ตอนที่ 2717 ยังมีสายใยสัมพันธ์อยู่บ้าง
เฝิงอวี้หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เผยรอยยิ้มอันขมขื่น
เธอที่ถูกทรมานมาสิบสองปีสุดท้ายก็สู้งานและตำแหน่งของน้องชายไม่ได้ ในใจคุณแม่น้องชายน้องสาวล้วนสำคัญกว่าเธอ เธอสมควรถูกบ้านสามีดูถูก สมควรถูกสามีทารุณสินะ!
“คุณพูดอะไร? จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังห่วงงานนั่นอยู่อีกเหรอ…คุณ…คุณนี่มันน่าโมโหจริง ๆ!”
คุณพ่อเฝิงอวี้เอ่ยคำที่ยังเหลือความเป็นคนออกมาอยู่บ้าง นับว่ายังมีความเป็นพ่ออยู่สักนิด
“ลูกชายทำงานลำบากเกินไป ไหนจะต้องสลับเวรตั้งสามกะอีก นี่เพิ่งอายุสามสิบต้น ๆก็มีผมหงอกแล้ว ฉันปวดใจนี่นา!” คุณแม่เฝิงอวี้พูดเสียงอ้ำอึ้ง เธอมองลูกสาวอีกทีแล้วพูดเสียงเบา
“อาอวี้ แกว่าแบบนี้ได้ไหม เราถอนฟ้องก่อน แกอดทนอีกหนึ่งเดือนรอน้องชายของแกได้งานแล้วเราค่อยหย่า ถึงตอนนั้นแม่จะสนับสนุนแกแน่ ๆ!”
คุณแม่เฝิงอวี้คิดว่าแผนการตัวเองเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ก่อเรื่องขนาดนี้เจ้าสารเลวนั่นคงไม่กล้าลงมือทำร้ายลูกสาวอีกแน่ ๆ ถ้าไม่ไหวจริง ๆเธอกับสามีจะไปเยี่ยมลูกสาวที่บ้านบ่อย ๆ
มีพวกเขาสองคนอยู่คนชั่วนั่นคงจะยับยั้งใจได้บ้าง เวลาหนึ่งเดือนไม่นานก็ผ่านไป เช่นนี้ลูกชายก็มีงานลูกสาวก็ได้หย่า ดีจะตาย!
ส่วนลูกสาวคนเล็ก…เฮ้อ…ทำได้แค่ค่อยคิดหาทางใหม่ในวันหน้าแล้วกัน!
เหมยเหมยตกใจกับทัศนคติของยายแก่นี่มากจริง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าลูกเขยคือปีศาจตัวร้าย คิดไม่ถึงว่าจะให้ลูกสาวกลับไปอยู่ข้างปีศาจร้ายตัวนั่นอีก?
นี่คงอยากให้เฝิงอวี้รีบ ๆตายไปสินะ!
“คุณอย่ามาพูดจาเหลวไหล อาอวี้ อย่าไปฟังแม่ของลูก พ่อสนับสนุนให้ลูกหย่า ลูกไม่ต้องสนใจน้องชายน้องสาวลูกแล้ว พ่อผิดต่อลูกเอง!”
คุณพ่อเฝิงอวี้คำรามเสียงดุภรรยาแล้วมองลูกสาวคนโตอย่างรู้สึกผิด
“พ่อ…หนู…”
เฝิงอวี้น้ำตาไหลพรากในพริบตาแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮ เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อก็ถอนหายใจอย่างปลื้มใจเช่นกัน ก็ยังดีละนะ…
โชคดีที่คนเป็นพ่อยังเหลือเยื่อใยสายสัมพันธ์พ่อลูกกับเฝิงอวี้อยู่บ้าง
“ไป…กลับบ้านกับฉัน!”
คุณพ่อเฝิงอวี้ฉุดแขนภรรยาลงจากรถ เขาไม่กล้าสู้หน้าลูกสาวอีกแล้ว มิน่าเพื่อนของลูกสาวคนโตเมื่อครู่ถึงได้ใช้สายตาแปลก ๆมองเขา แล้วยังพูดคำที่ทำร้ายจิตใจขนาดนั้นออกมาอีก
“คุณอย่าวู่วามสิ…แล้วงานลูกชายเล่าจะทำยังไง เขาไม่มีงานดี ๆก็จะหาคู่ชีวิตดี ๆไม่ได้นะ คุณอยากอุ้มหลานอยู่อีกไหม?”
คุณแม่เฝิงอวี้โวยวาย เธอเครียดแทบตายอยู่แล้ว ลูกชายจวนจะสามสิบสองแต่ยังไม่มีคู่ครอง จะไม่ให้เธอร้อนใจได้อย่างไรไหว?
“ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม!”
……
เสียงห่างออกไปเรื่อย ๆจนเงียบลงในที่สุด
“อย่าร้องไห้ไปเลย อีกครึ่งเดือนก็จะขึ้นศาลแล้ว เธอต้องตั้งสตินะ!” เหมยเหมยให้กำลังใจเฝิงอวี้
“อื้ม…คราวนี้ฉันจะไม่ยอมถอยอีกแน่!” เฝิงอวี้หนักแน่นมากกว่าเดิม
ครึ่งเดือนนี้เฝิงอวี้ทำงานเลี้ยงลูกชายใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเดิม เธอมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่หยางอันคังไปหาเธอที่โรงเรียนหลายครั้งแต่เฝิงอวี้กลับเลี่ยงที่จะพบ คนที่ไปหาเธออีกคนยังมีแม่ของเธอซึ่งเฝิงอวี้ไม่ยอมพบเช่นกัน
การกระทำของคุณแม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างถึงที่สุด!
ไม่นานเวลาครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไปจนถึงวันขึ้นศาล เฝิงอวี้ขอลางานและไม่ให้ลูกชายมา เพียงบอกไปว่าให้เขาเรียนหนังสือต่อไป อย่าสนใจเรื่องผู้ใหญ่ พวกเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไปกันหมดรวมถึงเยวี่ยเซียงที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาก็ตามไปด้วย
หลังผ่านการเข้ารักษาระยะหนึ่งเยวี่ยเซียงก็แข็งแรงขึ้นไม่น้อย แถมยังมีน้ำมีนวลขึ้นประมาณหนึ่ง ทุกคนจึงมีความเชื่อมั่นในตัวเธอขึ้นอีกครั้ง บางทีปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นก็เป็นได้!
เฝิงอวี้ตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัว เธอกลายเป็นคนสวยและมีความมั่นใจในตัวเอง คนตระกูลหยางแทบจำไม่ได้ในครั้งแรก แต่พอเห็นเฝิงอวี้นั่งประจำตำแหน่งฝ่ายโจทก์ สีหน้าพวกเขาก็ดูแย่ลงในทีเดียว
ออกไปจากบ้านตระกูลหยางกลับมีชีวิตอิ่มเอมใจยิ่งกว่าเดิมเสียได้ หน็อยแน่!
………………………………
ตอนที่ 2718 ชัยชนะอยู่ในกำมือ
เฝิงอวี้ไม่ได้มองคนตระกูลหยางเลย เธอแค่ยิ้มนิ่ง ๆดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่มีเพียงเธอที่รู้ว่าในใจเธอตอนนี้เหมือนมีพายุระดับสิบสองกำลังพัดโหมและพร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อ
“นิ่งไว้ ต้องรักษามาดไว้ตลอด ทำตามที่ฉันสอนคุณไว้ รับรองว่าคุณจะเป็นอิสระตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
ทนายกัวสังเก็ตเห็นเฝิงอวี้ลอบกำหมัดก็กระซิบพูดข้างหูเธอเบา ๆ คดีนี้เธอมีชัยชนะอยู่ในกำมือ มีหลักฐานมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอยังทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เฝิงอวี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องอยู่เมืองหลวงอีกแล้ว!
“อืม…ฉันจะไม่โวยวาย!” เฝิงอวี้พยักหน้ารับ
ช่วงนี้ทนายกัวสอนอะไรให้เธอมากมาย สอนเธอว่าควรสร้างความประทับใจจากผู้พิพากษาในชั้นศาลได้อย่างไร ควรหลั่งน้ำตาให้ดูน่าสงสารอย่างเหมาะสมอย่างไรถึงไม่ทำให้ผู้พิพากษารังเกียจ แล้วควรอธิบายสิ่งที่ตัวเองได้ประสบพบเจออย่างรวบรัดอย่างไรเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากผู้พิพากษาได้…
สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากข้อสรุปในประสบการณ์ทั้งหมดของทนายกัว ถึงฟังดูน่าขำไปสักนิดแต่กลับใช้ได้ผลอย่างมาก
เพราะถึงผู้พิพากษาต้องเที่ยงธรรม แต่มันเป็นไปได้หรือ?
ผู้พิพากษาเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นมนุษย์ก็ต้องมีมุมมองการตัดสินใจและกิเลสส่วนตัว ต่อให้ผู้พิพากษาเที่ยงธรรมได้สักเพียงใด แต่เขา(เธอ)ก็ยังถูกความคิดอันเป็นปัจเจกส่งผลต่อการตัดสินในชั้นศาล บางทีผลกระทบนี้อาจจะเล็กน้อยไม่พอให้เอ่ยถึงแต่ก็ถือว่ามี
ฉะนั้น…ผลกระทบเล็กน้อยนี้สำคัญมาก อย่าดูถูกโดยเด็ดขาด
ทนายกัวต้องการจะสอนให้เฝิงอวี้เรียกร้องความเห็นใจเพียงน้อยนิดนี้จากผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาเป็นชายวัยกลางคนดูเคร่งขรึมคนหนึ่ง สีผิวดำดูเหมือนเปาบุ้นจิ้นก็ไม่ปาน ทนายกัวมีความสัมพันธ์กับพนักงานในชั้นศาลดีไม่หยอก แต่เธอกลับไม่ค่อยสนิทคุ้นเคยกับผู้พิพากษาท่านนี้ เธอรู้แค่ว่าเป็นคนค่อนข้างเข้าหายากฉะนั้นเธอถึงได้เน้นย้ำเฝิงอวี้ไว้ อย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้
การพิพากษาเริ่มต้นขึ้น ผู้พิพากษาดำเนินการตามกระบวนการในชั้นศาลโดยให้ทนายทั้งสองฝ่ายเริ่มว่าความ ทนายกัวพูดไล่ต้อนพร้อมเปิดเผยหลักฐานกองใหญ่ หนึ่งในนั้นมีผลตรวจอาการบาดเจ็บของเฝิงอวี้ รูปถ่ายสุดสยองนั่นแม้แต่ผู้พิพากษายังสีหน้าเปลี่ยนไปจนอดปรายตามองฝิงอวี้ที่ขอบตาแดงก่ำแต่ยังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่แวบหนึ่งได้
“ท่านผู้พิพากษา จำเลยทารุณโจทย์มาเป็นระยะเวลาหลายปี ส่งผลให้สภาพร่างกายและจิตใจของเธอได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง ทั้งยังถูกฟ้องว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่ มีความสัมพันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์กับนักศึกษาหญิงมากมาย ซึ่งมีรูปภาพและคลิปเสียงเป็นหลักฐาน…”
ทนายกัวแสดงหลักฐานที่เหมยเหมยกับพี่หนิวตามสืบมาทีละอย่าง แม้ไม่มีหลักฐานตามจับชู้ได้คาหนังตาเขาแต่มีรูปถ่ายที่โรงละครเวที รวมถึงหลักฐานจากเพื่อนร่วมงานกับนักศึกษาของหยางอันคัง…ข้อหานอกใจคงหนีไม่พ้นแล้ว
“ท่านผู้พิพากษา หยางอันคังยังควบคุมบัตรเงินเดือนรวมถึงอิสระในชีวิตของโจทก์เป็นเวลานาน ดังนั้น…นอกจากจะยกเลิกความสัมพันธ์ชีวิตคู่ จำเลยต้องชดใช้ให้โจทก์เป็นจำนวนเงินสองแสนถ้วน นอกจากนี้สินสมรสของจำเลยรวมถึงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูหยางเสี่ยวจวินต้องตกเป็นของโจทก์ทั้งหมด”
ทนายกัวพูดยาวเหยียด นอกจากจะให้หยางอันคังไปตัวเปล่าแล้วยังยื่นเงื่อนไขให้ชดใช้เงินสองแสนอีกต่างหาก สิบสองปีที่ผ่านมานี้เงินเดือนของเฝิงอวี้รวม ๆกันแล้วก็ประมาณนี้ล่ะ
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแผลมากมายที่เธอได้รับ เงินสองแสนไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไรด้วยซ้ำ!
“เพ้อฝัน…นี่มันเกินความเป็นจริงไปแล้วชัด ๆ ผู้พิพากษา พวกเขากำลังพูดเหลวไหล หลักฐานพวกนี้ปลอมแปลงขึ้นมาทั้งนั้น ลูกชายดิฉันไม่ได้ทารุณเฝิงอวี้และไม่ได้นอกใจด้วย…”
แม่สามีเฝิงอวี้ที่นั่งดูอยู่ทนฟังไม่ไหวจึงหวีดร้องออกมาดั่งหญิงปากร้ายไร้มารยาท ไร้ซึ่งภาพลักษณ์ ‘ศาสตราจารย์’ ไม่รู้จริง ๆว่าเธอได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ได้อย่างไร
………………