผ่านแผ่นหลังอย่างบอกไม่ถูก หากไม่ใช่เพราะในห้องมีพวกเหยียนหมิงซุ่นอยู่พวกเธอต้องหลุดเสียงกรี๊ดออกมาแหง
ซังเฟยยังคงสีหน้าปกติ สมกับเป็นนักข่าวภาคสนามที่ประสบการณ์โชกโชน แต่เธอก็ตกใจเช่นกันเลยหลุดเสียงถาม “คนจริง ๆเหรอ? บิล เขาพูดจริงเหรอ? ตุ๊กตาพวกนี้คือเด็กจริง ๆเหรอ?”
บิลพยักหน้า “ใช่…พวกนี้คือเด็กจริง ๆ พวกเขาเรียกว่าตุ๊กตาหนังคน”
“พระเจ้า…พวกเขาคือใคร? ตำรวจไม่สนใจบ้างเหรอ?” ซังเฟยถามด้วยความโกรธ
บิลหัวเราะเย้ย “ตำรวจสนใจแต่คนจนเท่านั้นแหละ จะไปสนใจเศรษฐีพวกนี้ทำไมกัน!”
เหมยเหมยมองไปที่หน้าจออีกทีซึ่งบิลได้ขยายรูปหนึ่งใหญ่ขึ้น ในนั้นเป็นเด็กผู้ชายอายุห้าหกขวบดวงตากลมโตผมหยักศกโดยธรรมชาติ ผิวขาวสว่างน่ารักเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ แต่ตอนนี้กลับถูกทำเป็นตุ๊กตาจริง ๆเก็บไว้ในตู้กระจกให้คนเชยชมเหมือนของตาย
เธอเอามือปิดปากพยายามกลืนความรู้สึกสะอิดสะเอียนใจลงไป
“เด็กพวกนี้ถูกทำเป็นตุ๊กตาทั้งยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าหลังจากตายแล้วค่อย…” เฝิงไห่ถังสีหน้าดูย่ำแย่มาก เธอสะสมตุ๊กตามาทั้งชีวิตแต่วินาทีนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตุ๊กตาช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน
“ตอนมีชีวิตอยู่ เด็กต้องมีสติอยู่ตลอดเวลากระทั่งทำตุ๊กตาสำเร็จพวกเขาถึงจะจบชีวิตเด็กพวกนี้ได้” บิลพูดความจริงที่แสนโหดร้ายออกมา
“ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน…นี่มันกลุ่มปีศาจชัด ๆ…เด็กที่น่าสงสาร…” เหมยเหมยเอ่ยพึมพำรู้สึกเหมือนมีเข็มปักลงกลางอก พลันเธอก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นได้สีหน้าเลยเปลี่ยนไปในทันที
………………