ตอนที่ 2505 ตายก็ไม่ยอมรับ
ณ เมืองหลวงของฮวาเซี่ย
ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งจนหัวหมุน ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะเป็นความลับ อีกทั้งยังสร้างสถานะตัวปลอมอีก แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้หลอกได้ง่าย ๆ พวกเขาสืบหาข้อมูลพบอย่างรวดเร็ว สถานการณ์บีบคั้นสุด ๆ
โชคดีที่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาเพียงแค่สงสัยเท่านั้นแต่หาหลักฐานไม่ได้ พวกเขาทำแค่เพียงกดดันทางสถานทูต ทางสถานทูตรู้อยู่แก่ใจแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อยื้อเวลาทางสหรัฐอเมริกา
ยื้อไปเรื่อย ๆจนในที่สุดเรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็หายไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นมาดุด่าชุดใหญ่ ด่าว่าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วกระทำการโดยพลการ
“ไม่แม้แต่จะโทรมาหาฉันแล้วไปก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตถึงสหรัฐอเมริกา นายว่ามาสิว่าจะทำอย่างไรต่อ?” นายใหญ่โมโหเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันในใจก็เกิดความระแวงขึ้นมา
สงสัยว่าเหยียนหมิงซุ่นปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา!
ก่อนกลับประเทศเฮ่อเหลียนชิงเตือนเหยียนหมิงซุ่นให้เขาระวังนายใหญ่ไว้แล้วเช่นกัน
เฮ่อเหลียนชิงอยู่กับนายใหญ่มาหลายปีจึงรู้ว่าเขามีนิสัยขี้ระแวงมาก เรื่องจะเป็นมาอย่างไรก็คิดมากไปกว่าคนอื่นหนึ่งขั้นแล้ว เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นการปฏิบัติการโดยพลการ ฉะนั้นนายใหญ่จะต้องระแวงอย่างแน่นอน
เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับเฮ่อเหลียนชิงพร้อมคิดหาแผนรับมือเอาไว้แล้ว จงใจกล่าวว่า “ทั้งภรรยาและลูกสาวของผมต่างเกิดเรื่องขึ้น ผมร้อนใจแทบแย่ ทางฝั่งพ่อเลี้ยงก็ไม่มีการแจ้งมาเลย!”
“แค่โทรมาบอกกันก็ทำไม่ได้เหรอ? แค่บอกฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนตอนนี้!” น้ำเสียงของนายใหญ่อ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังโมโหอยู่ดี
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ครั้งนี้เหยียนหมิงซุ่นกระทำการโดยพลการฝ่าฝืนกฎใหญ่มหันต์
“ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง โปรดนายใหญ่ลงโทษด้วย ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นยอมรับผิดแต่โดยดี ท่าทางเคารพนับถือของเขาทำให้นายใหญ่โล่งใจขึ้นมาก
“นายจะแก้ไขอย่างไร?”
“ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน!”
“นายคิดว่าคนอื่นเขาโง่หรือไง?” นายใหญ่ส่งเสียงเยาะเย้ยใส่
“ไม่ว่าจะโง่หรือไม่ ถ้าจะกล่าวหาพวกเราก็ต้องมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานมายืนยันก็จะไม่ยอมรับ หลักการนี้ใช้กันทุกที่!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เขาก็เตรียมการรอบคอบป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆแล้ว!
นายใหญ่เห็นเขาวางแผนไว้แล้วจึงวางใจเพราะเขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนที่คุยโม้โอ้อวดแบบขอไปที
“วันหลังหากนายยังกล้ากระทำการบุ่มบ่ามโดยพลการแบบนี้อีกก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!” สิ่งที่ควรเตือนก็ยังคงต้องเตือนอยู่ดี
“ทราบแล้วครับ งั้นผมจะบอกนายท่านก่อนเลยว่าผมวางแผนจะทำลายตระกูลคาร์ลโดยไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งระเบิดอีกลูก นายใหญ่ตกใจยกใหญ่
“นายคิดจะทำอะไรอีก? ยังก่อเรื่องไม่พอหรือไง?”
“ตระกูลคาร์ลเป็นพวกคนบาปทำความชั่วไร้ศีลธรรมไว้มากมาย ผมช่วยจัดการแทนสวรรค์เบื้องบนเอง!” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีจริงจัง นายใหญ่แค่นเสียง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าเจ้าหมอนี่ใช้เรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว
“แล้วถือโอกาสฮุบกิจการตระกูลคาร์ลมาด้วยเลย กำไรทั้งหมดจะถูกส่งไปเก็บยังคลังทรัพย์สินของประเทศ!”
เหยียนหมิงซุ่นกล่าวประโยคที่สำคัญที่สุดออกมา นี่คือสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงสอนมา เฮ่อเหลียนชิงบอกว่านายใหญ่รักเงินมากที่สุด แค่บอกผลประโยชน์เขาก็จะไม่มีการคัดค้านอย่างแน่นอน
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะสีหน้าของนายใหญ่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ระยะนี้คลังทรัพย์สินของประเทศขาดแคลน มีเงินเข้าก็ถือว่าดีเช่นกัน เขาจะได้เอาไปช่วยเหลือชนบทยากจนได้หลายพื้นที่
พอเหยียนหมิงซุ่นเดินออกจากห้องทำงานของนายใหญ่ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง จากนั้นก็รู้ว่าเหมยเหมยพาลูกไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น
“ปกป้องพวกเขาให้ดี มีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้เลย!”
ทางด้านเหมยเหมยก็พาเด็ก ๆไปทานโอเด้งร้านชื่อดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกย่างก้าวของเธออยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเหยียนหมิงซุ่น
“หาเจอแล้ว ร้านนี้แหละ ว่ากันว่าเก่าแก่นับร้อยปีเลยนะ!”
เหมยเหมยพาลูกไปหาที่นั่งแบ่งโต๊ะกับคนอื่นอย่างมีความสุข อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยวเช่นกันซึ่งดูท่าทางยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันอยู่เลย
…………………………………………..
ตอนที่ 2506 เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง
พอเหมยเหมยได้ยินพวกเขาพูดคุยกันก็รู้เลยว่าพวกเขาเป็นชาวฮ่องกงหรือคนกวางตุ้ง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ไปผูกมิตรกับใคร คนฮวาเซี่ยมาเที่ยวที่นี่เยอะมากจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบเพื่อนประเทศเดียวกัน
“แม่ ไม่กินหัวไชเท้า จะกินเนื้อ!”
เล่อเล่อเขี่ยหัวไชเท้าที่เหมยเหมยเลือกมาให้เธออย่างรังเกียจ เธอเกลียดการทานหัวไชเท้ามากที่สุด แต่แม่ของเธอกลับมักจะให้เธอทานหัวไชเท้าอยู่เรื่อย
“ลูกต้องกินหัวไชเท้าสองชิ้นถึงจะกินเนื้อได้หนึ่งชิ้น!” เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าที่เล่อเล่อเขี่ยออกกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบทานผักเหมือนใคร แต่ละวันทั้งต้องเกลี้ยกล่อมและกดดันถึงจะทำให้เธอทานผักได้บ้าง
เสี่ยวเป่าทานหัวไชเท้าคำโตแล้วหันไปส่งยิ้มให้เล่อเล่อ “หัวไชเท้าอร่อย พี่ยังอยากกินอีกคำเลย!”
แต่ถ้าพูดตามสัตย์จริง หัวไชเท้ารสชาติแย่มาก ๆ!
เสี่ยวเป่าพยายามอดกลั้นต่อความอยากอาเจียนเอาไว้แล้วกลืนหัวไชเท้าลงไปเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้กินหัวไชเท้า เขายอมทุกอย่าง!
เล่อเล่อคีบหัวไชเท้าขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขมวดคิ้วและกัดคำเล็ก ๆ จากนั้นก็เบะปากพูดว่า “ไม่อร่อยเลย…”
พี่ชายโกหกอีกแล้ว หัวไชเท้าไหนเลยจะอร่อยเท่าเนื้อ!
เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าให้เสวี่ยเอ๋อร์หนึ่งชิ้น ร้านโอเด้งนี้ดีมากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ แต่ห้ามไม่ให้รบกวนผู้อื่น
“ลูกดูสิ เสวี่ยเอ๋อร์ยังกินได้เลย ทำไมลูกถึงกินไม่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยเอาหัวไชเท้าที่เล่อเล่อคายออกมายัดเข้าไปในปากของเธออีกครั้งและจ้องไปที่เสวี่ยเอ๋อร์
เสวี่ยเอ๋อร์กินหัวไชเท้าอย่างเชื่อฟังพร้อมมองเจ้านายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ มันหวังว่าเธอจะกินหัวไชเท้าเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องทนทุกข์ทรมานกินหัวไชเท้าต่อไปเช่นนี้
มันไม่ชอบกินหัวไชเท้าเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อร่อยเลย!
เล่อเล่อเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ช่วงนี้แม่ดุมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ!
เพื่อไม่ให้คู่หูต้องทนทุกข์เล่อเล่อเลยต้องฝืนทานหัวไชเท้าไปสามชิ้นถึงทำให้เหมยเหมยพอใจ จากนั้นก็ส่งชามลูกชิ้นให้เธอด้วยท่าทีใจดี
เล่อเล่อหน้าบานเป็นกระด้งในทันที เธอคีบลูกชิ้นป้อนเสวี่ยเอ๋อร์แล้วก็ป้อนฉิวฉิว หลังจากนั้นถึงกินเอง
“ช่างเป็นหมาที่น่ารักมากจริง ๆ โอ๊ย แถมยังมีกระรอกน้อยอีกด้วย!”
พอลูกค้าวัยรุ่นที่ร่วมโต๊ะเดียวกันเห็นเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็แปลกใจมาก ตอนแรกยังรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเหมยเหมยและเด็ก ๆพูดภาษาจีนกลางเลยรู้ว่าเป็นเพื่อนชาติเดียวกันจึงเริ่มเปิดบทสนทนากับเหมยเหมย
“พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของคุณเหรอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากจริง ๆ สัตว์เลี้ยงก็น่ารักมากเช่นกัน คุณช่างโชคดีจริง ๆ!”
พวกวัยรุ่นเหล่านี้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งนัดกันมาเที่ยวที่นี่ในวันหยุด พวกเขาชอบเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อมาก แถมยังมีเสวี่ยเอ๋อร์ผู้เย่อหยิ่งและฉิวฉิวที่ดูไร้เดียงสา พวกเขาถ่ายรูปกันเยอะเลย
เหมยเหมยพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข อันที่จริงอายุต่างกันไม่มาก เพราะหลายคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเอง!
“เธอแต่งงานเร็วมากเลย ไม่น่าล่ะถึงได้ดูอายุน้อยขนาดนี้!” พวกผู้หญิงอิจฉาเป็นอย่างมาก พวกผู้ชายยิ่งผิดหวังไปกันใหญ่
เดิมทียังคิดว่าจะได้นัดบอดสุดแสนโรแมนติก แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว!
เหมยเหมยยิ้ม เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก นอกเสียจากว่าช่วงนี้จะมีใครบางคนน่ารำคาญไปสักหน่อย!
“เย็นนี้ไปกินเคเอฟซีกันไหม? พวกเราเลี้ยงเด็ก ๆเอง!” มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งเสนอขึ้นมา
เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแต่ก็ปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมจับจ้องเหมยเหมยอย่างมีความหวัง
“ขอบคุณนะ พวกเราเพิ่งกินไปเมื่อตอนบ่ายเอง!” เหมยเหมยยิ้มพลางปฏิเสธ
“ไม่ต้องไปทานเคเอฟซีหรอก คนเยอะแน่นอน ไปกินหม้อไฟกันดีกว่า!” มีคนคัดค้าน
“ไม่นะ พวกเราไปกินกันเมื่อตอนเที่ยงที่ว่างเยอะมาก คนไม่เยอะเลย” เหมยเหมยรีบค้านทันที
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อ วัยรุ่นสองสามคนอีกโต๊ะใช้ภาษาจีนกลางพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณยังกล้าไปกินเคเอฟซีอีกเหรอ ที่นั้นเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง!”
…………………………