ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2561 ความอายยามพบเจอ + ตอนที่ 2562 เรียกอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่

บทที่ 2561 ความอายยามพบเจอ + ตอนที่ 2562 เรียกอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่

ตอนที่ 2561 ความอายยามพบเจอ

ผมของเด็กสาวยาวถึงเอวราวกับน้ำตก ผมสีดำขลับเป็นเงาประกายถักเป็นเปียหลวม ๆ เธอก้มตัวลงด้วยท่าทีเกียจคร้าน เด็กสาวนั่งยองอยู่ที่พื้นจึงไม่รู้ว่าสูงเท่าไร อีกทั้งยังถูกคลุมด้วยชุดคลุมยาวอีก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผอมเพรียวของเด็กสาวคนนี้

ถึงแม้จะเป็นชุดคลุมยาว แต่ก็ไม่สามารถอำพรางเอวบาง ๆของเธอได้เลย

ในห้องผู้ป่วยมีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนส่งเสียงร้องโอดครวญอยู่ไม่น้อย มีพยาบาลหลายคนที่กำลังดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ทว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น

เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือหานเหมย

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนออกมาว่า “เหมยซูหาน!”

เด็กสาวสะดุ้งจนเกือบล้มลงพื้นแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จัดการกับบาดแผลด้วยความชำนาญราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของเหมยเหมย

แต่อาการสะดุ้งแวบหนึ่งเมื่อครู่เป็นสิ่งที่บ่งบอกทุกอย่างแล้วว่า

หานเหมยคนนี้ก็คือเหมยซูหานที่กลับชาติมาเกิดใหม่!

เหมยเหมยเดินเข้าไปใกล้หานเหมย นั่งยองลงตรงหน้าเธอแล้วประจันหน้ากัน

หานเหมยเงยหน้ามองเธอด้วยความฉงน ผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดคนนี้รู้จักชื่อเหมยซูหานได้อย่างไร?

แต่พอมองไปยังไฝตรงหว่างคิ้วเม็ดนั้น หานเหมยก็เข้าใจขึ้นมาในทันทีจึงพยายามสะกดความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่ให้กรีดร้องออกมา จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป

ผ่านไปครู่ใหญ่เธอถึงสงบสติลงได้จึงใช้ภาษาอังกฤษถามขึ้นว่า “คุณเป็นหมอที่เพิ่งมาใหม่ใช่ไหม?”

เหมยเหมยมองไปที่ผ้าพันแผลที่พันอยู่นานแต่ก็ยังพันไม่เสร็จสักทีพลันฉีกยิ้มออกมา “เหมยซูหาน เธอไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าฉันหรอก ฉันรู้ว่าเป็นเธอ เธอเองก็จำฉันได้…เสแสร้งต่อไปจะมีประโยชน์อะไร?”

“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักเหมยซูหาน แล้วก็ไม่รู้จักคุณด้วย หากคุณไม่มีธุระอะไรก็เชิญออกไป อย่ามาขัดขวางการทำงานของฉัน”

เหมยซูหานก้มหน้าพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ เธอจะทำความแตกไม่ได้เด็ดขาด

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเหมยเหมยจะมาหาถึงที่นี่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอมาได้อย่างไร วุ่นวายจริง ๆ!

แต่เธอก็ยังรู้สึกดีใจที่ได้เจอเหมยเหมย รู้สึกเหนือคาดมากจริง ๆ เมื่อก่อนเธอพยายามภาวนาให้ได้กลับไปเจอเพื่อน ๆ ตอนนี้เหมยเหมยมาหาถึงที่นี่แล้วทว่าเธอกลับรู้สึกลังเลใจ

ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงแล้ว!

อย่างนี้เธอจะเผชิญหน้ากับเพื่อน ๆในวันวานได้อย่างไร?

สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทำอย่างไรก็ก้าวข้ามผ่านมันไปไม่ได้!

เพราะฉะนั้นตอนแรกหานเหมยจึงเลือกทำเป็นไม่รู้จักแต่เธอก็กังวลมากเช่นกัน เธอกลัวว่าเหมยเหมยจะเชื่อจริง ๆว่าเธอไม่ใช่เหมยซูหานแล้วจากไปและไม่กลับมาที่นี่อีก!

“ได้…ดูท่าแล้วเธอคงไม่อยากกลับมารู้จักฉันอีก ฉันคิดว่าเธอก็คงไม่อยากจะเจอเสี่ยวเป่าแล้วเหมือนกันใช่ไหมล่ะ…ได้ ฉันจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปเดี๋ยวนี้แหละ…”

เหมยเหมยมองความคิดของเธอออกจึงแอบหัวเราะในใจ แค่มีจุดเพิ่มขึ้นมาสองจุดกับแท่งหายไปหนึ่งแท่งเท่านั้นเอง มีอะไรให้ต้องอายกัน?

อีกอย่างเจ้าหมอนี่ควรจะขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำที่ให้สัดส่วนที่ดูดีขนาดนี้มา ต่อไปมีลูกให้เฮ่อเหลียนเช่อได้อีกต่างหาก นับว่าเป็นเรื่องดีขนาดไหนกัน!

พอหานเหมยได้ยินชื่อเสี่ยวเป่าที่คิดถึงมาตลอดก็เสแสร้งต่อไปไม่ไหวจึงโมโหจนต้องลุกขึ้นมากล่าวตำหนิว่า “เธอพาเสี่ยวเป่ามาที่นี่ด้วยได้อย่างไร? รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน? นี่คือตะวันออกกลาง…ไม่ใช่ซานตง แล้วก็ไม่ใช่กว่างตงด้วย…เธอนี่ทำอะไรผลีผลามจริง ๆ…”

เหมยเหมยเอามือกอดอกพร้อมทำท่าเหมือนจะหัวเราะมองเธอที่บ่นพึมพำ

เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ?

จู่ ๆเสียงก็เงียบชะงักไป หานเหมยเบือนหน้าหนีแล้วนั่งลงพันแผลต่อ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ

เหมยเหมยจะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่านะ?

เสี่ยวเป่าจะไม่ยอมรับเธอเป็นอาแล้วหรือเปล่านะ?

“ก็แค่เปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิงมีอะไรให้น่าอายกัน เธอชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ ร่างกายในตอนนี้น่าจะดีกว่าเมื่อก่อน เธอควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ?”

เหมยเหมยใช้ภาษาถิ่นเมืองจินพูดเหน็บแนม ตอนแรกหานเหมยขมวดคิ้วแน่น แต่จากนั้นไม่นานใบหน้าก็หลุดยิ้มแสดงความดีใจออกมา

…………………………………………..

ตอนที่ 2562 เรียกอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่ะ

หานเหมยที่กังวลและสับสนมาเป็นปี ๆ เพราะประโยคนี้ของเหมยเหมยเลยทำให้คิดได้ขึ้นมาในทันที

แต่ก่อนเธอมักจะรู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่สามารถมีลูกให้กับเฮ่อเหลียนเช่อได้ ตอนนี้เธอสามารถมีลูกได้แล้ว ควรจะดีใจสิถึงจะถูก!

แต่พอนึกถึงสิ่งที่ร่างกายนี้กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หานเหมยก็กลับมาคิดมากอีกครั้ง อยากจะกลับไปคบกับอาเช่อ คิดว่าคงจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!

“เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?”

หานเหมยก็ไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไปแล้วใช้ภาษาถิ่นถามเหมยเหมย

“ฉันเห็นรูปเธอจากยูทากาฮาชิแล้วรู้สึกแปลก ๆพิกล ตอนหลังยูทากาฮาชิได้รับบาดเจ็บแล้วกลับประเทศไป เขาเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟัง พอฉันได้ยินว่าเธอทำบะหมี่ผักกาดดองได้แล้วก็เรียกชื่อตัวเองว่าหานเหมยก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นเธอ!” เหมยเหมยยิ้มไปพูดไป ปานสีม่วงแดงบนใบหน้าขยับไปมาราวกับตัวหนอน

หานเหมยอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ใครเป็นคนแต่งหน้าให้เธอ จะแต่งให้ดูปกติหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ปานน่าเกลียดขนาดนี้ เห็นแล้วทำเอาเธออยากอาเจียนอาหารที่กินไปเมื่อสองวันก่อนออกมาให้ได้เลย!

“ฉันทำเอง น่าเกลียดจนอยากอาเจียนเลยใช่ไหมล่ะ? แบบนี้ถูกแล้ว…จะว่าไปแล้วเธอกล้าเอาใบหน้าที่สวยขนาดนี้ออกมาเดินเฉิดฉายเลยเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ

ร่างใหม่ของเจ้าหมอนี่สวยมากจริง ๆ มีความเป็นต่างชาติผสมเข้าไปด้วย ผิวพรรณไม่ได้ดำเหมือนอย่างคนท้องถิ่นที่นี่กลับผิวขาวราวกับน้ำนม ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่เห็นแล้วยังใจสั่นเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นเลย

หานเหมยฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับฉันหรอก เธอน่าจะเคยได้ยินยูทากาฮาชิพูดมาบ้างแล้ว ร่างของฉันร่างนี้มีคู่หมั้นที่ไม่ธรรมดาอยู่ เขาชื่อว่านาสซาร์ ทั้งตะวันออกกลางทุกคนต่างก็รู้ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขา ใครจะกล้ามายุ่งกับฉันล่ะ!”

คู่หมั้นคนนี้ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับเธอ แต่ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอเหมือนกัน!

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น นาสซาร์ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจังแฮะ แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ในทันที จากนั้นคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นกว่าเดิม

“คู่หมั้นของเธอคือเขางั้นเหรอ?” เหมยเหมยประหลาดใจเป็นอย่างมาก โลกช่างกลมจริง ๆ

“เธอรู้จักเขาเหรอ?”

“ไม่รู้จัก แต่ครั้งนี้ตอนที่พวกเรามาได้เจอลูกน้องของนาสซาร์ลอบทำร้ายเพราะจะมาแย่งยาของพวกเรา แต่โชคดีที่หนีมาได้ เพียงแต่ว่ามีพยาบาลคนหนึ่งถูกพวกเขาจับตัวไป”

เหมยเหมยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าว ๆให้ฟัง หานเหมยได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นระส่ำพลางก่นด่าเหมยเหมยอยู่ในใจ ยังดีที่เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร!

“เธอผลีผลามเกินไป เหยียนหมิงซุ่นไม่มาดูเธอบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เธอออกมาได้?” หานเหมยพร่ำบ่น

“เรื่องนี้เขาไม่เกี่ยว ฉันพาเด็ก ๆออกมาได้สองเดือนแล้ว เขาอยากจะเข้ามายุ่งก็ยุ่งไม่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสามารถดูแลเด็ก ๆได้อย่างแน่นอน อีกอย่างเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อเป็นเด็กไม่ธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงเลย!

หานเหมยยังรับข้อมูลไม่ทัน จากนั้นเขาก็มองดูเธอในความทรงจำที่เคยเป็นคนขี้กลัวและเชื่อฟังว่าง่ายด้วยความประหลาดใจ ปกติเธอเชื่อฟังคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับหนีออกจากบ้าน?

เหลือเชื่อจริง ๆ!

แล้วก็เล่อเล่อคือใคร?

“ลูกสาวฉันไง ตอนที่เธอตายฉันกำลังท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันได้ลูกสาวชื่อว่าเหยียนเล่อเล่อ เป็นเด็กอวบอ้วน สนิทกับเสี่ยวเป่ามาก” เหมยเหมยยิ้มแล้วพูดขึ้น

หานเหมยเกือบจะพูดไม่ออก นอกจากจะใจกล้ามากขึ้นแล้วยังพูดจาอ้อมค้อมน้อยลงด้วย

บอกว่าตอนที่เธอจากไปไม่ได้เหรอ?

พูดคำว่าตายไม่เป็นมงคลเลยจริง ๆ!

สิ่งที่ทำให้เธอโมโหมากกว่าเดิมก็คือนอกจากจะพาเสี่ยวเป่ามาแล้ว ยังพาลูกสาวอายุสามขวบมาด้วย

“เธอทำเกินไปแล้ว…เล่อเล่อเพิ่งจะสามขวบใช่ไหม…ที่นี่มีศพอยู่เกลื่อนไปหมด เลือดไหลเหมือนแม่น้ำ เด็กเห็นแล้วจะไม่จำฝังใจเหรอ? ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งชีวิตเลยนะ เหมยเหมยเธอทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”

เหมยเหมยเบะปาก ลูกสาวของเธอกล้าระเบิดหัวคนอื่นแล้วจะกลัวเลือดกับศพได้อย่างไร?

“ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกสาวของฉันใจกล้ากว่าเธอเยอะ เธออาจจะจำฝังใจแต่เล่อเล่อไม่ฝังใจแน่นอน ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปหาเด็กทั้งสองคนนั่น ใช่แล้ว…พวกเขาต้องเรียกเธอว่าอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่ะ?”

……………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท