ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2759 เร่งแต่งงาน + ตอนที่ 2760 อาการไม่ค่อยดีนานแล้ว

บทที่ 2759 เร่งแต่งงาน + ตอนที่ 2760 อาการไม่ค่อยดีนานแล้ว

ตอนที่ 2759 เร่งแต่งงาน

ครั้นเหมยเหมยได้ยินชื่อเซียวเซ่อก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…พวกเขาสองคนอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ หนูจะไปรู้ได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์ของสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อเป็นอย่างไรบ้าง คุณอาลองถามสยงมู่มู่ก็รู้แล้วค่ะ”

จ้าวอิงหนานรู้สึกผิดหวังมากจึงพูดอย่างหัวเสีย “ฉันถามแล้วเขาจะบอกเหรอ? บอกฉันทุกวันว่าอย่ายุ่ง ๆ ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเหมือนกันแต่เขาช่วยทำตัวให้มันมีอนาคตหน่อยไม่ได้เหรอ? แวบเดียวก็จะอายุ 30 แล้ว แม้แต่เงาของภรรยาก็ไม่มีโผล่มาเลย!”

“คุณอาคะ…สยงมู่มู่อายุเท่าหนู ปีนี้เพิ่งจะ 25 ปีครึ่งเองค่ะ ยังห่างจากเลข 30 อีกไกล!” เหมยเหมยเตือนด้วยเสียงหนักแน่น

ไม่ต้องปัดเศษอะไรทั้งนั้น อายุ 25 ปีครึ่งก็คืออายุ 25 ปีนั่นแหละ บวกอีกครึ่งปีก็เพิ่งจะอายุ 26 ปีซึ่งยังห่างจาก 30 อีกมาโข สิ่งที่น่ารำคาญก็คือพวกผู้ใหญ่ชอบบวกให้อายุเพิ่มขึ้น เงินเดือนก็ชอบบอกต่ำกว่าปกติ…จริง ๆเลย!

จ้าวอิงหนานก็ยังหาเรื่องพูดได้อีก “ดูสิ…เธออายุน้อยกว่ามู่มู่ครึ่งปีแต่เล่อเล่อกลับเล่นไพ่นกกระจอกได้แล้วเนี่ย แต่พี่ชายของเธอแม้แต่ภรรยาอยู่ที่ไหนก็ยังหาตัวไม่เจอเลย เธอคิดดูจะไม่ให้ฉันร้อนใจได้อย่างไร?”

เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างได้ใจ ลูกสาวของเธอไม่ได้มีความสามารถแค่เล่นไพ่นกกระจอกได้เท่านั้นนะ!

อีกอย่างการเอาคนมาเปรียบกันมันน่าโมโหจะตาย หากเอามาเปรียบกับครอบครัวที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างเธอ แบบนี้จะไม่เป็นการหาเรื่องทำให้ตัวเองปวดใจหรือ!

คำพูดพวกนี้จะพูดต่อหน้าคุณอาไม่ได้ เพราะเป็นคุณอาแท้ ๆ อย่าทำให้เธอโกรธจะดีกว่า

“คุณอาคะ…เมื่อก่อนคุณอาไม่ได้บอกว่าอยากจะใช้ชีวิตสองคนกับอาเขยเหรอคะ? แล้วทำไมจู่ ๆถึงเร่งให้สยงมู่มู่แต่งงานล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ คนที่เอาแต่พร่ำบอกว่าอยากใช้ชีวิตโลกเราสองก็คือคุณอาสุดที่รักของเธอนี่แหละ

“เห้อ…จริง ๆฉันกับอาเขยของเธอก็ไม่ได้เร่งอะไรหรอก แต่คุณปู่กับคุณย่าของสยงมู่มู่สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว คาดว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี พวกเขาก็แค่อยากเห็นมู่มู่มีคู่ครอง ยิ่งมีลูกด้วยพวกเขาก็จะยิ่งดีใจ ต่อให้ตายก็คงตายตาหลับแล้ว…”

จ้าวอิงหนานถอนหายใจ จู่ ๆบรรยากาศก็แย่ลง เหมยเหมยนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เธอเคยเจอผู้เฒ่าสยงทั้งสองอยู่หลายครั้ง พวกเขาเป็นผู้เฒ่าที่มีจิตใจเมตตาซึ่งอายุมากกว่าคุณย่าหยางสองสามปีแต่สุขภาพกลับแย่กว่าคุณย่าหยางมาก

“ถ้าอย่างนั้น สยงมู่มู่รู้เรื่องนี้ไหมคะ? คุณอาต้องบอกเขานะคะ ให้เขาใส่ใจหน่อย!”

“พวกเขาไม่ให้ฉันบอกเพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่องานของมู่มู่…” จ้าวอิงหนานลังเลเล็กน้อย

“แต่คุณอาก็ต้องบอกค่ะ ถ้าเกิดว่าท่านทั้งสองไม่อยู่แล้วสยงมู่มู่ต้องปวดใจมากแน่ ๆ คุณอาต้องให้เขาเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆนะคะ” เหมยเหมยพูดโน้มน้าว

จ้าวอิงหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลง “โอเค ฉันจะโทรหาสยงมู่มู่เดี๋ยวนี้แหละ แล้วก็จะถามเรื่องแฟนเขาต่อด้วยเลย ถ้ามีแล้วจริง ๆก็ให้พามาให้ฉันกับพ่อเขาดูตัวสักหน่อย!”

เหมยเหมยมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียง ‘ตุ๊ด ๆ’ มาจากปลายสายก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ คุณอาของเธอวู่วามใจร้อนเหมือนตอนสาว ๆไม่ผิดเลย

แต่ตอนนี้เรื่องราวกับแปลกขึ้นเรื่อย ๆ สยงมู่มู่มีแฟนแล้วเหรอ?

หรือว่าคนที่เขาพูดกับอาเขยก็คือเซียวเซ่อ?

ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ รอให้เซียวเซ่อกลับมาก่อนค่อยถามแล้วกัน ดูสิว่าเธอและสยงมู่มู่พัฒนากันไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้ต้องไปวางกุญแจให้คุณหญิงเซียวก่อน!

เธอเอากุญแจยัดไว้ใต้พรมแล้วแสร้งทำเป็นเดินไปเดินมาหน่อยค่อยออกไปจากที่นั่น บ้านหลังนี้เคยมีคดีฆาตกรรม เพื่อนบ้านก่อนหน้านั้นเลยย้ายออกไปหมดแล้ว ชั้นนี้จึงไม่มีคนอยู่ กุญแจจึงปลอดภัยมาก

เพิ่งขึ้นรถมาโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนโทรมาน้ำเสียงดูร้อนรนมาก “รีบมาโรงพยาบาล เยวี่ยเซียงแย่แล้ว!”

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ ยังไม่ถึงสามเดือนดีเลยทำไมอยู่ดี ๆถึงไม่ไหวแล้วล่ะ?

ครั้งที่แล้วผู้เชี่ยวชาญยังบอกเองว่าจะอยู่ต่อได้อีกหนึ่งปีนี่นา!

……………………………………….

ตอนที่ 2760 อาการไม่ค่อยดีนานแล้ว

เหมยเหมยรีบไปโรงพยาบาล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่อุ้มนันนันไว้มาถึงโรงพยาบาลแล้ว พี่ฮวาก็ตามมาด้วยเช่นกัน เธอก้มหน้าก้มตา พอเห็นเหมยเหมยก็ยิ่งหดคองอตัวด้วยท่าทีเกรงกลัว

เธอสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่พี่ฮวาใส่อยู่เปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ไม่ใช่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแต่ก็ดูออกว่าฝีมือและเนื้อผ้าไม่น่าจะใช่ของถูก ๆ ทั้งตัวอย่างน้อยก็น่าจะหลายร้อยและแน่นอนว่าต้องเป็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่จัดการ

เหมยเหมยพรูลมหายใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องใจอ่อนและเก็บผู้หญิงชอบโกหกคนนี้ไว้ จริง ๆเลย…

ช่างเถอะ วันหลังถ้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลำบากก็จะได้รับบทเรียนบ้าง ต่อให้คนอื่นพูดมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์

“เยวี่ยเซียงเป็นอะไรไป? สองสามวันก่อนยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยรีบถามด้วยความร้อนใจ

พวกเธอต่างอยู่นอกห้องผ่าตัด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าอยู่ดี ๆเยวี่ยเซียงก็ไอเป็นเลือดแล้วสลบแน่นิ่งไป ซึ่งทางโรงพยาบาลโทรมาหาเธอถึงเพิ่งรู้เรื่องนี้และไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ไหม

นันนันราวกับรับรู้ได้ว่าแม่แท้ ๆของเขากำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มหวานอยู่บนใบหน้าน้อย ๆเหมือนเมื่อก่อน เธอหดตัวอยู่ในอ้อมอกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน มือน้อย ๆโอบคอของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้แน่น และไม่ยอมให้คนอื่นอุ้ม

“คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?”

“ไม่รู้เหมือนกัน…เข้าไปสองชั่วโมงแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาเลย ฉันร้อนใจจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเต็มไปด้วยความกังวล

ฉีฉีเก๋อ เฝิงอวี้และพี่หนิวต่างรีบมา ไฟสีแดงที่สว่างไสวอยู่หน้าห้องผ่าตัดรั้งหัวใจของทุกคนไว้ ฉีฉีเก๋อพึมพำกับตัวเองอยู่ตลอด “ทำไมถึงอาการแย่ได้นะ…เมื่อวานฉันเห็นเธอยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย…”

พี่หนิวถอนหายใจ “พวกเธอต่างโดนเยวี่ยเซียงหลอกแล้วล่ะ จริง ๆแล้วเธออาการไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เจ็บทรมานจนนอนไม่หลับ ตอนก่อนเจอพวกเธอก็ให้คนมาแต่งหน้าให้พยายามปกปิดไม่ให้พวกเธอดูออก…เฮ้อ!”

เยวี่ยเซียงช่างมีชีวิตที่ขมขื่นจริง ๆ…ไม่เคยเห็นใครทุกข์ทรมานได้เท่าเธอแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน อย่างมากเยวี่ยเซียงก็จะแค่ร้องเสียงโอดโอยเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนคนป่วยคนอื่นที่ร้องโวยโวยเสียงดัง เธอบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นรำคาญ…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนด่าขึ้นว่า “ยัยโง่ ทำไมเธอถึงไม่บอกพวกเรานะจะได้เปลี่ยนยาที่ดีกว่านี้ให้เธอ…โง่จริง ๆเลย…”

“วันนั้นเธอเห็นใบค่ายาแล้วบอกว่าชีวิตของเธอไม่คู่ควรกับเงินมากมายขนาดนี้ แถมยังบอกอีกว่าเชี่ยนเชี่ยนยังต้องเลี้ยงนันนัน ไม่ควรจะเอาเงินมาฟุ่มเฟือยกับเธอ…เธอก็อย่ารู้สึกแย่ไปเลย เยวี่ยเซียงได้มาพบพวกเธอนับว่าเป็นโชคดีของเยวี่ยเซียงแล้ว ต่อให้ต้องจากไป…ก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม!” พี่หนิวปลอบพวกเธอ

“ฉันขาดเงินพวกนั้นซะที่ไหน…ทำไมถึงโง่ขนาดนี้นะ ช่างน่าโมโหจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธพร้อมปาดน้ำตา

เหมยเหมยเองก็เศร้าใจ เธอไม่คิดเลยว่าเยวี่ยเซียงจะรับรู้สัญญาณแห่งความตายอยู่แล้ว เฮ้อ…

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก คุณหมอเดินออกมาแล้วส่ายศีรษะให้กับพวกเธอ “เหลืออีกไม่กี่นาที คุยกับผู้ป่วยเถอะ!”

ทุกคนต่างใจหายแล้วเดินเข้าไปด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง เยวี่ยเซียงที่มีใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด พยายามฝืนยิ้มส่งให้พวกเธอ แต่สายตากลับจับจ้องนันนันที่อยู่ในอ้อมอกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เธอพยายามที่จะขยับริมฝีปากแต่กลับไร้เสียงใด ๆออกมา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับรู้ได้เลยอุ้มนันนันไปตรงด้านหน้าเธอ “วางใจเถอะ…ฉันจะเลี้ยงดูนันนันเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง ต่อให้อนาคตฉันจะมีลูกอีกมากมายแต่นันนันก็จะเป็นลูกสาวคนโตสุดที่รักของฉัน ฉันยังตั้งชื่อให้ด้วยนะว่าอิงเหวินเหวิน เธอคิดว่าชื่อนี้เป็นไงบ้าง?”

“ดีค่ะ…ขอบคุณมากนะ…”

เยวี่ยเซียงพยักหน้ารับอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมเผยยิ้มอย่างยินดี มือผอมแห้งขยับแต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้นได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจับมือเธอขึ้นมาแล้วเอามือของเธอนาบบนดวงหน้าน้อย ๆของนันนัน

………………

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท